เปิดอัลบั้มชุดที่ 4 Save My Life ของ 4 หนุ่ม บอดี้สแลม
หลังจาก "ยาพิษ" ซิงเกิลแรกที่กลายเป็นเพลงดังถล่มทลาย ตอนนี้ "บอดี้สแลม" วงร็อกขวัญใจวัยรุ่นอันประกอบไปด้วย "ตูน - อาทิวราห์ คงมาลัย" (ร้องนำ) "ปิ๊ด - ธนดล ช้างเสวก" (เบส) "ยอด - ธนชัย ตันตระกูล" (กีต้าร์) และ "ชัช - สุชัฒติ จั่นอี๊ด" (กลอง) พร้อมแล้วกับการเปิดตัวอัลบั้มใหม่ "Save My Life" (เซฟ มาย ไลฟ์) รวมถึงแถลงข่าวคอนเสิร์ตวางยาพิษแฟนๆ "Bodyslam Save My Life Concert" (บอดี้สแลม เซฟ มาย ไลฟ์ คอนเสิร์ต) เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2550 ที่ผ่านมา โดยมี "เต๊ด - ยุทธนา บุญอ้อม" รับหน้าที่พิธีกร
ปิ๊ด มือเบสของวง อธิบายที่มาของเพลง ยาพิษ ว่า "มีอยู่วันนึง เป็นวันที่คิดอะไรกันไม่ค่อยออก แล้วก็เป็นช่วงเบรกพักจากการซ้อม ทุกคนออกมานอกห้องซ้อมกัน ตูน เค้าก็ยังเล่นกีต้าร์อยู่คนเดียวในห้องซ้อม แต่เป็นแบบช้าๆ แล้ว พี่ยอด เค้าก็ได้ยิน เค้าก็เข้าไปโซโล่กีต้าร์ตามแบบช้าๆ อีก ผมได้ยินก็เข้าไปเล่นเบสตามแบบช้าๆ แล้วอยู่ๆ พี่ชัช ก็เดินปุ๊บปั๊บเข้ามาตีกลอง แล้วก็อีกคนที่เป็นไคลแมกซ์ คือ พี่อ๊อฟ (อ๊อฟ - พูนศักดิ์ จตุระบุล มือกีต้าร์วง บิ๊กแอส) เดินเข้ามาถึงบอก พี่ชัช ว่าให้ตีแบบดิสโก้ นั่นแหละครับที่มา"
หลังจากพูดคุยเกี่ยวกับอัลบั้มพอหอมปากหอมคอก็ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย นั่นคือการร้องเพลง เริ่มด้วยเพลง "อกหัก" ที่ ตูน นักร้องนำขวัญใจสาวๆ ทำเท่ด้วยการเล่นกีต้าร์เอง ต่อกันด้วยการจำลองเหตุการณ์ในห้องซ้อมวันที่เล่นเพลง ยาพิษ เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็น ยาพิษ ในแบบอาร์แอนด์บี จากนั้นปิดท้ายด้วยเพลง ยาพิษ ในแบบร็อกที่ทุกคนคุ้นหู ซึ่ง ตูน ก็ยังคงลีลาท่าจับไมโครโฟนอันลือลั่นแบบเดิมไว้ แถมเพิ่มท่าเต้นท่าใหม่เรียกเสียงกรี๊ดเข้าไปอีก เรียกได้ว่าทั้งคนเล่นคนฟังมันไม่แพ้กันเลยทีเดียว
ปิดท้ายด้วยการถ่ายรูปและแจกลายเซ็นให้กับแฟนๆ แบบจุใจ ก่อนที่ บอดี้สแลม จะขอตัวมาให้สัมภาษณ์
พูดถึงอัลบั้มชุดนี้
