รู้จักอัลบั้มเดี่ยวเต็มตัวครั้งแรกในชีวิตของ นิก เดอะสตาร์

เส้นทางสู่ดวงดาวเป็นจริงแล้ว สำหรับหมูตุ๋น "นิก - รณวีร์ เสรีรัตน์" ที่วันนี้ปรุงเสร็จพร้อมเสิร์ฟให้แฟนๆ ได้ชิมพร้อมกันทั่วประเทศไทยแล้ว เปิดตัวเพลงแรกด้วยเพลง "เธอคือหัวใจของฉัน" ที่ใครๆ หลายคนคงคุ้นหูกันดี ถ้าใครนึกไม่ออก ก็เพลงที่นิกแต่งเองและเคยร้องบนเวที เดอะสตาร์ นั่นแหละ

อัลบั้มนี้เกิดขึ้นภายใต้การดูแลของ "ดี้ - นิติพงษ์ ห่อนาค" "สีฟ้า" และทีมเพลงมืออาชีพของ แกรมมี่ แกรนด์ โดยภาพรวมจะเป็นวาไรตี้ร็อก และมีส่วนผสมของดนตรีหลากหลายแนว เช่น พังก์ ฟังกี้ ป๊อบ อะคูสติก โพรเกรสซีพ อยู่ด้วย ซึ่งที่มาที่ไปของอัลบั้มเดี่ยวเต็มตัวครั้งแรกในชีวิตของผู้ชายคนนี้ จะเป็นอย่างไรนั้น เราไปคุยกับเขากันดีกว่า

สวัสดีค่ะ นิก น้ำหนักลดไปเยอะไหม

"ในเอ็มวีนี่ น้ำหนักไม่ลดครับ น้ำหนักเพิ่มครับ (หัวเราะ) ให้ทายครับ (พยายามทาย แต่ไม่ถูก) น้ำหนักตอนที่ถ่ายเอ็มวี 103 โลครับ (หัวเราะ) ตอนนี้อยู่ที่ 95 กิโลครับ"

นานไหมกว่าพี่ๆ ที่แกรมมี่จะเรียกเข้าไปคุย

"ช่วงนั้น พอได้รองใช่มั้ยครับ ก็ทำอัลบั้ม Your Stars Your Songs ไปแล้ว พอทำไปสักครู่หนึ่ง 2 เดือน ประมาณเดือนกุมภาฯ ปลายๆ เดือน พี่ดี้ก็เรียกเข้าไปคุย ตอนแรกที่เรียกไปคุย มีทั้งนิกทั้งพี่เอ็มด้วย แต่ไม่ได้คุยกับพี่ดี้นะครับ เป็นทีมแกรมมี่กลาง ก็คุยเกี่ยวกับว่าจะทำอัลบั้มเดี่ยวให้ เป็นไง นิก จะตกลงไหม ผมก็เลยโทรฯ กลับไปที่บ้านบอก พ่อครับ ผมจะได้ทำอัลบั้มเดี่ยวแล้วครับ อะไรอย่างเงี้ย พ่อเค้าก็บอกจริงเหรอลูก จริงหรือเปล่าเนี่ย ซึ่งเป็นอะไรที่แบบดีใจมาก แล้วก็เลยเริ่มคุยเรื่องงานกันเลย เขาก็บอก เดี๋ยวนิกทำกับ แกรมมี่ แกรนด์ นะ นิกก็เลยลงมาคุยกับพวกพี่ดี้"

ก่อนหน้านั้น มีคิดเผื่อไว้ไหมว่าอยากไปอยู่สังกัดไหน

"อ๋อ! ไม่คิดครับ เคยมีคนมาถามเหมือนกันว่าคิดยังไง ถ้าเกิดได้ออกอัลบั้มเดี่ยวจะอยู่ค่ายไหน จะอยู่กับใคร ผมรู้ว่าผมจะได้อยู่ในใต้ชายคาแกรมมี่ ผมก็ดีใจแล้วครับ ไม่ว่าจะค่ายไหนก็แกรมมี่เหมือนกัน"

แล้วมีแรงบันดาลใจให้เราอยากร้องเพลงในแกรมมี่บ้างไหม

"ตอนเด็ก ก็จะเป็นโลโซมั้งครับ แล้วก็เริ่มเป็นพี่โต - ซิลลี่ฟูล เป็นวงน่ะครับ แล้วก็มีบิ๊กแอส อะไรอย่างเนี้ยครับ ซึ่งทำให้เรามีไฟในการที่จะเล่นดนตรี ให้แกะเพลง"

