พูดคุยกับ ซูเปอร์ จูเนียร์ และอีก 3 ศิลปินเยือนจากต่างชาติ
มหกรรมดนตรี "เดอะ แกรนด์ พัทยา อินเตอร์เนชั่นแนล มิวสิค เฟสติวัล 2006" ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 - 19 มีนาคม บริเวณชายหาดเมืองพัทยา ที่ผ่านมา นอกจากจะมีเหล่าศิลปินไทยจากหลายค่ายมาสลับสับเปลี่ยนคอยมอบความสุขให้กับแฟนเพลงแล้ว ยังมีศิลปินจากต่างประเทศอย่าง นันตา (Nanta) พาราไดซ์ โก โก (Paradise Go Go) ลิมจองฮี (Lim Jeong Hee) และ 12 หนุ่ม ซูเปอร์ จูเนียร์ (Super Junior) มาร่วมกันสร้างสีสันให้กับงานในครั้งนี้ด้วย
ในช่วงเวลาบ่ายของวันที่ 17 มีนาคม ณ โรงแรม ฮาร์ดร็อค พัทยา ก่อนที่งานคอนเสิร์ตจะเริ่มต้นขึ้น ได้มีการจัดงานสัมภาษณ์ศิลปินจากต่างประเทศที่มาร่วมงานในครั้งนี้ โดยเริ่มจากศิลปินกลุ่ม "นันตา" จากประเทศเกาหลี กับงานดนตรีที่ไร้เสียงร้อง เป็นสุดยอดวงเครื่องเคาะ ที่นำอุปกรณ์เครื่องครัวมาใช้เป็นเครื่องดนตรี สมาชิกประกอบไปด้วย 4 หนุ่ม 1 สาวชาวเกาหลีเป็นตัวแสดงหลัก ได้แก่ "ซอซองจง" "คิมกอนโฮ" "จองมินกู" "ปักยองฮัน" และสาวคนเดียวของวงคือ "ลีโซมิน"
คำว่า นันตา หมายความว่าอย่างไร
"คำว่า นันตา คือ การเคาะจังหวะให้เป็นเสียงเพลง โดยพวกเราจะมีการจำลองสถานการณ์ขึ้นมาให้อยู่ในครัว ที่มีความวุ่นวายในเรื่องการเตรียมทำอาหาร จะมีเสียงประกอบเคาะจังหวะจากเครื่องครัวไม่ว่าจะเป็น หม้อ กระทะ จาน มีด เขียง ขวดน้ำ หรือแม้แต่ไม้กวาด ทุกอย่างเราจะนำเอามาเคาะให้เกิดเสียงได้หมด โดยเครื่องดนตรีเดียวที่เราจะใช้ นั่นคือเสียงจากกลอง"
เคยทำการแสดงที่ไหนมาบ้าง
"พวกเราเคยไปทำการแสดงโชว์มาหลากหลายประเทศมากๆ ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ เยอรมนี อิตาลี ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น ไต้หวัน สิงคโปร์ แคนาดา ออสเตรเลีย และที่บรอดเวย์อเมริกาด้วย เรียกว่าแทบจะไปทั่วทุกที่ของโลกก็ว่าได้ มีเพียงทวีปแถบเดียวที่เรายังไม่เคยไปก็คือแอฟริกา สำหรับเมืองไทยนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เราได้เดินทางมาทำการแสดงที่นี่"
รู้สึกอย่างไรกับเมืองไทย
