สัมผัสความสดความซิงของ 3 หนุ่ม แบชเชอร์ อัลบั้ม เฟรช

"แบชเชอร์" 3 คนดนตรี ที่ประกอบไปด้วย "ปั้น - เจษฎา ลัดาชยาพร" (ร้องนำ) "นัส - อรรถพล กุมภานันท์" (กีตาร์อะคูสติก) และ "โฮม - ศิวพร ห้วยหงษ์ทอง" (กีตาร์) แห่งค่ายอิสระอย่าง มิวสิคบั๊กส์ กับอัลบั้มแรกแจ้งเกิดที่ถือว่าเปิดตัว "Fresh" (เฟรช) ที่ส่งเพลงดังกระแทกใจให้ได้ยินกันไปแล้วทั่วบ้านทั่วเมือง ไม่ว่าจะเป็น "หัวใจในกำมือ" หรือ "เสียดายของ" หน้าใหม่และมาแรงอย่างนี้ ชักช้าอยู่ไม่ได้ ไปทำความรู้จักและสัมผัสให้ลึกถึงความสดของพวกเขากันเลยดีกว่า

แนะนำตัวกันหน่อย

ปั้น "สวัสดีครับ ปั้นครับ ร้องนำครับผม"

นัส "นัสครับ กีตาร์ริธึ่มครับ"

โฮม "โฮมครับ กีตาร์โซโลครับ"

เรียนด้านไหน

โฮม "เรียนดนตรีที่สถาบันราชภัฏบ้านสมเด็จฯ คุรุศาสตร์บัณฑิต เอกดนตรีสากลครับ เบส กีตาร์ ก็ชอบครับดนตรี ตอนแรกผมก็เป็นเพื่อนกับนัสก่อน เรียนบริหารธุรกิจด้วยกัน แต่ว่ารู้สึกไม่ค่อยดีครับ เลยเปลี่ยนมาเรียนดนตรีดีกว่า เพื่อจะเข้าทาง อะไรอย่างเงี้ย ก็ชอบครับ"

นัส "คือนัสกับโฮมเรียนด้วยกันตอนปวช. เรียนอยู่ที่ราชมงคล วิทยาเขตพาณิชยาการพระนคร"

ปั้น "ส่วนปั้น ปั้นก็จบคอมพิวเตอร์มา เรียนบริหาร สาขาระบบสารสนเทศ ที่ราชมงคล วิทยาเขตพาณิชยาการพระนคร"

นัส "คือนัสเป็นรุ่นพี่ปั้นครับ เขาเรียนบริหารแต่คนละสาขา"

โฮม "เรียนเอกการตลาดน่ะครับ"

แล้วทำไมถึงสนใจดนตรีได้ยังไง

นัส "คือเล่นดนตรีมาตั้งแต่มัธยม ตั้งแต่ม.1 ม.2 แล้ว เล่นกับเพื่อนสมัยเด็กๆ อยู่แล้ว ก็สนุกดีก็เลยอยากจะเล่น อยากให้จริงจังอะไรอย่างเงี้ยฮะ"

โฮม "คือตอนแรกผมกับนัสเล่นด้วยกันอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว แล้วก็ทำเพลง ทำอะไรด้วยกันมาบ้าง แล้วตอนนั้นพอดีก็ไม่มีนักร้องครับ ก็มาเจอเค้าพอดี"