มีแอบคิดว่าอยากร่วมงานกับพี่ๆ เค้าไหม

"ก็คิดครับ คิด แต่ว่าคงเป็นไปได้ยากนะครับ คือเคยฝันน่ะครับ นิกเคยดูหนังเรื่องนึง เรื่องอะไรซักอย่าง ที่แบบว่าเกี่ยวกับนักร้อง เค้าจะคัดนักร้องใหม่ แล้วก็แบบว่าเอานักร้องคนเนี้ยมาเจอนักร้องคนนึง เค้าร้องอยู่ในผับ แล้วร้องดีมากเลย เค้าเลยเอานักร้องคนเนี้ยมาเป็นนักร้องนำแทนคนเก่าในวงเค้า เราก็คิดเหมือนกันว่า เฮ้ย! ซักที จะมีวงไหนไหม (หัวเราะ) ที่นักร้องเค้าออกไปแล้วก็เอาเราเข้าไป อะไรอย่างเนี้ย (หัวเราะ) ก็คิดไปเรื่อยนะครับ"

แล้วพี่ดี้ว่ายังไงบ้าง

"พี่ดี้เหรอครับ ตอนที่เรียกไปคุย คือ พี่เค้าก็มองภาพเราน่ะครับ แล้วก็บอกว่า ให้เราเขียนเกี่ยวกับชีวิตของเรา ว่าตั้งแต่เริ่มเกิดมาเป็นยังไง ก็คุยทั้งพี่ดี้และทีมทำเพลงด้วยว่าชีวิตเราเป็นยังไง ตั้งแต่เกิดจนขึ้นมาถึง เดอะสตาร์ มีความประทับใจอะไรบ้าง มีอกหักมั้ย มีเรื่องที่แบบว่าขุ่นมัวในใจมั้ย แล้วก็อัลบั้มนี้ ต้องการอะไรบ้างที่เป็นพิเศษ เราก็แบบว่าต้องการลำดับแรกเลย ผมอยากมีเพลงที่ผมแต่งเองอยู่ในอัลบั้มนี้ครับ"

ก่อนหน้านี้นิกเคยแต่งเพลงมาก่อนไหม

"เคยครับ เคย แต่งมาเยอะเหมือนกัน แต่ว่าเพลงนี้ผมคิดว่าเป็นเพลงที่ดีที่สุดที่เคยแต่งมา ผมแต่งมา 2 ปีแล้วครับ เพลงนี้"

แต่งเพลงเพื่อมาใช้ในอัลบั้มเลยเหรอ

"อืม! ผมเคยออกอัลบั้มใต้ดินมาก่อนครับ ชื่อ พุลเดิล ครับ แต่ว่าไม่ค่อยดังเท่าไหร่ครับ แถบจังหวัดมหาสารคาม ขอนแก่น ร้อยเอ็ด ขายกันเองครับ คือ ไปวางตามแผง แล้วก็มีคนมาเป็นสปอนเซอร์ให้"

ขายดีถล่มทลายเลยหรือเปล่า

"ขายดีถล่มทลาย 4 ล้าน คือ ร้านละม้วน (หัวเราะ) ได้แค่ 4 ม้วน"

แล้วเป็นเพลงแนวไหน

"ป๊อป ร็อก ธรรมดาครับ คือ ตอนนั้นไม่มีจุดเด่นอะไรเลย ออกมาพร้อมกันกับ เอบี นอร์มอล เลยออกมาแบบเอบีมา นิกไปเลย (ทำท่าประกอบ) (หัวเราะ) ด้วยปก ด้วยเสียง ด้วยดนตรี คือ แนวก็คล้ายๆ กัน ไม่ดัง ทำกันเอง ขายกันเอง เนื่องจากว่าคนที่ทำให้ เขาเป็นคนโบรกเกอร์ขายคอนเสิร์ต พอทำเสร็จแล้วปุ๊บ เขาก็จะเอาพวกผมไปขายตามเธคต่างๆ ที่เขาเคยเอาศิลปินไป ผมก็ไปเล่น ก็เหมือนกับเด็กๆ ที่แบบว่า คือตอนนั้น เรียน ม.5 คือแบบว่าดีใจมากที่ได้ไปคอนเสิร์ต เหมือนกับเด็กที่ไปตอนเที่ยง ซาวด์เช็กตอนเย็น แล้วก็เล่นอีกทีตอนเที่ยงคืน เสร็จแล้วก็นอน แล้วก็ตื่นขึ้นมาอีกทีตอนเที่ยง แล้วก็ไปอีกโรงแรมหนึ่ง ชีวิตไม่มีแก่นสารเลยครับ ก็มีอยู่แค่นี้ แล้วก็ไม่ได้เรียนเลย เรียนอาทิตย์หนึ่ง แล้วก็ไปอีก ก็ทัวร์ตามจังหวัดต่างๆ"