"ร้อนครับ (หัวเราะ) ร้อนมากๆ เพราะที่เกาหลีตอนก่อนที่เราจะเดินทางมาประเทศไทยอากาศค่อนข้างที่จะเย็น แต่พอมาถึงที่เมืองไทยนี่ร้อนมากๆ เมื่อวานตอนที่พวกเราทำการซ้อมการแสดงกันนี่ทำเอาพวกเราเหงื่อตกเลยครับ แต่เมืองไทยก็เป็นเมืองที่สวยงามดีครับ การไหว้ของคนไทยก็สวยงาม ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส ทักทายพวกเราตั้งแต่ตอนพวกเรามาถึงที่สนามบิน ก็เลยรู้สึกดีที่คนไทยเป็นมิตรกับพวกเรา ถึงอากาศเมืองไทยจะร้อนไปบ้าง แต่ทะเลที่พัทยาก็สวยดีครับ"
ความพิเศษของการแสดง
"จริงๆ แล้วการแสดงของเราแบบเต็มๆ จะใช้เวลาในการแสดงประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง แต่ที่งานพัทยานี้เราสามารถทำการแสดงได้แค่ 20 นาที พวกเรารู้สึกเสียดายมากๆ ที่ไม่ได้มีโอกาสโชว์การแสดงแบบเต็มๆ ให้ได้ดูกัน แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เราก็ได้คัดช่วงของการแสดงที่เปรียบเสมือนไคลแม็กซ์ของโชว์มาให้คนไทยได้ดูกันประมาณ 3 ช่วง ถ้าคราวหน้ามีโอกาสก็อยากจะกลับมาเมืองไทย เปิดการแสดงของพวกเราแบบเต็มโชว์อีกครั้ง"
ฝากถึงแฟนเพลงชาวไทย
"ก็อยากจะให้แฟนๆ ชาวไทยช่วยมาเป็นกำลังใจให้กับพวกเรากันเยอะๆ รับรองว่าเราจะทำการแสดงแบบเต็มที่แน่นอน แม้ว่าจะเป็นการแสดงเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม เราอยากให้คนไทยทุกคนได้รู้จักวัฒนธรรมของประเทศเกาหลีผ่านการแสดงของเรา และถ้าคนไทยคนใดมีโอกาสได้ไปที่ประเทศเกาหลี ก็อยากจะเชิญชวนให้ไปดูการแสดงของเราที่นั่น และรับรองว่าถ้ามีโอกาสพวกเราจะกลับมาที่เมืองไทยอีกครั้งแน่นอน "
ถัดจาก นันตา ก็มาถึง 7 สาว พาราไดซ์ โก โก ศิลปินจากเมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ที่พกพาเอาความน่ารักและรอยยิ้มสดใสมาละลายหัวใจหนุ่มๆ ตั้งแต่เริ่มพูดคุยกัน สมาชิกของพาราไดซ์ โก โก ประกอบไปด้วย "มิซากิ มัตซูโตโม" "จุนโกะ โมริตะ" "อายากะ อิโตอุ" "ริกะ โกเทระ" "นาตาลี" "ริสะ โยชิดะ" และ "คิโยมิ โยชิฮารา" ซึ่งแต่ละคนแม้จะอายุยังน้อย แต่ก็มีประสบการณ์ทางดนตรีมานาน
โดยจุดเริ่มของ พาราไดซ์ โก โก หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกกันว่า "พาราโก" นั้น เคยทำการแสดงที่ Street Culture แห่งหนึ่งในแถบคันไซ เป็นศิลปินมือสมัครเล่น ก่อนที่พวกเธอจะได้เซ็ญสัญญาเข้าวงการมาเป็นกลุ่มศิลปินที่เก่งทั้งเรื่องการร้องและการเต้นอย่างในปัจจุบัน
มารวมตัวกันเป็น พาราไดซ์ โก โก ได้อย่างไร