ตูน "เป็นอัลบั้มชุดที่ 4 เริ่มทำกันมาได้ปีนึงตั้งแต่ระหว่างทัวร์ของชุดที่แล้ว เสร็จปีนี้ เมื่อเดือนที่แล้ว เป็นอัลบั้มที่ทีมงานที่ทำทุกคนรู้สึกว่าเต็มที่กับมันเหมือนทุกชุด และเมื่องานเสร็จออกมาแล้วทุกคนพอใจกับอัลบั้มนี้มาก ตอนที่ทำก็ไม่รู้ว่ามันจะพาเรามาถึงตรงไหน ไม่รู้ว่าจะเสร็จตรงไหน แล้วก็ไม่รู้ว่าเพลงที่ออกมามันจะมีรูปร่างเป็นยังไง เพราะเราไม่ได้กะเกณฑ์กับผลเลยว่าเราจะเอาแค่นี้พอหรืออะไร คือเราปล่อยไหล แล้วก็ดีใจที่เวลาที่เราให้กับมันทำให้มันพาเรามาถึงตรงนี้"
วัตถุดิบที่ใช้ในอัลบั้มหามาจากไหน
ตูน "วัตถุดิบมาจาก 2 ปีที่แล้วที่เราทัวร์คอนเสิร์ต ก็มีการเล่นเพลงของคนอื่นเยอะ ตอนที่เราซ้อมหรือเวลาเราไปซาวน์เช็ก เราก็จะรู้จุดเด่นของแต่ละคนว่าแต่ละคนมีจุดเด่นอะไรบ้าง นั่นก็คือวัตถุดิบที่เราเอามารวมกัน"
อัลบั้มนี้ดูมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นมากจากอัลบั้มที่แล้ว
ตูน "หมายถึงหน้าแก่ขึ้นเหรอ (หัวเราะ) จริงๆ แล้วก็คือ บอดี้สแลม แหละ ก็เป็น บอดี้สแลม ในช่วงเวลานี้ เราก็อยากเล่นอยากร้องอะไรที่เติมแรงบันดาลใจให้เรา เหมือนตอนเด็กๆ ที่เราคิดสนุกอยากจะร้องอะไรก็ร้อง อยากเล่นอะไรก็เล่น แต่ก็ยังเป็น บอดี้สแลม อยู่ ใครเป็นแฟน บอดี้สแลม ก็คงรู้สึกได้"
อัลบั้มเป็นแนวไหน
ตูน "ก็เป็นป๊อปร็อก เป็นโมเดิร์นร็อก"
การแต่งตัวเป็นยังไงบ้าง
ตูน "อยากใส่อะไรก็ใส่ อยากทำอะไรก็ทำ เราออกมา 3 อัลบั้มแล้ว ในเรื่องของตัวเพลงเราก็ได้ร้องได้เล่นกันไปหมดแล้ว พอสมควรแล้วที่เราจะต้องหาแรงจูงใจใหม่ๆ ที่ทำให้เราเด็กอีกครั้งนึง ผมคิดว่าการจะอยู่ตรงนี้ ต้องหาแรงจูงใจให้กับตัวเองอยู่ตลอดเวลา ต้องรู้สึกมีชีวิตชีวาก่อนที่จะทำให้คนอื่นรู้สึกมีชีวิตชีวาด้วย ผมคิดว่าการแต่งตัวหรือสไตล์ดนตรีที่เราใส่ไป ทำให้ทุกคนรู้สึกได้ว่าเรามีความสุข แล้วทุกคนก็จะมีความสุข"
คือรูปแบบปกติในชีวิตประจำวัน
ตูน "ใช่ ทุกวันผมก็จะใส่แบบนี้"
ขาลอยแบบนี้น่ะหรือ
ตูน "ใช่ครับ" (หัวเราะ)
คิดยังไงกับวัยรุ่นที่แต่งตัวตาม
ตูน "อยากให้ทุกคนแต่งตัวเป็นตัวเองดีกว่า ฟรีสไตล์ วันนี้อยากใส่ขาสั้นก็ใส่ วันนี้อยากใส่ขายาวก็ใส่ อยากให้ทุกคนรู้จักตัวเองแล้วก็ครีเอตแฟชั่นของตัวเองขึ้นมา น่าจะสนุกกว่า"
คิดว่าเสน่ห์ของอัลบั้มนี้อยู่ที่ไหน
ตูน "เสน่ห์อยู่ที่เนื้อเพลงกับดนตรีที่ไปด้วยกันแล้วลงตัว อย่างที่บอกว่าอัลบั้มนี้เราไม่รู้ว่าเพลงเราจะจบตรงไหน จะมีเพลงเร็วกี่เพลง เพลงช้ากี่เพลง เราไม่ได้บล็อกอะไร ก็คืออยากให้ลองฟังมากกว่า"
อัลบั้มนี้มีส่วนร่วมยังไงบ้าง