ปั้น "ซึ่งปั้นเมื่อประมาณ 4-5 ปีที่แล้ว เคยร่วมงานกับ มิวสิคบั๊กส์ มาก่อนร่วมร้องเพลงอัลบั้มประกอบละครเทพนิยายกับนายเสนาะ ตอนนั้นมาสวมแทน ละอ่อน เก่า ซึ่งเคยร่วมงานที่นี้แล้ว ก็คือรักดนตรีมาตั้งแต่เด็ก คือใจชอบแล้ว ก็เรียนคอมพิวเตอร์ด้วย ก็ชอบคอมพิวเตอร์ แต่ว่าก็ชอบดนตรีด้วย ก็ซ้อมเองไปหาเรียนหาความรู้เองครับ จนมาร่วมงานกับ มิวสิคบั๊กส์ แต่พอเมื่อผ่านอัลบั้มนั้นไป ผมก็อยากกลับไปเรียนคอมฯ เรียนให้จบก่อน กลับไปศึกษาคอมพิวเตอร์อะไรพวกเนี้ยจนศึกษาจบ แล้วก็เลยกลับมาหาพี่เอกที่ มิวสิคบั๊กส์ พี่เอกเคยบอกว่าถ้าอยากจะทำเพลงให้นึกถึงที่นี่ที่แรก แล้วผมก็นึกถึงที่นี่เป็นที่แรกครับ"

ได้มาร่วมงานกับ มิวสิคบั๊กส์ จริงๆ แล้วยากไหม

ปั้น "คือเราก็เลือกมาที่ มิวสิคบั๊กส์ เป็นที่แรก เพราะ พี่เอก ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ ครับ ก็คือว่าเปิดกว้างด้านดนตรี คือว่าให้พวกเราทำเองหมด เพราะว่างานทั้งหมดเรามีส่วนร่วมกันแบบร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม ก็คือว่าเราทำกันเองคิดกันเองหมดเลย ก็เลยยากไหม ก็ไม่ยากหรอกครับ"

นัส "ไม่ยากหรอกครับ มันยากของการเป็นครั้งแรกที่เข้าห้องอัดไงครับ จะไปยากตรงนั้นมากกว่า"

ทราบมาว่านัสได้แต่งเพลงเองด้วยใช่ไหม

นัส "ครับ แต่งเนื้อด้วย แต่งทำนองบ้าง ก็ที่นัสแต่งเนื้อและทำนองก็มี 6 เพลงอ่ะครับ จะมี เกินเลย อธิษฐาน ชัดๆ พรุ่งนี้ของเรา ห้องเก่าๆ เฮ้ย! 5 เพลง See You In My Dream นี้ ทำนองปั้นแต่ง"

ปั้น "ก็คือเรามีส่วนร่วมก็คือแบบว่าแต่งทั้งเพลงเลยฮะ อย่างปั้นก็คิดเมโลดี้มา ทำนองอะไรอย่างเงี้ย ก็มาให้นัสเขียนเนื้อ พี่โฮมจะรับหน้าที่เรียบเรียงดนตรี ทำเป็นแบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่บ้าน คือทำแบบสำเร็จรูปใช้คอมพิวเตอร์ทำ พอทำแล้วเนี้ยก็เอามาให้พี่หนุ่ย ชนินทร์ วรากุลนุเคราะห์ โปรดิวเซอร์ลองขัดเกลาให้ดีขึ้น"

มีนักร้องในดวงใจที่ทำให้เราอยากเป็นแบบนั้นบ้างหรือเปล่า

โฮม "ก็มีครับ โฮมชอบพี่หนุ่ย อำพล ครับ"

นัส "พี่ปู แบล็คเฮด ครับ ได้เจอบ้างแล้วครับ แต่ยังไม่ได้คุยครับ (หัวเราะ)"

ปั้น "ปั้นก็ชอบ พี่เอก ธเนศ ครับ ก็เมื่อก่อนนี้ผมชอบเสียงเค้ามาก เท่ดีครับ มันออกเท่ๆ ดี ดีใจที่ได้มาอยู่กับพี่เอกครับ"

แล้วพี่เอกเป็นยังไงบ้าง

ปั้น "พี่เอกเป็นผู้บริหารที่ดี เข้าใจ"

นัส "คือพี่เอกจะไม่ได้ทำให้พวกเรารู้สึกว่าเค้าเป็นเจ้านายครับ รู้สึกว่าเป็นพ่อเป็นพี่ คลุกคลีกับเรา"