"พวกเราเรียนอยู่ที่สถาบันดนตรีที่เดียวกันนั่นคือ Caless Vocal & Dance จากนั้นก็ไปตระเวนแสดงตามสถานที่ต่างๆ จนมีค่ายเทปสนใจและให้พวกเราได้มารวมตัวกันเป็น พาราไดซ์ โก โก แล้วก็ออกอัลบั้มอย่างในปัจจุบัน"
งานในอัลบั้มแรกเป็นอย่างไร
"เริ่มแรกจะมีเพลงที่เป็นเพลงซิงเกิลอยู่ 6 เพลง จะค่อยๆ ทยอยออกมาเรื่อยๆ หลังจากนั้นพวกเราก็ได้อัดเพลงออกมาเต็มอัลบั้ม แล้วก็วางขายไปเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา"
รู้สึกอย่างไรกับงานในครั้งนี้
"ครั้งแรกที่พวกเราได้รู้ว่ามีโอกาสได้มาร่วมงาน พัทยา มิวสิก เฟสติวัล ก็รู้สึกตื่นเต้น แล้วก็รู้สึกดีใจมากๆ ไม่คิดว่าจะมีคนไปรอรับพวกเราที่สนามบินด้วย พวกเรารู้สึกปลื้มแล้วก็ดีใจมากๆ ที่มีคนรู้จักเรา เมืองไทยสวยมาก อาหารไทยก็อร่อย และครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกด้วยที่พวกเราได้เดินทางออกมาเปิดคอนเสิร์ตที่ต่างประเทศ"
มีอะไรที่เป็นพิเศษมาฝากแฟนเพลงชาวไทยบ้าง
"ครั้งนี้พวกเราก็นำเอาซิงเกิลใหม่ล่าสุด คือ Dear My Friend มาฝาก แล้วก็ยังมีเพลงที่รวมอยู่ในอัลบั้มใหม่ที่จะมาร้องให้ฟังกันอีกด้วย พวกเราคิดว่าคนดูน่าจะสนุกไปกับเพลงของพวกเรา เพราะว่าเพลงของพวกเราเป็นเพลงแนวเต้นรำสนุกสนานอยู่แล้ว"
พูดถึงเพลง Dear My Friend
"สำหรับเพลง Dear My Friend จะเป็นเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องของการจบการศึกษา ส่วนมากเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องจบการศึกษานี้จะค่อนข้างเศร้า แต่พวกเราไม่อยากจะทำเพลงออกมาในลักษณะนั้น ก็เลยทำเพลง Dear My Friend ออกมาให้เป็นเพลงที่สนุก ซึ่งจะแตกต่างจากเพลงอื่นๆ ค่ะ"
นิสัยโดยรวมของแต่ละคน
"ก็จะสนุกสนานซุกซนไปตามประสาค่ะ มีความซุ่มซ่ามบ๊องๆ บ้างเป็นธรรมดา (หัวเราะ) แต่ทุกคนก็จะสดใสร่าเริงไม่ค่อยเครียดกันทุกคนอยู่แล้ว พวกเราทุกคนยิ้มง่ายค่ะ"
ความประทับใจกับเพื่อนๆ ในวง
"พวกเราอยู่ด้วยกันมานาน เรื่องที่ทำให้เราประทับใจแบบเป็นพิเศษก็ไม่มีอะไรเท่าไหร่ จะมีก็คงเป็นเรื่องการดูแลซึ่งกันและกันในแบบเพื่อนมากกว่า พวกเรารักกันเท่าๆ กันหมดค่ะ ไม่มีใครรักใครเป็นพิเศษ ตอนทำงานถึงจะมี อายากะ เป็นคนนำแต่โดยรวมๆ แล้วถ้าเวลามีปัญหาอะไร พวกเราทุกคนก็ช่วยกันแก้ปัญหาร่วมกันอยู่แล้วค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการร้องแล้วก็เรื่องของท่าเต้น"
