ภารกิจผู้รอดตายทางดนตรีกับ Ebola Survivor Concert
หลังจากที่เวียนว่ายใช้ชีวิตอยู่กับวงการดนตรีในบ้านเรามานานถึง 1 ทศวรรษเต็ม วันนี้ทั้ง 5 หนุ่ม ในนามของวง "อีโบล่า" (Ebola) ที่มีแนวดนตรีแบบฮาร์ดคอร์ ซึ่งมีสมาชิกประกอบไปด้วย "เอ๋ - กิตติศักดิ์ บัวพันธ์" (ร้องนำ) "กอล์ฟ - วรรณิต ปุณฑริกาภา" (กีตาร์) "โอ๋ - สุรพงษ์ บัวพันธ์" (กีตาร์) "เอ - เชาวลิต ประสงค์สันติ" (เบส) และ "พัน - พงพันธ์ โพธินิมิต" (มือกลอง) ก็ได้มีคอนเสิร์ต "Ebola Survivor Concert" ขึ้นที่ ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี ในวันที่ 25 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งนับว่าเป็นคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกในชีวิตของพวกเขาทั้ง 5 คน
บรรยากาศโดยรอบของงานคอนเสิร์ตในวันนั้น เต็มไปด้วยความคึกคักจากแฟนเพลงขาร็อกทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่ โดยมีวง "แบรนด์ นิว ซันเซ็ต" (Brand New Sunset) เป็นวงดนตรีเปิดงาน ก่อนจะได้เริ่มต้นความสนุกอย่างเต็มที่กับวงอีโบล่า ที่เลือกเอาเพลง "แสงสว่าง" มาเป็นเพลงเปิดคอนเสิร์ต ต่อด้วยเพลง "ยกโทษให้ตัวเอง" และ "ในความเป็นคน"
จากที่เล่นเพลงให้แฟนๆ ได้กระโดดโยกตัวกันอย่างสนุกสนาน 3 เพลงติด อีโบล่าก็ได้กล่าวทักทายแฟนเพลงโดยที่ เอ๋ นักร้องนำ บอกว่า "ขอบคุณพวกคุณทุกคนมากๆ ที่มาในงานคอนเสิร์ตวันนี้ เมื่อคืนนี้ผมนอนไม่หลับ เพราะกังวลและกลัวว่าจะไม่มีคนมาดูคอนเสิร์ตเรา แต่วันนี้ผมเห็นคนที่มาในงานวันนี้แล้ว ผมอยากจะขอบคุณพวกคุณทุกคนมาก เพราะพวกคุณทุกคนในที่นี้ คือ อีโบล่าแฟนคลับตัวจริง" หลังพูดจบก็ได้เล่นเพลง "Through My Eyes" และเพลง "ติดปีก" ที่ เอ๋ บอกว่าอยากให้ทุกคนติดปีกและกระโดดไปพร้อมๆ กัน
ต่อยอดความสนุกในงานด้วยเพลง "เก็บกด" และ "เส้นทแยงมุม" ที่มีแขกรับเชิญคนแรก คือ "แจ็ค - เฉลิมพล ทิฆัมพรธีรวงศ์" หรือ "แจ็ค แฟนฉัน" มาร่วมร้องในเพลงนี้ด้วย เอ๋ได้บอกว่า "ผมไม่เคยคิดเลยว่าพวกเราอีโบล่า จะมีแฟนเพลงที่เป็นรุ่นเล็กขนาดนี้ แต่หลังจากที่ผมได้คุยกับน้องเค้าก็รู้ได้เลยว่าน้องแจ็คเป็นแฟนเพลงตัวจริงของพวกเรา" หลังจากที่ แจ็ค ลงจากเวทีไป อีโบล่าก็เริ่มเล่นเพลง "หนีตาย" และ "ทรมาน" เป็นเพลงต่อมา