ปั้น "เป็นพ่อเรา คอยสั่งสอนแต่สิ่งที่ดีๆ ให้พวกเราไปในทางที่ดีๆ อ่ะครับ"

ใส่ความเป็นตัวเราในอัลบั้มนี้ได้เต็มที่เลยหรือเปล่า

ปั้น "เราใส่ความเป็นตัวเองได้ แต่ว่าต้องเอามาให้พี่หนุ่ย ชนินทร์ ฟังก่อนว่าอันนี้พอมั้ย ตรงกับความเป็นแบชเชอร์มั้ย"

นัส "คือเราต้องเป็นตัวของตัวเองด้วย แล้วก็ต้องแชร์กับตลาดที่มีอยู่ตอนนี้ด้วยน่ะครับ ต้องใส่ใจกับคนฟังมากกว่า ก็เลยครึ่งๆ บางทีใส่ความเป็นตัวเองมากไปเดี๋ยวคนฟังจะไม่เข้าใจ"

แล้วทำไมต้องแบชเชอร์

ปั้น "แบชเชอร์เนี้ย คือตอนแรกเนี้ยเราหาชื่อวงกันเยอะแยะมากมายเลยครับ ก็ไม่ลงตัวซะที จนแบบว่าเราก็มาได้คำว่าแบชชะเลอร์ ซึ่งแปลว่าหนุ่มโสด เราก็เตะหูชื่อนี้ครับ แต่ว่าความเป็นหนุ่มโสดของเรา เราไม่ได้หมายความว่าเป็นหนุ่มโสด เราหมายความว่าเราเป็นหน้าใหม่ทางดนตรี แบบยังใหม่อยู่ สดๆ ซิงๆ อะไรอย่างนี้ครับ แล้วก็ดนตรีเราก็อัดกันสดหมดเลย ซึ่งกับชื่อวงมันก็เลยตรงตัวที่สุด ก็เลยเป็นแบชชะเลอร์ แต่ว่าเรียกไปเรียกมาเนี้ยมันก็กลายเป็นแบชเชอร์ ดูสะดวกปากกว่า แบบเรียกง่ายกว่า แบชเชอร์ๆ"

เห็นว่าเคยผ่านเวทีดนตรีมาก่อน

นัส "ประกวดดนตรีเนี้ย นัสกับโฮมครับ ตอนนั้นปั้นยังไม่เจอ"

ปั้น "อย่างปั้นเคยร่วมงานกับที่นี่ ทางเวทีต่างๆ เค้าจะห้ามคนที่เคยมีผลงานเข้าประกวด ปั้นก็จะแบบไปแอบประกวดตามงานมหาวิทยาลัยอะไรอย่างเนี้ย แต่ว่าสองคนนี้เค้าจะเจนเวทีกว่า"

นัส "จะไปข้างนอกมากกว่า แต่ก็เคยประกวดกับปั้นที่มหา'ลัยอะไรอย่างเงี้ยครับ แต่นัสกับโฮมจะไปประกวดข้างนอกมากกว่า"

โฮม "คือผมจะไปเจอปั้นเค้าที่มหา'ลัย เพราะปั้นเค้าจะปรากฏกายให้เห็นได้ (ยิ้ม) เหมือนเห็นในนิมิตอย่างเดียวพอ (หัวเราะ)"

ปั้นได้เอาประสบการณ์มาใช้กับ แบชเชอร์ หรือเปล่า

ปั้น "ผมก็เคยผ่านห้องอัดมา แต่นานมาแล้ว แต่ก็คือเอาประสบการณ์ตอนเข้าห้องอัดตอนนั้นมาใช้ได้ ก็คือจะไม่ตื่น จะไม่อะไรครับ ก็เข้าใจการทำงานในห้องอัดพอสมควร แล้วก็เรื่องเวทีเมื่อก่อน เราก็เอาประสบการณ์ตรงนั้นมาใช้ เวลาแคมปัสอะไรพวกเนี้ย การเอนเตอร์เทนต์ก็เอากลับมาใช้ แต่ก็สนุกไปกับดนตรีมันก็มาเองครับ การพูดคุยบนเวทีฮะ"