ผู้ชายในอุดมคติเป็นอย่างไร
"พวกเราจะชอบผู้ชายที่มีความเป็นผู้ใหญ่ พูดจารู้เรื่อง แล้วก็เป็นคนตลก เวลาอยู่ด้วยแล้วมีความสุขไม่เครียด ขี้อ้อนนิดๆ ได้ก็ดี ถ้ามีความอบอุ่นใจดีอย่างผู้ชายไทยได้ก็ยิ่งดีเลยค่ะ (หัวเราะ)"
ส่วนศิลปินคนต่อมา คือ ลิมจองฮี หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ "เจลิม" นักร้องสาวเสียงดีจากประเทศเกาหลี ที่เคยร่วมงานกับศิลปินดังๆ มาแล้วหลายคน เช่น หวังลี่หง และ เรน โดยเธอยังเป็นเจ้าของเสียงร้องเพลง "Believe" ที่เป็นเพลงประกอบละครทางโทรทัศน์ชื่อดังอย่าง Full House อีกด้วย
รู้สึกอย่างไรที่ได้ทราบว่าจะต้องมาแสดงที่เมืองไทย
"ก็รู้สึกดีใจมากๆ ที่ทางงาน พัทยา มิวสิค เฟสติวัล 2006 เชิญมาร่วมงานที่เมืองไทย โดยครั้งนี้ก็ยังเป็นครั้งแรกอีกด้วยที่ได้เดินทางมาประเทศไทย ตอนที่นั่งรถบัสเดินทางมาที่พัทยาแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นต้นมะพร้าว แล้วก็ทะเล ทำให้รู้ว่าเมืองไทยถึงแม้ว่าจะเป็นเมืองที่ร้อน แต่ก็เป็นเมืองที่มีความอบอุ่นและดูสวยงามมาก ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ ทะเล หรือคนไทยก็น่ารักยิ้มแย้มแจ่มใสกันทุกคน"
ประทับใจอะไรในเมืองไทย
"คนไทยใจดี น่ารักยิ้มเก่ง แล้วอาหารไทยก็อร่อย ตั้งแต่มาถึงเมืองไทยเมื่อวานนี้ ได้ทานมะม่วง กับต้มยำกุ้งไปแล้ว รู้สึกว่าอร่อยมากๆ เพราะว่าโดยส่วนตัวเป็นคนชอบทานอาหารเผ็ดอยู่แล้ว พอมาได้ทานต้มยำกุ้งก็เลยรู้สึกว่าชอบมากๆ "
ความพิเศษสำหรับการแสดง
"สำหรับการแสดงในเมืองไทยนี้ก็ได้มีการเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี โดยจะนำเพลงมาร้องให้ฟัง 3 เพลงด้วยกันค่ะ เพลงที่จะนำมาร้องก็เป็นเพลงที่โดยส่วนตัวจะชอบมากๆ ไม่ว่าจะเป็นเพลง Music Is My Life ซึ่งจะเป็นเพลงเวอร์ชั่นที่อยู่ในอัลบั้มเต็ม แล้วอีกเพลงที่อยากจะร้องให้ฟังนั่นก็คือเพลง Believe โดยทราบมาว่าเพลงนี้มีแฟนเพลงชาวไทยหลายคนชอบมาก ก็รู้สึกขอบคุณแล้วก็ดีใจมากค่ะ"
พูดถึงเพลง Music Is My Life
"เพลงนี้คือเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับชีวิตก่อนที่จะได้ทำอัลบั้ม คือก่อนหน้านั้นฉันจะเอาเปียโนไปเล่นกลางถนนให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาได้ฟังกัน แล้วก็มีโปรดิวเซอร์ที่เห็นความสามารถของฉัน จึงได้ชวนเข้ามาทำอัลบั้ม เพลงนี้คนที่แต่ง คือ เจ วาย ปาร์ก คนที่เป็นโปรดิวเซอร์ให้กับเรน ร่วมกันแต่งกับโปรดิวเซอร์อีกคนหนึ่ง โดยเค้าจะรู้จักตัวตนของฉันดีอยู่แล้ว ก็เลยนำเอาเรื่องราวส่วนหนึ่งในชีวิตของฉันแต่งออกมาเป็นเพลงๆ นี้"
