ดื่มด่ำกำซาบบทเพลงแจ๊ซกับคอนเสิร์ต อีริก มาเรียนธอล

สร้างความประทับใจให้กับคอแจ๊ซชาวไทยไปเป็นที่เรียบร้อยกับคอนเสิร์ต "Eric Marienthal The Best of Fusion Jazz Live in Bangkok" ซึ่งจัดขึ้นที่ เอ็ม เธียเตอร์ ถนนเพชรบุรี เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ที่ผ่านมา งานนี้คับคั่งไปด้วยเหล่าบรรดาขาแจ๊ซทั้งหลายที่แห่แหนกันมาสดับรับฟังเสียงแซกโซโฟนจากนักดนตรีแจ๊ซคนนี้ รวมไปถึงคนดังในวงการดนตรีมาที่มาร่วมดื่มด่ำไปกับบทเพลงในค่ำคืนอันแสนพิเศษนี้ด้วย อาทิ "นุ้ย - วิริยาภา จันทร์สุวงศ์" "หนึ่ง - จักรวาร เสาธงยุติธรรม" และ "วรนุช กนกากร" หรือ "สวีทนุช"

ก่อนจะขึ้นบรรเลงฝีไม้ลายมือในการแสดงครั้งนี้ "อีริก มาเรียนธอล" (Eric Marienthal) นักแซกโซโฟนระดับโลก วัย 52 ปี ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้สัมภาษณ์แบบพิเศษสุดท่ามกลางบรรยากาศอันเป็นกันเอง

ก่อนหน้านี้ เคยมาประเทศไทยไหม

"เคยมาแล้ว 2 ครั้งครับ ครั้งแรกมาเล่นกับวงของตัวเอง ส่วนครั้งที่ 2 มากับ ลี ริตนาวร์ (Lee Ritenour) และ ลาร์รี คาร์ลตัน (Larry Carlton) ส่วนครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3"

รู้สึกอย่างไรกับประเทศไทย

"ประทับใจมาก ชอบ รู้สึกว่าผู้คนก็เป็นมิตรนะครับ แล้วก็ทัวร์ครั้งนี้ผมไปมา 6 ทวีปแล้ว ทัวร์กระหน่ำมาก รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เล่นกับนักดนตรีไทย เพราะไม่เคยเจอกันมาก่อน เพิ่งเริ่มซ้อมเมื่อวาน แต่รู้สึกว่าเข้ากันได้ดี และก็น่าจะเล่นได้สนุกมาก"

เริ่มสนใจดนตรีแจ๊ซได้ยังไง

"เริ่มจากช่วงอายุ 16-17 ก็คือเพื่อนๆ และรุ่นพี่ที่โรงเรียนเนี่ย ฟังพวกเพลงของ ไมล์ เดวิส (Miles Davis) จอห์น โคลเทรน (John Coltrane) ก็ทำให้ผมสนใจแจ๊ซมากขึ้นเรื่อยๆ และสุดท้ายก็เข้าเรียนที่เบิร์กลี ได้เรียนรู้อะไรมากขึ้นเกี่ยวกับดนตรีแจ๊ซที่นั่น และก็ผมก็ตัดสินใจที่จะมุ่งมั่นมาทางสายดนตรีเลย

จำเป็นหรือเปล่าที่นักดนตรีแจ๊ซจะต้องเรียนที่มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง

" ��ันก็เหมือนการศึกษา เรียนมหา'ลัยก็ได้เปรียบ มันเหมือนกับได้เรียนรู้อะไรที่มากขึ้น มันก็ถือเป็นข้อได้เปรียบที่จะได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติม แต่มันก็ไม่ได้เป็นสิ่งจำเป็นเท่าไร เพราะมีนักดนตรีอีกเยอะที่ไม่ได้เข้าเรียนสถาบันพวกนี้แต่ว่าไปได้สวยกัน อันนี้ก็แล้วแต่ค� "