แล้วมีให้คำแนะนำในเรื่องนี้กับเพื่อนๆ บ้างไหม

ปั้น "ประสบการณ์ในห้องอัดเหรอครับ ก็มีบ้าง แต่ว่าผมจะเป็นเกี่ยวกับเรื่องร้องซะส่วนใหญ่ฮะ ก็จะเข้าใจว่าอัดไลน์กีตาร์ ไลน์เบสพวกนี้จะเป็นยังไง ก็จะบอกเค้า อะไรอย่างเนี้ยครับ แต่พอพวกพี่เค้าเข้าไปอัด เพลงแรกเค้าอาจจะตื่น ก็อัดนานเหมือนกัน พอเพลงหลังเค้าก็เริ่มเข้าใจ เค้าก็จะมีความแบบชำนาญขึ้น"

เพลงแรกที่อัดคือเพลงอะไร

ปั้น นัส "หัวใจในกำมือ"

ยากไหม

นัส "เพลงนี้ยากมาก"

ปั้น "ยากมาก เพราะว่าเป็นเพลงแรกที่จะบ่งบอกความเป็นแบชเชอร์มากที่สุดก็เลยยาก"

เพราะว่าต้องการให้เพลงนี้เป็นเพลงติดหูคนฟัง ก็เลยกดดันหรือเปล่า

ปั้น "ให้ฮิตติดหูไหม ไม่ใช่ครับ"

นัส "ไม่ใช่ครับ มันยากของการจะพรีเซ็นต์ยังไงให้เป็นตัวเรา เป็นแบชเชอร์ ฟังเพลงนี้ก็นึกถึงแบชเชอร์มากกว่า ให้ลงตัว ไม่เหมือนหรือแตกต่างจากคนอื่น บอกความเป็นตัวเองที่สุดมากกว่า คำว่าฮิตติดหูถือว่าเป็นกำไรมากกว่าครับ"

เพลงนี้นี่ถือว่าร้องยากที่สุดในอัลบั้มหรือยัง

ปั้น "เพลงหัวใจในกำมือเนี่ยฮะ ใช้เวลาร้องนานที่สุด ซึ่งแบบกว่าจะเจออารมณ์ของตัวเพลง แบบร้องให้ไม่เกินเพลงไม่น้อยกว่าเพลง ใช้เวลาร้องนานมาก ทำมาแล้วก็ใช้เวลาแก้กันไปเรื่อยๆ คือเป็นเพลงแรกที่ยาก ยากมากๆ เลยครับ กว่าดนตรีจะเสร็จก็ร่วมไปเกือบเดือน กลับไปแก้ไปกลับไป"

นัส "ก็เป็นเพลงแรกด้วยไงครับ เพลงแรกของการเข้าห้องอัดด้วย ปรับสภาพใหม่เลย มันไม่เหมือนที่เราไปเล่นสดเล่นตามร้านอะไรอย่างเนี้ยฮะ ทุกอย่างเลยต้องช้ากว่าเพลงอื่น เพราะว่าเป็นเพลงแรก"

พอเสร็จแล้ว ฟังแล้วได้อย่างที่ต้องการไหม

ปั้น นัส "ก็ได้อย่างที่ต้องการครับ"

แล้วเพลง เสียดายของ ล่ะ

ปั้น "ก็จะเป็นเพลงที่ 2 ที่ 3 ที่อัดน่ะฮะ เพลงที่ 2 ก็คือว่าเพลงนี้เนี้ย ร้องก็นานสู้เพลง หัวใจในกำมือ ไม่ได้ (ยิ้ม) หัวใจในกำมือ นานกว่าครับ ก็ยากเหมือนกัน เพราะว่าเป็นเพลงที่มีระดับเสียงต่ำแล้วก็ไปหลบเสียง อย่างท่อนฮุกอ่ะครับ เคยฟังเปล่าครับ (หัวเราะ) นั่นนะฮะ มันจะขึ้นๆ ลงๆ จะคุมยากอ่ะครับ แต่ก็ผ่านมาด้วยดี"