คือเป็นวงเราใช่ไหม

"เป็นวงเราครับ ตอนนั้นผมร้องนำแล้วก็ตีกลองด้วย แล้วก็มีนักร้องนำอีกคน ก็เคยติดชาร์ตมั้งครับ รู้สึกว่าได้ที่ 2 อะไรอย่างเนี้ย แล้วก็ติดอยู่ประมาณอาทิตย์หนึ่ง แล้วก็หายไป เค้ามีอยู่ 2 อันดับครับ (หัวเราะ) ไม่ครับ จริงๆ เค้าก็มีอยู่หลายอันดับเหมือนกันครับ โอ๊ย! อายใหญ่เลยเนี่ย (ทำท่าประกอบ)"

เป็นความภาคภูมิใจนะ

"ใช่ครับ ก็ทำเองหมด ก่อนหน้านั้นก็เลย พอเริ่มทำไปเรื่อย ผมก็เริ่มเอาเพลงนี้มาขายต่อพี่ๆ ที่กรีนบีนน่ะครับ ก่อนที่จะมาประกวด เดอะสตาร์ ก็คือไม่ผ่าน เค้าไม่เอาเพลงนี้ เค้าจะให้แต่งใหม่ ก็แต่งใหม่มา พี่เค้าก็บอกว่าก็ดีนะ แต่ก็ยังไม่ดีเท่าไหร่ อยากให้แต่งไปเรื่อยๆ แล้วก็ด้วยวงจะมีคนที่จะเข้ามหาลัย ตอนนั้นผมอยู่ ม.6 แล้ว คนนั้นต้องทำนั่น คนนั้นต้องทำนี่ แล้วระยะทางในการสื่อสารไกลมาก เราไม่สามารถที่จะส่งเพลงมาให้พี่เค้าฟังได้ตลอด สุดท้ายก็เลยขาดการติดต่อไป"

เอาเพลงไปเสนอกรีนบีน แสดงว่านิกอยากอยู่กรีนบีนหรือเปล่า

"เอ่อ คือ เขาสนใจมาครับ คือ ผมเอาเดโมมา แล้วเขาเรียกเข้ามาคุย ก็เลยรู้สึกว่าเข้ามาตึกแกรมมี่แล้วยืนมองศิลปินเดิน เราก็แบบแล้วเมื่อไหร่จะได้มาเดินอย่างนี้แล้วมีคนมองบ้าง (ยิ้ม) ผลสุดท้ายก็เลยเลิกเล่นดนตรีไปเลย เลิกทำเพลงไปเลย ตอนนั้นรู้สึกท้อมากครับ คือเส้นทางก็ไม่ได้สวยหรูอยู่แล้ว ทำไมผลงานเราไม่โดนใจเขาบ้างเลยนะ เราก็ตั้งใจทำนะ คือตอนนั้นไม่เข้าใจมากๆ เลยว่าตลาด ผมอยู่ต่างจังหวัด ไม่รู้ว่าตลาดเพลงในเมืองไทยเราเป็นยังไง พี่ๆ เค้ามองการตลาดกันยังไง เราไม่รู้ เรารู้แค่ว่าทำไมเค้าไม่เอาของเรา"

แล้วเค้าอธิบายว่ายังไง

"เค้าก็ว่าในตลาดเพลงแบบนี้เกร่อมากเลย เพลงที่เราทำ เนื่องจากว่าเราเป็นเด็กใหม่ มาทำเพลง ยากมากที่จะให้เค้าเปิด ถ้าเพลงไม่โดนจริงๆ เค้าก็ไม่เปิดให้เรา"

ตอนนั้นมุ่งไปที่เบื้องหน้าหรือเบื้องหลัง

"เบื้องหน้าเลยครับ คือเป็นวงครับ ที่ผมมาเสนอ ก็เลย อย่างที่ว่า คือไม่ผ่านก็เลยไม่สนใจ"

พอมีการประกวดก็เลยเข้ามาประกวดใช่ไหม

"ใช่ ก็แบบไม่อยากประกวดมากเลย กลัวเสียความรู้สึกเหมือนตอนนั้นน่ะฮะ คือตอนที่ผมออกอัลบั้มใต้ดิน มีคนหมั่นไส้ผมเยอะเลยนะที่จังหวัด เพราะเค้ารู้สึกแบบว่า เฮ้ย! อะไร คนอยู่ดีๆ มาออกอัลบั้มใต้ดิน จะเป็นศิลปินหรือไง ด้วยที่จังหวัดมหาสารคามเค้าไม่ค่อยชอบขี้หน้าผมเท่าไหร่ เค้าว่าผมขี้เก๊กครับพี่ โดยรวมเท่าที่ผมไปถามน่ะนะ (ยิ้ม) ขี้เก๊ก เวลาขี่มอ'ไซด์ ผมไม่ค่อยชอบมองหน้าคนอื่น เอ้า! ผมไม่รู้จัก ผมจะไปมองหน้าคนอื่นเค้าทำไม อาจจะเป็นด้วยสายตาด้วยอะไร เค้าก็เลยไม่ชอบผมเท่าไหร่ ผมก็เลยไม่กล้าไปประกวด