ตูน "เมื่อกี้เห็นตอนจบคอนเสิร์ตไหมครับที่มีพี่ๆ ทุกคนออกไปยืน (มีทีมงานทั้งหมดร่วม 30 คนออกมายืนบนเวที) นั่นแหละ ทุกคนมีส่วนในอัลบั้มนี้หมดเลย เราเป็นแค่คนสี่คนที่ยืนออกมาเสนอแนวคิดของคนกลุ่มนี้ แล้วก็คนกลุ่มนี้นี่หมายถึงคนที่รักดนตรี คนที่รักเพลง คนที่ต้องการมีอัลบั้มดีๆ สักอัลบั้มนึงไว้ฟัง แต่เราเป็นตัวแทนที่เป็นกระบอกเสียง ก็ถ้าอยากจะรู้เครดิตลึกๆ ก็ลองอ่านในปกซีดีดูได้ครับ"
ตารางงานตอนนี้เป็นยังไง
ตูน "ส่วนใหญ่เป็นทัวร์โปรโมตก่อน เพราะอยากให้ทุกคนรู้จักเพลงก่อนเพราะต้องใช้เวลา"
แล้วระยะเวลาในการทัวร์จะนานแค่ไหน
ตูน "ก็ประมาณสองปีครับ"
ไม่ได้พักเลยหรือ
ตูน "ก็คงมีพักบ้าง เพราะผมสุขภาพไม่ค่อยดี ต้องนอนพักผ่อนเยอะๆ ก็มีที่ต้องพักคอไปเป็นเดือนสองเดือน ก็เลยไม่อยากจะหักโหมมากครับ"
แล้วตอนนี้หายดีรึยัง
ตูน "ก็ประมาณ 85.5 เปอร์เซ็นต์ (หัวเราะ) เป็นเส้นเสียงอักเสบ ก็พยายามดูแลตัวเองเยอะๆ ดื่มน้ำเยอะๆ หมอบอกว่าถ้าอาการหนักมากๆ ก็ต้องผ่าตัด แล้วเสียงก็จะไม่เหมือนเดิมครับ ก็พยายามออกกำลังกาย แล้วก็นอนให้เยอะที่สุด"
ทีมที่ทำนี่เป็นใครมาจากไหน
ตูน "ก็เป็นทีมเดียวกันตั้งแต่ชุดแรก พี่อ๊อฟ บิ๊กแอส ก็เป็นโปรดิวเซอร์ให้ตั้งแต่ชุดแรก แล้วก็ทำมาเรื่อยๆ เป็นทีมเดียวกันน่ะครับ"
กดดันไหม
ตูน "ก็ไม่เชิงกดดันครับ ผมเป็นคนซีเรียสอยู่แล้ว ทุกคนอยากให้งานออกมาดีอยู่แล้ว มันกดดันในเรื่องอยากให้ตัวงานออกมาดีมากกว่า แต่ไม่ได้กดดันว่าอยากทำเพลงออกมาให้คนชอบ แล้วคนไม่ชอบจะเสียใจอะไรแบบนี้น่ะครับ คือเรามีโจทย์ของเราอยู่ที่ตัวซีดีตัวมาสเตอร์ก่อน ถ้าเราคิดว่าเราทำตรงนี้ออกมาเต็มที่แล้ว แล้วมันออกมาแบบที่เราพอใจ เราก็รู้สึกดี แค่นี้ ส่วนต่อมาถ้ามันถูกเปิดแล้วทุกคนชอบ แฟนๆ ชอบอันนี้ก็เป็นกำลังใจที่กลับมา"
เห็นว่าอัลบั้มนี้มีแขกพิเศษด้วย
ตูน "ใช่ครับสองคนครับ มีคุณปนัดดา เรืองวุฒิ กับพี่โก้ มิสเตอร์แซกแมน"
เข้ามามีส่วนร่วมยังไงบ้าง
ตูน "ก็พี่โก้ มีเครื่องเป่า คุณปนัดดาร้องด้วยกันหนึ่งเพลงครับ อยู่ในแทร็กที่ 5 ชื่อเพลงแค่หลับตาครับ"
เพลง ยาพิษ ติดชาร์ตที่หนึ่งแทบทุกชาร์ตเลย รู้สึกยังไงบ้าง
ตูน "ก็อึ้งปนแปลกใจ เพราะว่าเราเลือกเพลงนี้ เพราะเราสนุกกับมัน แล้วก็รู้สึกเต็มที่ที่ทำเพลงนี้เสร็จ ก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นเพลงป๊อปที่ทุกคนชอบ ไม่คิดว่าจะเป็นเพลงฮิต"
ที่มาของชื่ออัลบั้ม
