ดื่มด่ำดนตรีแจ๊สหลากสัญชาติในงาน แจ๊สกรุงเทพฯ ครั้งที่ 5
ผ่านพ้นไปแล้วกับมหกรรมคอนเสิร์ตที่เหล่าคอเพลงแจ๊สต่างเฝ้าคอยกับ "5th Bangkok Jazz Festival 2007" โดยคราวนี้เปลี่ยนฐานที่มั่นไปอยู่ ณ ร.๑ พัน ๑ รอ. เพื่อขยายพื้นที่ให้กว้างใหญ่จุใจชาวแจ๊สทั้งหลายนั่นเอง สำหรับการจัดงานมีขึ้นทั้งหมด 3 วัน ระหว่างวันที่ 8-10 ธันวาคม ที่ผ่านมา
และแล้วเวลาดี 18.00 น. หลังจากเคารพธงชาติของวันแรก งานก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ ประเดิมการฉายภาพยนตร์ส่วนพระองค์ พระราชกรณียกิจ รวมทั้งพระปรีชาสามารถทางดนตรีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จากนั้น "พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา" ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวเปิดงาน พร้อมผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ "อภิรักษ์ โกษะโยธิน"
เริ่มงานกันด้วยวง "มิวสิก มิวสิก มิวสิก" (Music Music Music) จากประเทศสวีเดนที่ขอใส่เสื้อเหลืองยกทีมออกมาอัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ แล้วจากนั้น 3 หนุ่ม "ฟาเบียง คาลเลอร์ดาฮ์ล" (Fabien Kallerdahl) (เปียโน) "ไมเคิล เอ็ดลุนด์" (Michael Edlund) (กลอง) และ "โจเซฟ คาลเลอร์ดาฮ์ล" (Josef Kallerdahl) (ดับเบิ้ลเบส) จึงเริ่มรัวกลอง ดีดดับเบิ้ลเบส และพริ้วเปียโนไปกับหลายบทเพลง อาทิ "Satoshi" "September" "Try To Be Polite" และเพลงรักหวานๆ อย่าง " What A Wonderful World"
ต่อด้วยอดีตวงใต้ดินสุดเก๋จากประเทศอังกฤษ "ชาคาแท็ก" (Shakatak) นำโดย 4 สมาชิก "บิล ชาร์ป" (Bill Sharpe) (คีย์บอร์ด) "จิล ซาวาร์ด" (Jill Saward) (ร้องนำ) "โรเจอร์ โอเดลล์" (Roger Odell) (กลอง) และ "จอร์จ แอนเดอร์สัน" (George Anderson) (เบส) มาสร้างความบันเทิงกัน ซึ่งวันนั้นก็มากันแบบหลากหลายเครื่องดนตรีให้ได้เพลินหูกัน โดย จิล แสดงความเก๋าด้วยการรับหน้าที่ตีกลองและร้องนำสลับกันตลอดการแสดงแบบไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย
สำหรับเพลงที่พวกเขานำมาฝากกันจุใจแฟนๆ ชาวไทยสุดๆ ทั้ง "Invitations" "Easier Said Than Done" "Street Walking" "Day By Day" "Don't Say That Again" "Emotionally Blue" "You Are" เป็นต้น ส่วนเพลง "All Because Of You" จิล ขอปากหวานมอบเพลงนี้ให้กับคนดูในงานอีกด้วย จากนั้นลากันไปโดย บิล หัวหน้าของวงกล่าวลาคนดูทั้งหลาย ก่อนจบท้ายด้วยการโค้งสวยๆ ของสมาชิกวง
ส่วน "แม็ตต์ เบียงโก" (Matt Bianco) วงดนตรีจากยุค 80 ของหนุ่ม "มาร์ก ไรลีย์" (Mark Reilly) (ร้องนำ) "มาร์ก ฟิชเชอร์" (Mark Fisher) (คีย์บอร์ด) ร่วมด้วยสาว "บาเซีย เซ็ตเซลิวสกา" (Basia Trzetrzelewska) (ร้องนำ) โดยหนุ่ม มาร์ก ขอยึดไมค์ในเพลงจังหวะมัน ส่วนสาว บาเซีย ก็ขอฉายเดี่ยวร้องเพลงหวานและเพลงบอซซาโนวาเย็นๆ ให้ได้ผ่อนคลายสลับกันไป เช่น เพลง "Good Time" "Sunshine" และ "Whose Side Are You On?"