แต่ก็ เอ๊ะ! ดีมั้ยน้า คือคุณพ่อก็อยากให้เราประกวดด้วย เค้าก็เห็นเราเสียใจ แม่ก็บอกว่าอย่าไปทำเลย เดี๋ยวเป็นเหมือนเก่าอีก เราก็จะเสียการเรียน เสียอะไรไป ตอนแรกผมก็ไม่รู้ด้วยนะครับว่าเป็นของแกรมมี่ ผมก็นึกว่าเป็นของช่อง 9 เราก็ไปปุ๊บ คือรับสมัครที่ขอนแก่นไงครับ เราอยู่จังหวัดมหาสารคาม ก็ต้องนั่งรถไปประมาณชั่วโมงนึง ไปถึงก็ดูป้าย โอ้โห! อลังการอย่างนี้ แล้วคนมาเยอะมากเลยครับ เค้าให้สมัคร 2 วัน ผมก็บอกพ่อครับสมัครพรุ่งนี้ได้มั้ยครับ เอ่อ! วันนี้คนเยอะมากเลยครับ พ่อบอกไม่ได้ๆ ต้องสมัครวันนี้ ครับๆ สมัครก็สมัครครับ"

ช่วงเวลาที่รอเป็นยังไงบ้าง

"คือไม่มีใครรู้จักเลย ต่างคนต่างแบบเหมือนนักร้องที่มุ่งมั่นมาร้องมาก แล้วหันกลับมามองเรา แบบว่าได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร คือไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้อะไรเลย เพลงก็ไม่ได้เตรียมมา"

ตอนนั้นเตรียมร้องเพลงของใคร

"ตอนแรกเขียนของพี่เบิร์ดลงไป เพลงอะไรซักอย่าง จำไม่ได้ แล้วก็มาเปลี่ยนเป็น รักเธอให้น้อยลง ของ แบนวากอน เค้าบอกว่าจะให้ร้อง 30 วิน้า อย่างนี้ๆ เราก็เอาแล้วเอาเพลงที่จำเนื้อได้แล้วกัน (หัวเราะ) คือผมไม่ได้เตรียมอะไรไปเลย พอไปถึงปุ๊บเค้าก็ให้เข้าไปร้อง

ร้องเสร็จ เราก็ออกมาข้างนอก พี่ๆ ทีมงานมาอีก เค้าก็แบบน้องครับรอแป๊บนึงนะครับ เดี๋ยวลงมาข้างล่าง รอข้างล่างแป๊บนึง เดี๋ยวจะมีทีมงานมาหา เราก็นึกว่าเราทำผิดอะไร จริงๆ แล้วเป็นสัมภาษณ์ออกทีวี เป็นคนที่น่าสนใจมีบุคลิกอะไรโดดเด่น ประมาณเนี้ยครับ เราก็ เฮ้ย! มีสัมภาษณ์ด้วย พ่อครับ พ่อเราจะได้ออกทีวีแล้ว (ยิ้ม)

พ่อเค้าก็มาคุยเลย ก็สวัสดีครับคุณพ่อ วันนี้น้องนิกมาประกวดแล้วรู้สึกยังไงครับ พ่อเค้าก็ตื่นเต้นครับ พูดแบบเอ่อๆ อ่ะๆ อะไรอย่างเนี้ยครับ คือพ่อเค้าไม่ค่อยพูดภาษาอังกฤษกันนะครับ ก็อยู่ดีๆ ก็พูดขึ้นมา เอ่อ น้องนิกเค้ามีวอยซ์ที่ดีน่ะครับ (หัวเราะ)"

สนิทกับคุณพ่อ

"สนิทครับ สนิท คือเหมือนเพื่อนกันเลย พ่อเค้าจะรับฟังทุกปัญหา สมมติผมไปชอบผู้หญิงคนหนึ่ง ผมควรจะทำยังไงดี คือผมคุยกับคุณแม่ไม่ได้ คุณแม่เค้าจะว่าผมตลอด คือด้วยที่ว่าพ่อผมเป็นนักดนตรีด้วยครับ เวลาคุยจะเป็นภาษาเดียวกัน พ่อครับผมอยากเป็นนักดนตรีครับ พ่อเค้าก็จะสนับสนุนเต็มที่เลย"