ตูน "คือเท่าที่เราใช้ชีวิตผ่านมา เรารู้สึกว่าดนตรีมีความสำคัญกับชีวิตเรามาก เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเราตั้งแต่เราเด็กๆ กัน ผมเจอ พี่ยอด กับ พี่ชัช ตั้งแต่สิบกว่าปีที่แล้ว ตั้งแต่ช่วงที่ผมอยู่วงเดียวกับ ปิ๊ด แล้วก็ไปประกวดเวทีต่างๆ ผมขอบคุณดนตรีที่ทำให้ผมเจอกับ พี่ชัช พี่ยอด แล้วก็ได้คุยกันมาได้เริ่มต้นรู้จักกัน ได้มาอยู่วงเดียวกัน ไม่คิดมาก่อนว่าจะได้มาอยู่วงเดียวกัน แล้วก็ได้มานั่งสัมภาษณ์ด้วยกันแบบนี้
ตอนแรกเราจะตั้งชื่ออัลบั้มว่า มิวสิก เซฟ มาย ไลฟ์ แต่ผมอยากให้อัลบั้มนี้เป็นของคนทุกคน ผมก็เลยเอามิวสิกมาไว้กับตัวเราดีกว่า ผมรู้แล้วว่ามิวสิกมันเซฟมายไลฟ์ ผมก็ถามทุกคนว่าทุกคนย่อมมีสิ่งที่ช่วยชีวิต หรือเป็นสิ่งที่รู้สึกดีที่ได้ทำหรือได้คิดถึงอยู่ แล้วสิ่งนั้นคืออะไร"
อะไรที่ทำให้วงอยู่กันมาได้
ตูน "ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องของความเข้าใจกัน บางช่วงที่เราขาดการสื่อสารไปมากๆ ความเข้าใจกันมันก็อาจจะน้อยลง แต่ผมคิดว่าถ้าเรายึดดนตรีหรือความสนุกที่เราเคยมีด้วยกันเป็นที่ตั้งมันจะทำให้เรายึดกันแน่นขึ้น คิดถึงอดีตไว้เยอะๆ คิดถึงวันที่เราลำบากด้วยกัน วันที่เราต่อสู้มาด้วยกัน มันก็ช่วยให้เราได้เกาะกันแน่นมากขึ้น"
แปลว่าจะอยู่ด้วยกันอีกหลายชุด
ตูน "ก็คงทำอัลบั้มต่อไปเรื่อยๆ จุดหมายเราไม่ได้อยู่แค่สองสามปีต่อจากนี้ ก็ไม่รู้จะเป็นไปได้มากแค่ไหน คือเราก็ฝันไว้ว่าอีกสิบปีเราก็ยังเป็น บอดี้สแลม อยู่ ออกอัลบั้มมาแล้วก็ยังมีวัยรุ่นในสิบปีนั้นน่ะ อายุ 17-18 ปี ฟัง บอดี้สแลม ได้อยู่ แล้วก็เข้าใจภาษาที่เราพูดอยู่ รู้สึกถึงเนื้อร้องถึงดนตรีของเราอยู่ แล้วก็ดูว่ามันยังอยู่ในยุคสมัย ก็ฝันเอาไว้ ไม่รู้จะเป็นไปได้แค่ไหน แต่ก็ทำเต็มที่ทุกอัลบั้มครับ"
อัลบั้มนี้กลัวว่าจะเกิดการเปรียบเทียบกับชุดก่อนๆไหม
ตูน "ก็ต้องมีเปรียบเทียบอยู่แล้วล่ะครับ สำหรับใครที่ชอบของเก่า ก็อยากให้ลองเปิดใจ เปิดรับสิ่งที่เรากำลังจะพูดหรือเรากำลังจะเล่น ก็ลองให้โอกาสมันดู"
ปิ๊ด "เรื่องความกดดัน หรือความกลัวเปรียบเทียบอะไรแบบนี้ เป็นเรื่องที่ต้องเจออยู่แล้ว แต่พอมาถึงตรงนี้แล้วถามว่ากลัวไหม หรือกังวลอะไรก็ตาม ก็ไม่ พื้นฐานการทำงานของพวกเราคือทำเต็มที่สุดความสามารถ ดังนั้นเรื่องความกดดันต่างๆ ก็อยู่นอกกรอบ กับความรู้สึกต่างๆ ยังไงต้องเจออยู่แล้ว ก็ไม่ได้มีผลอะไรกับเรามาก แต่ถามว่ารู้สึกไหม ก็รู้สึก"