ฟังดนตรีแนวอื่นๆ นอกเหนือจากแจ๊ซบ้างหรือเปล่า

" ��ังคลาสสิกด้วย ชอบ สตราวินสกี (อิกอร์ สตราวินสกี - Igor Stravinsky) และ คอร์ซาคอฟ (นิโคไล ริมสกี คอร์ซาคอฟ - Nikolai Rimsky-Korsakov) ก็แต่ว่าก็ฟังแนวอื่นๆ ทั่วๆ ไปด้วย เพราะว่าการเล่นฟิวชันแจ๊ซ มันคือการผสมผสานแนวดนตรีอยู่แล้ว ผมก็เอาอิทธิพลของดนตรีแนวต่างๆ เข้ามาผสมกั� "

แล้วชอบฮิปฮอปหรือเปล่า

" ��ันมีดนตรีอยู่ 2 แบบ ก็มีดนตรีที่ดี กับดนตรีอีกประเภทหนึ่งก็คือคุณชอบแบบไหน คุณก็ฟังแบบนั้น ไม่ได้แปลว่าดีหรือไม่ดี มันเป็นของรสนิยมส่วนบุคคล ก็ชอบอะไรก็ฟังอันนั้นไปก็เท่านั้นเอ� "

ทำงานกับศิลปินมามาก คนไหนที่ประทับใจคุณมากที่สุด

ต้องเป็น ชิก โคเรีย (Chick Corea) เพราะว่า ชิก โคเรีย เป็นคนดึงผมเข้าไปเล่นด้วย จริงๆ แล้วการที่ดังขึ้นมาได้ก็เพราะได้ไปอยู่กับชิกนี่ล่ะ ซึ่งตัวชิกเอง เขาเป็นคนที่เก่งมากอยู่แล้ว แค่ซ้อมดนตรีด้วย เล่นอยู่ใกล้ด้วย ก็จะได้เรียนรู้อะไรต่างๆ เยอะมาก เพราะฉะนั้นเลยประทับใจในตัว ชิก โคเรีย มากที่สุด"

มีใครอีกไหมที่อยากจะร่วมงานด้วย

"มีเยอะ แต่ส่วนใหญ่จะตายไปแล้ว (หัวเราะ) ถ้ายังมีชีวิตอยู่ ก็อย่าง สติง (Sting) แล้วก็ พอล แม็กคาร์ตนีย์ (Paul McCartney) กับ ริงโก สตารร์ (Ringo Starr) เพราะโดยส่วนตัวแล้วชอบ เดอะ บีเทิลส์ (The Beatles) มาก"

คาดหวังอะไรจากแสดงครั้งนี้

"ดนตรีแจ๊ซเป็นเรื่องของการอิมโพรไวส์ เพราะฉะนั้นมันก็ตอบยากว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น เพราะว่าผมต้องเล่นกับนักดนตรีไทยซึ่งซ้อมกันมาไม่กี่รอบด้วย ทุกอย่างจะสดใหม่มาก และตัวผมเองก็ตื่นเต้นที่จะได้เล่น แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้มาจาก ชิก โคเรีย ก็คือการสื่อสารกับคนดู พยายามดึงคนดูเข้ามาให้ได้มากที่สุด ให้คนดูมีส่วนร่วมกับการแสดง สนุกกับการแสดง ผมคิดว่าคืนนี้ก็น่าจะสนุกกันนะครับ"

ถามเรื่องอัลบั้มใหม่ที่ทำมานานถึงสองปีแล้ว ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง

"ก็บันทึกเสียงไปแล้วเรียบร้อยกับวงของมหาวิทยาลัยลาสเวกัส แต่อัลบั้มนี้เป็นเพลงคลาสสิก ซึ่งชุดนี้เสร็จไปแล้วและจะออกขายเดือนหน้า แล้วก็จะมีงานกับเพื่อน คือ เจฟฟ์ ลอร์เบอร์ (Jeff Lorber) ที่เป็นผลงานแจ๊ซของผมจริงๆ ก็จะออกปีหน้าครับ"