มาถึงอัลบั้มบ้าง รู้สึกว่าโปรดิวเซอร์เยอะจังเลย

"ผมก็ไม่รู้ครับ แต่ว่ารู้สึกตกใจเหมือนกัน ตอนที่เค้าพูดให้ฟังว่ามีพี่ดี้มาเขียนเนื้อให้ มีพี่นิ่ม สีฟ้ามาเขียนเนื้อให้อีก มีพี่แว่นในทีม แกรมมี่ แกรนด์ มาเขียนเนื้อให้ ทำทำนองให้ แล้วก็มีพี่เพชรอีก (หัวเราะ) กรรมการผู้น่ารักของเรา มาทำทำนองเพลง อัดกีตาร์ อัดเบส มิกซ์ดาวน์ คีย์บอร์ดให้เรา เยอะมากครับ ผมยังตกใจเลยว่า เอ่อ พี่ๆ เค้าให้โอกาสผมให้ผมได้ทำงานเพลงเยอะมากเลย แล้วก็มาช่วยแนะนำ"

ตอนทำงานร่วมกับพี่ๆ ที่เก่งๆ อย่างนี้ ตื่นเต้นไหม

"ตื่นเต้นมาก เพราะว่าเวลาเค้าเสนอไอเดีย อะไรอย่างเนี้ย ไม่ค่อยจะอยากเสนอเท่าไหร่ เพราะกลัวเสนอไปแล้วไม่ตรง คือผมไม่รู้ว่าวิธีคิดของเค้าเป็นยังไง ของเค้ากับของผมจะเหมือนกันมั้ย"

แล้วนานไหมกว่าที่จะรู้สึกสบายใจที่จะเล่าเรื่องของเรา

"คือตอนแรกเข้าบริษัททุกวันเลย ประมาณ 2 อาทิตย์ ที่ แกรมมี่ แกรนด์ ตอนแรกๆ ก็เกร็งๆ เวลาพูดก็ เอ่อ พี่ครับคือผมว่า หลังๆ ก็เริ่ม เฮ้ย! พี่ผมว่ายังนี้ดีกว่า พี่เค้าก็แบบเอ่อเอาอย่างนี้แหละ อย่างนี้เลย แล้วพอไปเข้าห้องอัดของพี่เต็นจะเป็นเหมือนกับคอนโด แล้วจะนั่งคุยกัน แบบสบายๆ พี่เค้าก็จะมาคุยแบบว่าเพลงนี้น้าพี่ต้องการอารมณ์ประมาณนี้ นิกว่ายังไง นิกลองร้องให้พี่ฟังหน่อยซิ สบายมากครับ

อารมณ์ของพี่เค้า เป็นห้องซ้อมนะพี่ คือซ้อมๆ กันก่อน ซ้อมแล้วก็เข้าไปอัด อัดไม่ได้ออกมาก่อน มานั่งคุยกันก่อน คือสบายมาก เราเคยอัลบั้มใต้ดินกดดันกว่านี้ครับ เพราะว่ามีเวลาบังคับ วันเดียวเสร็จ 10 เพลงเลย คือเราไม่มีทุนทรัพย์ไงพี่ ไปถึงปุ๊บเราก็ต้องจ่ายค่าห้องอัด ค่ามิกซ์ดาวน์ ค่าอะไรอย่างเงี้ย อันนี้คือแบบว่าวันละ 2 เพลง สบายๆ สมมติอัดตั้งแต่ 5 โมงเย็น เสร็จเที่ยงคืน ตี 1 มีรถตู้รอรับ คือสบายมาก ทำงานแล้วรู้สึกดีครับ"

อยากแต่งเพลงเพิ่มในอัลบั้มไหม

"อยากครับ อยาก แต่ไม่ทัน คือเพลงที่แต่งไว้ก็มีเยอะอยู่เหมือนกัน เวลาที่ผมร้องให้พี่เค้าฟัง มันไม่ค่อยเข้ากับภาพนิกเท่าไหร่"

โดยรวมอัลบั้มนี้เป็นยังไง

"เป็นวาไรตี้ครับ มีทั้งป๊อบ แจ๊ส อะคูสติก ฟังกี้ร็อก โพรเกรสซีพร็อก ก็มี ด้วยตัวผมเองด้วยครบที่เป็นคนหลากสไตล์ มีทั้งสนุกสนาน เศร้า ร้องไห้ คือเค้าก็จะเอาจากตัวผมมาแต่งๆ เป็นเพลงขึ้นมา คือเนื้อเพลงทุกเพลงล่ะครับเป็นตัวผมเองเลย เค้าจะตัดมาจากชีวิตผม เป็นเรื่องของนิกทั้งหมดเลย อย่างเพลง ผิด อย่างนี้เป็นเรื่องชีวิตผม คือผมเคยไปชอบผู้หญิงคนหนึ่ง อยู่ดีๆ ก็ทิ้งเค้ามาอย่างเนี้ย ก็กลับไปง้อเค้าใหม่ ซึ่งอยากจะขอโทษเค้า ประมาณเนี้ยครับ"