แล้วดนตรีเพลงนี้ ยากเหมือนกันไหม

นัส "ก็ไม่ค่อยยากครับ คือเน้นความสนุกสนานมากกว่าน่ะครับ เพราะว่าแพทเทิร์นของดนตรีมันจะออกไปทางป๊อปเหมือนกัน แต่ว่าในป๊อปของเรา อย่างกีตาร์ของพี่โฮมเนี่ย ถ้าลองไปฝึกศึกษาดีๆ ก็จะมีความแปลก ความยากน่ะฮะ"

โฮม "ยากครับ ยากมากครับ"

นัส "แบบว่าให้น้องๆ ลองมาแกะเพลงดู ก็จะมีอะไรให้ความรู้เกี่ยวกับน้องๆ ได้ พวกไลน์กีตาร์ครับ"

ทำไมอัลบั้มนี้ใช้ชื่อว่าเฟรชล่ะ

ปั้น "ซึ่งตอนแรกเนี่ยเรายังไม่มีชื่ออัลบั้มเลย ถ้าชื่ออัลบั้มแบชเชอร์มันแปลกๆ ไงฮะ เราไม่อยากให้ชื่ออัลบั้มเป็นชื่อเดียวกับชื่อวง ก็ถ้ามองไปที่โปสเตอร์หรือปกเนี่ย เราโดนห่ออยู่ไงฮะ เหมือนเป็นสินค้าหนึ่งและเหมือนวางไว้ตามซูเปอร์มาร์เก็ต แล้วดนตรีเราอัดสดทุกชิ้นเลย อาจจะใส่พวกลูปอะไรมาบ้างฮะ แต่ว่าอัดสดๆ มาเยอะเลย ก็เลยแบบบ่งบอกถึงเราก็อัดสด โดนห่อก็เหมือนกับของสดๆ ใหม่ๆ เราก็เลยใช้ชื่ออัลบั้มว่าเฟรชเลยครับผม"

แนวเพลงในอัลบั้มเป็นยังไง

นัส "นิยามก็จะเป็นพื้นฐานคำว่าโมเดิร์นร็อก"

โฮม "แต่ละเพลง ก็จะมีกลิ่นอายของแต่ละแบบแตกต่างกันไป"

นัส "เราชอบอะไรเราก็จะหยิบใส่ลงมา เช่น ความเป็นโมเดิร์นร็อกเนี่ยเราก็ไม่ได้เน้นซาวน์แบบหนักๆ ซาวน์เหมือนฟังทั่วไปครับ แต่เราจะเน้นย้ำๆ อะไรอย่างเนี้ย ก็ยังมีกลิ่นพวกฮิพฮอพพวกอาร์แอนด์บีมาบ้าง อย่างเพลง ห้องเก่าๆ เราก็จะเอาจังหวะ 2 4 ครับ มาใช้ ซึ่งมันโบราณๆ หน่อย แต่เราก็มาทำให้โมเดิร์นขึ้น"

พูดถึงจุดเด่นอัลบั้มนี้หน่อย

นัส "จุดเด่นของมันก็ความสดน่ะครับ เพราะว่าถ้าเราฟังในการบันทึกเสียงจริงๆ เราต้องการให้มันเหมือนว่าเล่นรวมๆ กัน แบบว่าเหมือนอยู่ในห้องซ้อม สดๆ ดิบๆ ออกมา ดนตรีก็ดิบๆ ออกมา แสดงถึงความสด และก็ฟิลของนักดนตรีต่างๆ น่ะครับ"

มีโอกาสได้แสดงคอนเสิร์ต เล่นสดจริงๆ หรือยัง

นัส "ก็มีบ้างครับ เจ็ดสีคอนเสิร์ต"

ปั้น "ที่ผ่านไปสดๆ ก็บางกอก มิวสิค เฟตติวัล"