แล้วก็มาถึงช่วงเวลาที่แฟนเพลงอีโบล่าทุกคนต่างรอคอย เพราะทันทีที่ เอ๋ พูดว่า "ช่วงต่อจากนี้จะเป็นช่วงที่แฟนเพลงรุ่นแรกของวงอีโบล่าทุกคนน่าจะชอบกัน เพราะเราจะเล่นเพลงในอัลบั้มเก่าๆ ของเราที่ทุกคนน่าจะรู้จักกันดี และไม่ได้ฟังมานานแล้ว มาเล่นเป็นเพลงเมดเลย์ให้ได้ฟังกัน" และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะทันทีทีเพลง "ฝุ่น" ดังขึ้น แฟนเพลงที่อยู่ภายในงานทุกคนก็เริ่มจะทำการแท็กใส่กันอย่างเมามัน และแฟนเพลงในด้านหน้าก็กระโดดกันขึ้นไปเกาะขอบรั้วและกระโดดเข้าหากลุ่มแฟนเพลงเพื่อเล่นบอดี้เซิร์ฟกันอย่างสนุกสนาน
ความพิเศษของเมดเลย์ยังคงถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่องด้วยเพลง "Suck วัน" ก็ได้มีแขกรับเชิญอีกคนนั่นคือ "เจ" นักร้องนำของวง "System Sucker" มาช่วยร้อง และเพลงต่อมาคือ "In My Head" ที่ร่วมร้องโดย "โต้ง - เจตรพี กุสโลปการะ" นักร้องนำของวง "Clone" จากนั้น "เอก" นักร้องนำของวง "Cough" ก็ขึ้นเวทีมาร้องเพลง "เอียน" ตามด้วย "เอส" นักร้องนำจากวง "กล้วยไทย" ก็ขึ้นมาช่วยร้องเพลง "Puppet Spell" ก่อนจะปล่อยให้อีโบล่า ได้ร้องเพลง "Make Yourself" แบบเดี่ยวๆ อีกครั้ง
แต่แล้วเมื่อเพลง "Mouth Dog" ซึ่งเป็นเพลงสุดท้ายในช่วงเมดเลย์ดังขึ้น บรรดาแขกรับเชิญคือนักร้องนำของวงต่างๆ ก็ได้ขึ้นมาบนเวทีกันทุกคนอีกครั้งและร่วมร้องเพลงนี้ โดยเฉพาะท่อนที่ว่า "ถ้าแน่จริงก็ขึ้นมา ถ้าแน่จริงก็ขึ้นมา" เหมือนเป็นการท้าทายให้แฟนเพลงต่างพากันกระโดดและปีนข้ามรั้ววิ่งขึ้นไปบนเวที เพื่อร่วมร้องเพลงและกระโดดตามจนจบเพลงจึงพากันเดินลงจากเวที
หลังจากเพลงนี้จบ เอ๋ ได้พูดว่า "ขอบคุณพวกคุณทุกคนที่ขึ้นมาบนเวที ขอบคุณที่ทำให้ผมได้เห็นภาพบรรยากาศในแบบเก่าๆ ขึ้นมาอีกครั้ง และก็ขอขอบคุณน้องนิว น้องตุ้ม น้องเอก แล้วก็น้องเอสอีกครั้งด้วย ที่ขึ้นมาช่วยผมร้องเพลงในวันนี้ แต่ความพิเศษที่พวกเราเตรียมมาให้พวกคุณยังไม่หมดแค่นี้ วันนี้พวกเราจะร้องเพลงในรูปแบบที่พวกคุณไม่เคยเห็นมาก่อน" สิ้นเสียงพูดก็มีวงดนตรีออร์เคสตร้าขนาดเล็กขึ้นมาเล่นเพลง "จำ" และ "สิ่งที่ฉันเป็น"