เห็นว่า เอ็ม ก็มาร้องด้วย

"มาจากชีวิตผมอีกล่ะครับ เพลง พี่ไม่ใช่ผม พี่ก็พูดได้ คือเป็นเนื้อหาที่เก่า ตอนประกวด เวลาที่เราไปข้างนอก ไปแจกลายเซ็น ไปถ่ายรูป อะไรอย่างเนี้ย จะมีสาวๆ เข้ามากรี๊ดพี่เอ็มมาก เราก็จะบอก พี่เนี่ยชอบคนเนี้ย อะไรอย่างเนี้ย พี่เอ็มก็จะบอกว่า ก็เข้าไปคุยกับเค้าซิ แต่เค้าไม่คุยกับเรา เค้าจะคุยกับพี่เอ็ม เราก็บอกพี่ทำไมพี่ทำอย่างเนี้ย พี่เค้าก็จะคอบปลอบใจ ให้ใจเย็นๆ ไม่ใช่หรอก ไม่ใช่อย่างนั้น อย่างที่เราคิด เราก็จะแบบ เฮ้ย! พี่ไม่ใช่ผม พี่ก็พูดได้ พี่ไม่ใช่หุ่นอย่างผมนี่ ไม่ใช่ไซต์ XXL นี่"

แล้วคิดยังไงชวนคุณพ่อมาร้องด้วยล่ะ

"ที่ชวนคุณพ่อนี่ เป็นเรื่องที่ใฝ่ฝันเลยครับ เพราะว่าเค้าเคยบอกผมทุกวันเลยว่าเค้าเคยจะได้อัดแผ่นนะ เวลาที่เค้าเล่นดนตรี บอกครูเพลงเค้าจะทำให้พ่อ ไปคุยไว้สามบ้านเจ็ดบ้าน แต่ครูเพลงเสียซะก่อน โทษใครไม่ได้เลยครับ นิกก็บอกพ่อแพ้ดวงแล้วครับ พ่อเค้าก็แบบฝังใจตั้งแต่ตอนนั้นว่าเราอยากจะให้ลูกทำเพลงมั้ง ตอนที่ผมทำใต้ดิน เค้าก็สนับสนุนเต็มที่ จนมาถึงอัลบั้มเนี้ย ผมเคยเอาพ่อผมขึ้นไปเล่นคอนเสิร์ตแล้ว ผมก็บอกพี่ครับ ผมเอาพ่อผมไปร้องในอัลบั้มด้วยได้ไหม

บอกพ่อว่าพ่อจะได้ร้องในอัลบั้มด้วย พ่อบอกเหรอลูก จะให้ร้องวันไหนลูก มีเพลงมาให้พ่อซ้อมยัง เอาครับพ่อใจเย็นๆ ครับ เค้ายังไม่แต่งเนื้อให้พ่อเลยครับ ก็สนุกดีครับ แล้ววันที่พ่อเค้ามาอัด พอเค้าเกร็งมาก คือเค้าไม่เคยเห็นมิกเซอร์ ไม่เคยเห็นในห้องอัด เห็นไมค์ เวลาร้องก็จะเกร็งๆ ครับ ก็เลยต้องเรียกพ่อออกมา พี่เค้าก็เรียกมาคุยก่อน คุยชีวิตพ่อก่อนน่ะครับ คุยแบบว่าให้พ่อผ่อนคลาย เป็นกันเองก่อน แล้วพ่อเค้าก็เริ่มหายเกร็ง พอหายเกร็งปุ๊บก็เข้าไปร้อง เพลงที่ 2 รวดเดียวเลย ผ่านเลย ผมนี่อัดประมาณ 5-6 รอบ จนพี่เค้าบอกว่านิกไม่ต้องออกแล้วล่ะ เดี๋ยวให้พ่อออกแทน"

เนื้อหาเพลงนี้เป็นยังไง

"เนื้อหาก็จะเป็นลักษณะร้องโต้ตอบกัน คือเหมือนกับว่า มองดูผมเป็นเหมือนเด็กที่ไม่ได้เรื่องเลย ไม่เอาอะไรเลย เราก็แบบว่าพ่อครับ ไม่เชื่อใจผมหรือไงพ่อ เชื่อไหมสักวันผมจะเป็นให้ได้เหมือนพ่อ ผมต้องเป็นนักดนตรีให้ได้เหมือนพ่อ"