มีคนนำเอาไปเปรียบเทียบว่าเป็น อลิช่า คีย์ ของเอเชีย
"อาจจะเป็นเพราะว่าฉันกับเธอร้องเพลงในแนวอาร์แอนด์บีเหมือนกัน คนก็เลยนำเอาฉันไปเปรียบเทียบแบบนั้น จริงๆ แล้วก็รู้สึกดีที่มีคนยกย่องฉันแบบนั้น เพียงแต่ว่าฉํนไม่อยากถูกนำไปเปรียบเทียบกับใคร ฉันก็คือฉันเอง ถ้าจะมีคนชอบเพลงของฉัน ก็อยากให้คนจดจำได้ว่าเป็นเพลงของลิมจองฮี หรือเพลงของเจลิม ไม่อยากให้คนที่ฟังเพลงของฉันบอกว่าฉันไปเหมือนกับใคร"
การร่วมงานกับศิลปินต่างๆ
"ถือว่าเป็นโชคของฉันที่ได้ร่วมงานกับศิลปินที่มีชื่อเสียงอย่าง หวังลี่หง แล้วก็ เรน โดยฉันได้ไปร่วมร้องเพลงกับ หวังลี่หง ในอัลบั้มของเค้า โดยเค้าจะร้องเป็นภาษาไต้หวัน ส่วนฉันจะร้องเป็นภาษาเกาหลี หวังลี่หง เป็นคนน่ารัก คุยสนุก ผิดกับ เรน ที่ดูจะเงียบๆ ฉันก็เลยชอบที่จะคุยกับ หวังลี่หง น่ะค่ะ (หัวเราะ)"
อยากร่วมงานกับศิลปินไทยบ้างมั้ย
"ศิลปินไทยที่ฉันรู้จัก คือ ธงไชย แมคอินไตย์ ฉันก็เลยอยากร่วมงานกับเขา และศิลปินอีกคนหนึ่งที่ฉันอยากร่วมงานด้วยก็คือ แคทรียา อิงลิช เพราะฉันเจอเค้าตอนมารับฉันที่สนามบิน ฉันมีความรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้สวยและเซ็กซี่มากๆ ก็เลยอยากจะลองร่วมงานดู และ ลานนา คัมมินส์ ก็เป็นอีกคนที่ฉันอยากร่วมงานด้วย เพราะฉันเคยเจอเธอตอนที่เธอไปเล่นคอนเสิร์ตที่ประเทศเกาหลี"
ฝากไปถึงแฟนเพลงชาวไทย
"อยากจะให้คนไทยมาให้กำลังใจกันเยอะๆ และก็อยากจะให้ติดตามผลงานของฉันต่อไปเรื่อยๆ ถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่ ฉันจะมาที่ประเทศไทยอีกครั้งแน่นอนค่ะ"
หลังจากนั้น ลิมจองฮี ยังได้ร้องท่อนสร้อยของเพลง Music Is My Life ให้กับสื่อมวลชนได้ฟังกันอีกด้วย ก่อนที่จะได้ไปฟังเสียงของเธอแบบเต็มๆ กับงานคอนเสิร์ตในค่ำคืนนั้น
ข้ามมาอีกวันในวันที่ 18 มีนาคม ที่สถานที่เดิม โรงแรม ฮาร์ดร็อค พัทยา ก็ได้มีการจัดงานสัมภาษณ์ "ซูเปอร์ จูเนียร์" ศิลปินหนุ่มหล่อทั้ง 12 คน จากประเทศเกาหลี ประกอบไปด้วย "อีทึก" "ชีวอน" "ฮันคยอง" "คิบอม" "ดงแฮ" "ฮีซอล" "ชินดง" "คังอิน" "ซองมิน" "เยซอง" "รยอ-อุค" และ "อึนฮยอก"