แล้วเวลาไปทัวร์คอนเสิร์ตนี้ไปไหนมาบ้าง
ตูน "ก็มีทั้งกรุงเทพฯ ทั้งต่างจังหวัดแหละครับ บางจังหวัดนี่ไปชุดที่แล้ว 7-8 ครั้งเลย ไปจนเค้าแบบ มาอีกแล้วเหรอ แต่ก็โอเค เค้าก็ยังมาเชียร์กันอยู่ ผมประทับใจเวลาที่เราไปเล่นบ่อยๆ แล้วยังมีคนมาดูอยู่ เราก็กลัวว่าเราเพิ่งไปเล่นมาเองเมื่อเดือนที่แล้วที่นี่ เดือนนี้ก็มาอีกแล้ว แต่คนก็ยังมาเชียร์เราอยู่ มาสนุกกับเราอยู่ เราคงจะจ๋อยแน่เลย ถ้าไปแล้วแบบ เค้าเบื่อเราแล้ว"
เคยมีแฟนๆตามไปต่างจังหวัดบ้างไหม
ตูน "เคยครับ บางทีเค้าหยุดงานไป ขอลาพักร้อนไป ก็รู้สึกดีครับ เพราะกำลังใจที่ดีที่สุดก็มาจากแฟนๆ นั่นเอง"
อัลบั้มนี้มีท่าทางใหม่ๆ ตอนขึ้นคอนเสิร์ตบ้างไหม
ตูน "(หัวเราะ) ไม่แน่ใจครับ อาจจะเกิดโดยบังเอิญบนเวทีมากกว่า"
ช่วยพูดฝากอัลบั้มหน่อย
ตูน "ขอบคุณครับที่วันนี้มา หวังว่าทุกๆ คนคงจะชอบอัลบั้มนี้ ก็ฝากอัลบั้มนี้ไว้ด้วย หวังว่าทุกคนคงจะมีความสุขกับอัลบั้มนี้ไม่มากก็น้อยครับ ตอนนี้ซิงเกิลเพลงแรก ยาพิษ ที่เปิดอยู่ทางสถานีวิทยุก็ได้รับการตอบรับที่ดีมากๆ ดีใจครับที่ทุกคนยังติดตามผลงานของพวกเรา และยังโทรเข้ามาขอเพลงนี้ทางวิทยุจนติดชาร์ตอันดับ 1 อยู่ในขณะนี้ ส่วนซิงเกิลต่อไปที่เราจะปล่อยให้ฟังกันทางวิทยุนั้นจะเป็นเพลงอะไร พวกเราอยากให้ลองติดตามฟังกันครับ
สำหรับแฟนเพลงที่ถามถึงคอนเสิร์ตใหญ่ของพวกเรา และคนที่ติดตามไปดูทัวร์ของเรามาตลอด ไม่อยากให้พลาดกับคอนเสิร์ตนี้ และเตรียมตัวไปมันไปร้องเพลงของพวกเราได้เลยครับ ไม่ว่าจะเป็นเพลงในชุดใหม่หรือชุดเก่าที่ทุกๆ คนชอบ คอนเสิร์ตนี้ได้ฟังกันแน่นอน อยากให้มาสนุกกัน แขกรับเชิญรับรองบิ๊กเซอร์ไพรส์แน่นอนครับ"
ใครที่คิดถึงคอนเสิร์ตมันๆ ตามแบบฉบับ บอดี้สแลม ห้ามพลาด บอดี้สแลม เซฟ มาย ไลฟ์ คอนเสิร์ต วันที่ 20-21ตุลาคม 2550 เวลา 19.00 น. ที่ อินดอร์ สเตเดี้ยม หัวหมาก ซื้อบัตรกันได้ตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน นี้ เป็นต้นไป ที่ ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ ทุกสาขา บัตรราคา 600 (ยืน) 800 และ 1,000 บาท ส่วนใครที่อยากเป็นเจ้าของอัลบั้ม เซฟ มาย ไลฟ์ ก็สามารถหาซื้อกันได้ วางจำหน่ายตามแผงเทปและซีดีแล้วเมื่อวันที่ 18 กันยายน ที่ผ่านมา