มาถึง พี่เพชร ในเพลง ไม่รัก อย่ารัก

"ด้วยเนื้อเพลง จะเหมือนกับว่า เราไปรักเค้า รักมากเลย (เน้นเสียง) เค้าก็รักเรา แล้วสักครู่หนึ่งไม่รักเราซะแล้ว ไปรักคนอื่น ก็โอเค ไม่รักผม ไปรักคนอื่น ก็ไม่รัก อย่ารัก แล้วกัน เป็นเรื่องของผมเองครับ คือพี่เพชรเค้าจะเอาเรื่องที่ผมเขียนไปอ่าน พี่เพชรเค้าไม่ได้เขียนเนื้อไงครับ เค้าทำทำนอง เพลงนี้จะได้ทำนองจากพี่เพชรแล้วค่อยไปเอาเนื้อมา พี่เพชรก็จะมาคอยคุมร้องเอง ร้องประสาน พี่เพชรเค้าก็มีร้องไกด์ให้ครับ

ตอนแรกทำงานกับพี่เพชรก็เกร็งครับ กลัวพี่เพชรมาก เค้าเคยแต่คุมศิลปินใหญ่ๆ ที่เค้ามีการซ้อมการเตรียมตัวอย่างดี แล้วพอมาถึงเรา เราเป็นเด็ก อาจจะเตรียมตัวสู้รุ่นใหญ่ไม่ได้ เวลาไปร้องอาจจะทำไมได้แค่เนี้ย กลัวมาก พอเอาจริงๆ ปุ๊บพี่เพชรก็เข้ามาตบหลัง มาคุยเป็นไง สบายดีเปล่า เฮฮา สักครู่ก็เริ่มคุยสนุก เราก็เลย เฮ้ย! ไม่ดุเลยนี่หว่า เค้าก็บอกว่าเราเนี้ยเห็นกันมาแต่แรก แล้วจะมาเกร็งอะไรใส่พี่เนี้ย (ทำหน้าพี่เพชรประกอบ) สักครู่ก็เริ่มสบายใจขึ้น พี่เค้าก็จะแบบนิกร้องไปเลยนะ ไม่ต้องสนใจ ผิดตรงไหนเดี๋ยวค่อยมาว่ากัน ก็ร้องไปครับ ประมาณ 3-4 รอบ ก็เสร็จไปได้ด้วยดี ตอนก่อนร้องก็จะอึดอัด พอได้เริ่มร้องก็หายอึดอัดแล้วครับ"

เพลงไหนในอัลบั้มที่ร้องยากที่สุด

"คงจะเป็นเพลง ใครจะอยากเหงา มั้งครับ เพลงนี้ยากตรงที่จะมีไดนามิกในการร้อง มีความหนักเบา ซึ่งผมเป็นคนที่ไม่มีไดนามิกเลย เวลาอัดก็เตรียมตัวมาพอสมควร แต่พอร้องจริงๆ แล้วไม่ได้ การร้องในห้องอัดจะต้องเปิกปาก อ้าปากกว้างกว่าปกติ จนแบบอัดไป 2-3 ชั่วโมงแล้ว พี่เค้าก็เรียกออกมาก่อน เพราะรู้สึกเกร็ง เวลาไม่ได้ผมก็จะทุบหน้าตัวเอง (ทำท่าประกอบ) แค่นี้ทำไม่ได้ อัดเท่าไหร่ก็ไม่ได้ฟิล ก็เลยแบบนั่งสบายๆ ประมาณ 2 ชั่วโมง 5 ทุ่มแล้ว จนตี 1 แล้ว ก็เริ่มอัด อัดเสร็จก็ประมาณตี 3 คือเพลงเนี้ย ท่อนไหนไม่ได้เค้าจะเจาะให้ เพลงนี้จะเจาะเยอะมากกว่าเพลงอื่นหน่อย บางทีอารมณ์ไม่ได้"

เพลงไหนร้องได้เร็วที่สุดในอัลบั้ม

"เพลงนี้มั้งครับ เธอคือหัวใจของฉัน ที่โปรโมทเอง เป็นเพลงที่นิกแต่งเอง แล้วจำเนื้อได้ ไม่ต้องเอาเนื้อมาวางข้างๆ แล้วร้อง พี่เค้าก็บอกว่าเอาเทคเดียวเลยนะ อัดไปประมาณ 3 รอบ 4 รอบ พี่เค้าก็ไปเลือกเอาที่ดีที่สุด"

นิกทำงานในห้องอัดนานไหม

"ประมาณ 2 เดือนมั้งครับ กุมภาฯ-มีนาฯ ก็เสร็จแล้ว ประมาณเดือนกว่าๆ แล้วก็ถ่ายปก ถ่ายเอ็มวี ถ่ายคาราโอเกะอีก"