เข้าสู่ช่วงท้ายของงานคอนเสิร์ตด้วยเพลงความหมายดีๆ อย่าง "กลับสู่จุดเริ่มต้น" ก่อนที่ เอ๋ จะกล่าวว่า "เพลงต่อไปน่าจะเป็นเพลงที่ถือว่าเป็นเพลงสุดยอดของพวกเราวงอีโบล่าแล้ว ไม่ว่าพวกเราจะเล่นเพลงนี้สักกี่ครั้ง พวกเราก็ไม่เคยเบื่อสักที เพราะเพลงนี้น่าจะเป็นเพลงที่ทำให้พวกคุณได้รู้จักกับกับพวกเรา" เพลงที่ เอ๋ พูดถึงนั่นคือเพลง "ความเป็นไป" ที่แฟนๆ ในงานต่างกันกระโดดแบบสุดเหวี่ยง ส่วนแฟนเพลงด้านหน้าที่ติดกับขอบเวทีก็เล่นบอดี้เซิร์ฟกันอย่างสนุกสนาน จนมีแฟนเพลงบางคนตกลงมากระแทกกับพื้นถึงขั้นหัวแตกเลือดอาบใบหน้า แต่ก็ยังลุกขึ้นมายิ้มได้
กระโดดจนตัวลอยต่อไปกับเพลง "เหตุเพราะ" และใส่ความแรงต่อไปในเพลง "Get Out" ที่ อีโบล่า ประเคนความสนุกกันแบบต่อเนื่องไม่มียั้ง ล่วงเลยมาจนถึงเพลงสุดท้าย "Survivor" ที่ เอ๋ ได้บอกทิ้งท้ายไว้ว่า "ตลอดระยะเวลา 10 ปีในการทำงาน พวกเราผ่านเรื่องราวต่างๆ มากมายที่ทำให้พวกเรารู้สึกแย่และท้อจนอยากจะเลิกร้องเพลงไป รวมไปถึงอุปสรรคต่างๆ นานา ตลอดเส้นทางในการเล่นดนตรีใต้ดินของเรา 10 ปี ที่ผ่านมานี้พวกเราได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า พวกเราคือผู้รอดตายและยืนอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ พวกเราคืออีโบล่า ในแบบเดิมที่เคยผ่านมา ไม่ว่าวันนี้หรืออนาคตข้างหน้าจะเป็นเช่นไร พวกเราก็จะยังคงเป็นอีโบล่าในแบบเดิมต่อไป ไม่มีอะไรที่จะมาเปลี่ยนพวกเราได้" และ อีโบล่า ก็ได้เล่นเพลง "แสงสว่าง" เป็นเพลงแถมท้ายอีกเพลงก่อนจะลงจากเวทีไป
ดูเหมือนจะเป็นธรรมเนียมไปซะแล้วในการดูคอนเสิร์ต เพราะทันทีที่วงอีโบล่าลงจากเวทีไป แฟนๆ เพลงก็ต่างกันตะโกนร้องเรียกชื่อ อีโบล่า ให้ออกมาอีกครั้ง และดูเหมือนว่าทางวงอีโบล่าก็คงจะไม่ขัดความต้องการของแฟนเพลง เพราะพวกเขาก็ออกมาเล่นเพลง "ความเป็นไป" อีกครั้งเป็นเพลงสุดท้ายจริงๆ ก่อนจะกล่าวขอบคุณแฟนเพลงทุกคนและวิ่งลงหลังเวทีไป ปล่อยให้คนดูแยกย้ายกันกลับบ้านไปด้วยความรู้สึกที่สะใจ และเต็มเปี่ยมไปด้วยความสนุกสนานอย่างสุดๆ
งานคอนเสิร์ตในครั้งนี้แม้จะมีการกระทบกระทั่งกันอยู่ตลอดเวลาของแฟนเพลง แต่ชาวร็อกสายเลือดไทยรุ่นใหม่ทุกคน ก็ไม่มีการก่อความวุ่นวายให้เห็นแม้แต่เพียงน้อย ถือว่าเป็นภาพที่น่าประทับใจอีกภาพหนึ่งในวัฒนธรรมการดูคอนเสิร์ตที่ทุกคนควรเอาเยี่ยงอย่าง ดูคอนเสิร์ตอย่างสนุกด้วยใจ และไม่ใช้กำลังอย่างนี้สิ ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นแฟนเพลงของอีโบล่าตัวจริง