ปิดท้ายคอนเสิร์ตวันแรกด้วย "คิตาโร" (Kitaro) ยอดนักดนตรีเวิลด์มิวสิกชาวญี่ปุ่น ขอแสดงทั้งเครื่องดนตรีโบราณที่หน้าตาประหลาดและเครื่องดนตรีคุ้นหน้าอย่างคีย์บอร์ด ซึ่งไม่ว่าเขาจะหยิบจะจับเครื่องดนตรีชิ้นไหนดนตรีที่ออกมาก็ดูขลัง ต้องมนต์ ได้อย่างประหลาด แถมยังหนีบเอาสาวตะวันตกมาเล่นเครื่องสายเพิ่มความกลมกล่อมให้เพลงมากเป็นทวีคูณ
โดยบทเพลงที่นำมาฝากแฟนๆ กัน อาทิ "Koi" "Ritual Waves" ก่อนจะปิดท้ายโดยเหล่านักดนตรีของเขาบรรเลงคลอบทเพลงพระราชนิพนธ์ และ คิตาโร่ กล่าวอวยพรในหลวง จากนั้นจึงทิ้งท้ายด้วยการแนะนำนักดนตรีของวง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีมือคีย์บอร์ด ซึ่ง คิตาโร่ พูดตรงๆ เลยว่าเป็นแฟนสาวของเขา
ขณะที่วันที่สองก็ยังเต็มไปด้วยวงที่น่าสนใจทั้งนักร้องชาวดัตช์ขวัญใจชาวไทย "ลอร่า ฟิจิ" (Laura Fygi) วง "เดฟ แซมมวลส์ แอนด์ เดอะ แคริบเบียน แจ๊ส โปรเจ็กต์" (Dave Sumuels And The Carribbean Jazz Project) ซึ่งขนเพลงมาบรรเลงอย่าง "Rendezous" "Stolen Monent" "Bemsha Swing" "Arthur's Dance" และ "Mambo de Luna" เป็นต้น
ด้านวง "บลัด สวีต แอนด์ เทียร์ส" (Blood Sweat & Tears) ได้หยิบเพลง "More and More" "I Can't Quit Her" "Hi De Ho" "Love You More" "Maiden Voyage" และอีกหลายเพลงมาขับกล่อมผู้ฟัง ตามด้วย "นิลส์ แลนด์เกรน ฟังก์ ยูนิต" (Nils Landgren Funk Unit) ที่มาพร้อมกับบทเพลง อาทิ "Houseparty" และ "Freak U" ก่อนที่จะร่ำลากันในคืนวันที่สอง
ส่วนวันสุดท้ายของเทศกาลในปีนี้ จัดให้เป็นเอเชี่ยนเดย์ เป็นการรวมเหล่าวงแจ๊สจากประเทศแถบเอเชียมาร่วมแสดง ทั้งวง "จาจ้า" (Jaja) จากประเทศญี่ปุ่น "ยูจีน เปา แอนด์ เท็ด โล กรุ๊ป" (Eugene Pao & Ted Lo Group) จากประเทศฮ่องกง "แจ็ก ลี สเปเชี่ยล โปรเจกต์" (Jack Lee Special Project) จากเกาหลีใต้
ส่วนวงส่งท้าย คือ "โมโนโทน กรุ๊ป" จากประเทศไทย ที่พกพาเอาเพลงคุ้นหูอย่าง "นานอีกหน่อย" "คนไม่มีวาสนา" "วอน" และเพลงอื่นๆ เช่น "Lovin' You" "Leaving For The City" โดยมีแขกรับเชิญพิเศษเป็น "ตุลย์ อพาร์ตเมนท์คุณป้า" และ "นุ้ย เดอะ พีชแบนด์" มาเพิ่มความสนุกยิ่งขึ้น