มาเป็น ซูเปอร์ จูเนียร์ ได้อย่างไร
"พวกเราทุกคนรวมตัวเข้ามาฝึกร้องเพลง แล้วก็ซ้อมเต้นด้วยกันประมาณ 5 ปี จึงกลายมาเป็น ซูเปอร์ จูเนียร์ เหมือนในวันนี้"
คำว่า ซูเปอร์ จูเนียร์ มีที่มาอย่างไร
"คำว่า ซูเปอร์ มาจากการที่พวกเรานอกจากจะเป็นนักร้องกันแล้ว พวกเรายังมีความสามารถพิเศษอื่นๆ อีก เช่น เล่นละคร ภาพยนตร์ หรือถ่ายโฆษณา ส่วนคำว่า จูเนียร์ จะได้มาจากการที่ตอนพวกเรามาฝึกร้องเพลง กันตั้งแต่ตอนยังเรียนมัธยม ยังเด็กๆ กันอยู่ ก็เลยเอาทั้ง 2 คำนี้มารวมกันเป็นคำว่า ซูเปอร์ จูเนียร์"
มีสมาชิกในวงเยอะลำบากมั้ยในการปรับตัวเข้าหากัน
"พวกเราทุกคนสนิทกันอยู่แล้วครับ เลยทำให้ไม่ค่อยมีปัญหาในเรื่องของการปรับตัวเข้าหากันเท่าไหร่ จะลำบากก็เรื่องที่จะกินข้าว เข้าห้องน้ำ แต่งตัวทำผม ก็จะใช้เวลามาก ก็มีความลำบากบ้าง"
รู้สึกอย่างไรที่ได้มาเล่นคอนเสิร์ตที่เมืองไทย
"พอทราบว่าจะได้มาร่วมงาน พวกเราก็รู้สึกดีใจมากครับ และนำเพลงมาฝากแฟนเพลงชาวไทยด้วย และก็มีความประทับใจมากๆ เช่นกันที่ได้มาขึ้นคอนเสิร์ตในครั้งนี้ ทำการแสดงที่เวทีสีเหลืองของแกรมมี่ ส่วนแฟนเพลงในเมืองไทยก็น่ารักมาก และไม่ได้คาดหวังว่าที่สนามบินจะมีแฟนเพลงมารอรับกันเยอะมาก รู้สึกตกใจและประทับใจมาก ถ้ามีโอกาสก็อยากกลับมาที่เมืองไทยอีก ขอขอบคุณแฟนเพลงชาวไทยไว้ด้วย พวกเรารักเมืองไทยมากครับ"
เป็นครั้งแรกที่ได้มาเมืองไทย
"ใช่ครับเป็นครั้งแรกของพวกเราทุกคน รู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้มาเมืองไทยทะเลที่นี่สวยมากครับ พวกเราอยากไปทะเลที่ภูเก็ตกัน ถ้ามีโอกาสก็จะกลับมาเที่ยวกันครับ"
ใครเป็นหัวหน้าวงของ ซูเปอร์ จูเนียร์
"อีทึกครับ พวกเราคัดจากคนที่หน้าตาดีสุดมาเป็น (หัวเราะ) ล้อเล่นน่ะครับ"
ฝากถึงแฟนเพลง
"อัลบั้มของพวกเรามีวางขายที่ประเทศไทยแล้วนะครับ (อัลบั้ม Twins Knock Out) ยังไงก็อยากจะให้การสนับสนุนและให้กำลังใจพวกเรากันเยอะๆ อย่างนี้ตลอดไปนะครับ ถ้ามีโอกาสเราก็อยากจะกลับมาเปิดคอนเสิร์ตแบบเต็มรูปแบบที่เมืองไทยดูสักครั้งครับ ขอบคุณมากครับ"
ถือว่าเป็นสีสันและความพิเศษแบบสุดๆ ที่ทำให้แฟนเพลงมีโอกาสได้สัมผัสกับศิลปินจากต่างประเทศอย่างใกล้ชิด ในมหกรรมดนตรีที่ยิ่งใหญ่ เดอะ แกรนด์ พัทยา อินเตอร์เนชั่นแนล มิวสิค เฟสติวัล 2006