นัส "ที่ราชมังคลาฯ น่ะครับ"

โฮม "คนเยอะมาเลยครับ"

ตื่นเต้นไหม

ปั้น นัส โฮม "ตื่นเต้นครับ"

กระแสตอบรับเป็นยังไงบ้าง

ปั้น นัส โฮม "ดีมากครับ"

ปั้น "เกินกว่าที่เราคาดครับ"

นัส "เราไปอยู่ตรงช่วงเวลาที่มันไม่น่าจะเป็นไปได้ ไปอยู่ช่วงดึกๆ"

โฮม "ต่อจากวงรุ่นใหญ่ๆ เลยครับ"

นัส "แค่นั้น เราก็ตื่นเต้นมากแล้ว คนเค้าคงไม่อะไร แต่พอเปิดตัวมาคนเฮคนโดดคนสนุกกับเรา

ปั้น คนเล่นกับเรามาก สนุกมากๆ เลย"

นัส "เสียดายของ คนก็ร้องตามกันเยอะมากเลย เกินคาดเลยครับ"

วันนั้นโชว์ไปกี่เพลง

โฮม "2 เพลงครับ วันนั้นจะโชว์กันน้อย เพราะว่ามันร้อยกว่าวงไงฮะ แบ่งกันวงละสองเพลงสามเพลงครับ"

ส่วนตัวแล้ว แต่ละคนชอบฟังเพลงแนวไหนกันบ้าง

โฮม "มีฮะ มี"

นัส "ต่างกันหมดเลย"

โฮม "ผมชอบร็อกครับ เพลงร็อกๆ"

ปั้น "ปั้นชอบฟังพวกอีซี่ลิทซึ่นนิ่ง ฟังแบบพวกคลื่น 105.5 พวกฝรั่ง สากล เพราะๆ"

นัส "นัสจะชอบพวกอะคูสติกหน่อย แบบศิรศักดิ์ แบบ สุเมธ & เดอะปั๋ง อะไรอย่างเนี้ยฮะ"

ปั้น "นัสเค้าเป็นคนชอบเล่นกีตาร์โปร่งไงครับ ก็เลยจะชอบฟังดนตรีที่มีรายละเอียดที่เกี่ยวกับกีตาร์โปร่ง อย่างเช่นอัลบั้มนี้เค้าชอบกีตาร์โปร่งก็เลยเอากีตาร์โปร่งมาใส่ เช่น ในเพลงเร็วๆ ให้มันดูว่าเพลงเร็วก็มีกีตาร์โปร่งเข้ามาด้วย"

เอกลักษณ์ความเป็นแบชเชอร์เนี่ยอยู่ตรงไหน

ปั้น "เอกลักษณ์ความเป็นแบชเชอร์ ก็คือดนตรีของพวกเราเนี่ย เราเอาความหลากหลาย วาไรตี้เข้ามาใส่ ใครชอบอะไรยังไงก็เอามาใส่ ก็คือ เหมือนลองดูถ้าออกมาดี อย่างเพลง ห้องเก่าๆ เนี่ย เราก็แบบแร็พเข้ามาใส่ เพลงสุดท้ายก็มีอาร์แอนด์บีเข้ามาใส่ ก็เลยดูว่าแบชเชอร์นี่ก็เป็นวงที่มีความเป็นโมเดิร์นร็อกรวมกับดนตรีแนวอื่นความวาไรตี้เข้ามาด้วย พวกเราแบชเชอร์เนี่ยก็ทำงานกันเองคิดงานกันเองทั้งหมด ก็คือลงตัวใน 3 คนอยู่แล้ว นี่ก็คือเอกลักษณ์ของพวกเราฮะ"

นัส "อีกในแง่หนึ่ง แง่คนฟังแบชเชอร์ ก็อาจจะสังเกตว่าจะมีเพลงที่ช้าเลยเนี่ยจะน้อยมาก ถ้าเป็นเพลงช้าก็สามารถโยกได้ เราก็ใส่แพทเทิร์นให้มีความสนุก แต่ถ้าเกิดเพลงเร็วที่มันหนักๆ เราก็ใส่ความอ่อนเข้าไป เมโลดี้ที่ไม่หนักมาก"