ขั้นตอนในการแต่งเพลงของคุณเป็นอย่างไร

"มันจะแตกต่างกันไปทุกครั้ง แต่ว่ามันจะมี 3 ส่วนด้วยกัน คือ ริธึม ซึ่งเป็นจังหวะ เมโลดี ซึ่งเป็นทำนอง ฮาร์โมนี ซึ่งมันก็แล้วแต่ บางครั้งอาจมีทำนองเข้ามาในหัว บางครั้งอาจมีจังหวะเข้ามาในหัวบ้าง ซึ่งทำให้มันแตกต่างกันไปทุกครั้ง และผมก็มักจะร่วมงานกับนักดนตรีคนอื่นๆ ด้วย ก็จะแชร์ไอเดียกัน ได้เพลง"

มีอะไรจะฝากให้กับแฟนๆชาวไทยบ้าง

"ขอบคุณมาก ขอบคุณทุกคนที่มาดู ขอบคุณผู้จัดงานด้วยครับ หวังว่าคงจะ ได้มาเปิดคอนเสิร์ตอีก"

หมดช่วงเวลาสัมภาษณ์ ก็มาถึงช่วงแห่งสุนทรีกันบ้าง เมื่อ อีริก พร้อมก้าวขึ้นเวทีแสดงฝีมือร่วมกันนักดนตรีชาวไทยอีกมากมาย ซึ่งในช่วงแรกได้วง "เดนนี่ อยู่ประเสริฐ ควอร์เต็ต" (Denny Euprasert Quartet) มาร่วมเสริมความสนุกให้แก่แฟนเพลงแจ๊ซ ประกอบไปด้วย "เด่น อยู่ประเสริฐ" (เปียโน) "ณภัทร พิริยะกิตศรัณย์" (กลอง) "ช้างต้น กุญชร ณ อยุธยา" (กีตาร์) และ "เอ - สิรภพ สิทธิ์สน" (ดับเบิลเบส) โดย อีริก เลือกเอาบทเพลงซึ่งมีชื่อเสียงของเขามาบรรเลงบนเวที อาทิ "Hangin' on the Boardwalk" "Compered to What" "Uptown" และ เพลงดังของ ชิก โคเรีย อย่าง "Spin" เรียกเสียงปรบมือได้ดังกระหึ่ม

หลังจากพักไป 10 นาที กลับมาเริ่มต้นช่วงที่ 2 พร้อมเปลี่ยนกำลังสนับสนุนชุดใหม่ โดยมี ณภัทร และ เอ ร่วมด้วย "ซัน - รัตนะ วงศ์สรรเสริญ" (เปียโน) "แง๊ว - อาณัติ เอี่ยมวงษ์ศรีกุล" (กีตาร์) ขึ้นมาร่วมสร้างสีสันบนเวที ซึ่งเรียกเสียงจากผู้ชมได้ไม่แพ้ช่วงแรก โดย อีริก หยิบเพลงของเขามาเอาใจแฟนเพลงชาวไทย เช่น "Oasis" และ "Blue Water"

ต่อกันด้วยแขกรับเชิญสุดพิเศษ "โก้ - เศกพล อุ่นสำราญ" หรือ "โก้ มิสเตอร์แซกแมน" ที่แสดงการเป็นปลื้มอย่างมากที่ได้ขึ้นมาดวลแซกโซโฟนกับ อีริก ทั้ง 2 หยิบเอา "New York State of Mind" เพลงเก่าของ บิลลี่ โจเอล (Billy Joel) ขึ้นมาประชันฝีมือกันอย่างถึงพริกถึงขิง

เมื่อถึงช่วงสุดท้ายของงาน อีริก กล่าวขอบคุณแฟนเพลงทุกๆ คนที่มาร่วมชมการแสดงของเขา และอำลาเข้าหลังเวทีไป แต่แฟนเพลงยังไม่ยอมลุกไปไหน จน อีริก ต้องกลับมาบนเวทีอีกครั้งพร้อมกับนักดนตรีทั้งหมด และแสดงฝีไม้ลายมือร่วมกันเป็นของหวานปิดท้ายในอาหารหูมื้อนี้ ที่คาดว่าจะตราตรึงใจชาวแจ๊ซหลายคนไปไม่น้อย