แล้ว เอ็ม เป็นยังไงบ้าง ทำเพลงไปถึงไหนแล้ว

"เท่าที่คุยนะครับ ก็เสร็จไป 8 แล้วครับ เหลืออีก 2 ที่ข่าวออกไปว่าผมออกก่อน บางทีแฟนเพลงเค้าอาจจะหาว่าผมตัดหน้าศิลปิน เดอะสตาร์ ทำไมนิกถึงได้ออกก่อน เราก็อยากจะบอกว่าความจริงระยะเวลาทำใกล้ๆ กัน คือพี่เอ็มเค้าจะติดโชว์ตัวการเป็นเดอะสตาร์ ติดสัมภาษณ์ อะไรพวกเนี้ย จะเยอะกว่านิก แล้วนิกก็จะมีเวลาทำอัลบั้มเยอะกว่า แล้วพี่เอ็มเค้าจะต้องไปเดินสาย ทำๆ อยู่ก็ต้องหยุดไปอีกและ ก็เลยล่าช้ากว่า"

นิกมองอนาคตตัวเองไว้ยังไง

"พอได้ออกแล้ว ก็อยากเอาเพลงเราไปร้องให้ทุกๆ คนฟังกัน เช่น โรงเรียน ตามสถานที่บันเทิงต่างๆ เวลาที่เราได้ฟังเพลงของเราในร้าน พอเพลงเราเปิดแล้ว เฮ้! อะไรอย่างเนี้ย คงจะรู้สึกแบบดีใจมาก"

แล้วเคยรู้สึกอย่างนี้หรือยัง

"เคยแล้วครับ ตอนไปเซ็นเตอร์พ้อยส์ ตอนนั้นอัลบั้มยังไม่วางเลย ก็ไปร้องเพลง ก็ร้องๆ อยู่น้องเค้าก็ร้องได้ ก็เลยยื่นไมค์ให้ร้อง เค้าร้อง แล้วคนก็ร้องกันเต็มเลย คือน้ำตามันจะไหล แต่ไหลไม่ออก ประทับใจมาก ด้วยเราเป็นคนแต่งเพลงนี้ด้วยครับ คือในใจบอกไม่ถูกครับ"

คิดถึงการทำงานเบื้องหลังด้วยไหม

"สมมติว่าอัลบั้มนี้ การตอบรับดี ทุกคนชอบ ชอบในเพลงที่ผมแต่ง สไตล์การร้องอย่างนี้ ก็อาจจะมีผลงานเพลงที่ทำออกมาอีก หรือไม่ก็ถ้ามีผู้ใหญ่เค้าสนใจในการแต่งเพลงของผม ผมก็จะพยายามเสนอเพลงที่ผมเคยแต่ง ให้ศิลปินรุ่นน้อง หรือศิลปินอะไรต่างๆ ในค่ายครับ"

ถามหน่อยว่ารู้สึกยังไงกับฉายา หมูตุ๋น

"รู้สึกประทับใจครับ ที่เค้าจำเราได้เพราะฉายานี้ และผมก็อยากเจอหน้าคนที่ตั้งฉายานี้ให้ผมว่าใคร ก็ยังไม่รู้จักเลยว่าใคร เพราะว่าเค้าเหมือนกับว่าตั้งฉายานี้ให้เรา แล้วทุกคนยอมรับมันเลย ยอมรับในฉายานี้ ตอนนี้ก็ยังมีคนเรียกหมูตุ๋นอยู่เลย บางทีก็เปลี่ยนเป็นหมูตอนไปแล้ว (หัวเราะ) แต่ไม่เป็นไรก็ถือว่าอยู่ในเครือเดียวกัน (หัวเราะ)"

วันนี้ฝันเป็นจริงแล้ว อยากจะบอกแฟนๆ ที่เชียร์เราว่ายังไง

"อยากจะบอกทุกคนที่มีความฝันว่าอย่าไปท้อกับอุปสรรคที่เกิดขึ้น แล้วก็หนทางที่เดินมาไม่ได้โปรยด้วยกลีบกุหลาบหรอก ไม่ได้ได้มาง่ายๆ ไม่ได้ง่ายเหมือนที่เราเห็นในทีวีว่าสนุกสนาน ร้องเพลง ถ่ายเอ็มวี คือ ถ้าคุณไม่ได้รักดนตรีจริง ไม่ได้ชอบร้องเพลงจริงๆ พอคุณมาอยู่ คุณอยู่ได้ไม่นานหรอก เดี๋ยวคุณก็จะเบื่อ แต่ว่าคุณตั้งใจไว้แล้วว่าคุณชอบแต่เด็กหรือมีความฝันตรงนี้แล้ว อย่าไปท้อกับอุปสรรคใดๆ ทั้งสิ้นต้องมีสักวันหนึ่งที่ฟ้าจะมองเห็นความสามารถของเรา"

ใครที่เป็นแฟนเพลงของ นิก พบกับอัลบั้มเดี่ยว เต็มตัวครั้งแรกของเขาได้แล้วทุกแผงเทปทั่วประเทศ 26 เมษายนนี้