มาถึงจุดนี้พอใจหรือยัง

ปั้น นัส โฮม "พอใจแล้วครับ"

ปั้น "ซึ่งเรา 3 คนตอนแรกก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก ที่ทำเพราะว่าใจรักดนตรี ก็ลองทำเสนอให้คนเค้าฟังดู งานของเรา ถ้าชอบก็ถือเป็นกำไร แต่ถ้าไม่ชอบก็ติเตียน เราก็จะได้แบบแก้ไข แฟนเพลงส่วนใหญ่เค้าก็รู้สึกชอบงานของเรา เราก็ดีใจ ดีใจมากๆ เพราะว่าเป็นงานของเราเองคิดเอง"

วันนี้แบชเชอร์ก็เป็นที่รู้จักมากขึ้น

ปั้น "ใช่ มันก็ตรงตามที่เราคาดหวังก็คือมีคนรู้จักแบชเชอร์มากขึ้น ว่าแบชเชอร์เป็นใคร เป็นลูกสังกัดใคร แนวเพลงเป็นยังไง อะไรอย่างเนี้ยครับ"

ออกไปเดินข้างนอก มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมไหม

ปั้น "มีคนทักเยอะ"

โฮม "ยามหน้าหมู่บ้านยังทักเลย (นัส หัวเราะ)"

ปั้น "ก็มีทักบ้างว่าเป็นนักร้องแบชเชอร์ ก็มีแบบดูในทีวีอ้วน (หัวเราะ)"

นัส "ก็มีพนักงานเซเว่นฯ อะไรอย่างเนี้ยครับ ปั้นนี่เดินๆ ก็มีขอถ่ายรูป"

ปั้น "ปั้นไปขอเค้าถ่ายรูปนะครับ (หัวเราะ)"

นอกจากร้องเพลงแล้ว มีทำอะไรอีกบ้าง

นัส "ก็มีร้องเพลงกลางคืนบ้าง"

โฮม "ทำงานกลางคืนฮะ"

นัส "เล่นตามร้านอาหารน่ะฮะ"

โฮม "ช่วงนี้ต้องหยุดพักก่อน เพราะงานเยอะ"

กิจกรรมส่วนตัวล่ะ

โฮม "นอนฮะ (หัวเราะ) อยู่บ้าน ล้างรถ ดูรถ ซ่อมรถ"

ปั้น "ก็ชอบอยู่บ้าน ถ้าว่างจริงๆ ก็ชอบไปเดินเที่ยว"

โฮม "ตามตลาดนัดอะไรอย่างเนี้ยฮะ"

ปั้น "ตามสวนจตุจักร ตามที่เค้ามีงาน อย่างศูนย์สิริกิติ์จัดหนังสือแห่งชาติ หรืองานท่องเที่ยวอะไรอย่างเนี้ยฮะ ผมชอบไปเดิน ไปเปิดหูเปิดตา ไปดูบ้างว่าเค้าไปถึงไหนแล้ว พวกงานเทคโนโลยี ผมก็ชอบไปเดิน"

นัส "นอนเฉยๆ ครับ ดูทีวี คุยโทรศัพท์ ไม่ทำอะไรเลยครับ (หัวเราะ) ฟังเพลงบ้าง ทำอะไรที่มันชิลๆ ฮะ"

ให้พูดถึงสมาชิกในวงแต่ละคนเป็นยังไงบ้าง

นัส "ปั้นนี่ก็เป็นน้องที่ขี้เกรงใจครับ ขี้เกรงใจคน แล้วก็เป็นคนที่มีความรับผิดชอบในงานสูง เรื่องงานนี่ไว้ใจเค้าได้ ไม่ทำงานเสีย โฮมก็เป็นคนสบายๆ ไม่ค่อยคิดอะไร"

ปั้น "เรื่องงานพี่โฮมก็รับผิดชอบ แต่ว่าอย่างเช่นมีอะไรติเค้า เค้าจะเอากลับไปแก้ไข แต่เค้าจะไม่คิดอะไรเลย จะไม่เก็บมาคิดน่ะครับ มีคนว่าอย่างเนี่ย ก็เรื่องของตัวเค้า แต่เค้าก็กลับไปแก้ เป็นคนแบบนี้ เป็นคนที่ไม่คิดอะไร"

นัส "เป็นตัวที่ผ่อนคลายวง นัสกับปั้นจะเป็นคนเก็บมาคิดน้อยใจ"

ปั้น "คิดหรือเครียดเรื่องงาน ทะเลาะกัน ก็จะเก็บมาคิด พี่โฮมก็จะเฮ้ย! อะไร ประมาณนั้น ส่วนพี่นัสก็เป็นคนรักสนุกสนาน อยู่ด้วยแล้วแบบไม่ค่อยเครียด ถ้าเค้าเครียดก็ดูรู้ว่าเค้าเครียด แต่จริงๆ แล้วเป็นคนเฮฮา สนุกสนาน ช่วยเหลือพี่ช่วยเหลือน้อง อย่างเช่นแบบตอนที่เราทำเทป ผมก็ต้องหยุดงาน ไม่มีเงินเลย ก็เฮ้ย! พี่นัส ผมไม่มีเงินเลย เฮ้ย! พี่เลี้ยงเอง น้องคนเดียวพี่เลี้ยงได้ เป็นคนมีน้ำใจ"

โฮม "ซึ้ง!" (ยิ้ม)

ปั้น "พี่โฮมก็มีน้ำใจ (นัสหัวเราะ) ก็คืออยู่วงเนี้ยมีน้ำใจ รู้สึกดี มันลงตัวที่ 3 คนน่ะครับ"

โฮม "นัสนะฮะ เป็นผู้จัดการวงที่ดี"

ปั้น "คือเค้าจะเป็นทัพหน้า อย่างเช่นรับงานถ้าโทรหานัส นัสก็จะกระจายไปให้ แต่ถ้าโทรหาปั้นกับโฮมเนี่ย ไม่ได้เรื่อง (หัวเราะ)"

โฮม "ปั้นก็ดีฮะ เป็นน้องที่มีสัมมาคารวะดีครับ เคารพต่อพี่ๆ แม้ว่าอายุจะไม่ห่างกันมากเท่าไหร่ ก็ยังเคารพกันก็ยังเรียกพี่"

นัส "จริงๆ ไม่ได้ห่างกันเลยครับ เดือนเว้นเดือนครับ แต่นับถือตามรุ่นที่เรียนมากกว่า"

สุดท้ายแล้วอยากให้ฝากอะไรถึงแฟนๆ แบชเชอร์หน่อย

นัส "ผมมีแฟนแล้วหรือครับเนี่ย (ยิ้ม)"

ปั้น "ก็คงฝากเรื่องงาน ก็ขอบคุณคนที่ชอบงานของพวกเรา ที่ติดตามงานของพวกเรา มีข้อติอะไรที่พวกเราคอมเม้นท์มาในใบตอบรับ ให้คำแนะนำในปกเทป เราก็จะเอากลับไปแก้ไข อยากให้เป็นยังไง เราก็จะไปประชุมกัน แต่แฟนเพลงคนไหนที่ยังไม่รู้จักแบชเชอร์ ก็อยากให้ฟังเพลงของพวกเรา มีความหลายหลายอยู่ในนั้น ถ้าชอบก็ขอบคุณมากๆ นะครับ แต่ถ้าไม่ชอบยังไงก็ลองติเตียนมาได้ที่ basherband@hotmail.com"

นัส "ก็อยากให้คนที่เคยฟังงานของแบชเชอร์แล้ว ติดตามงานเราไป เอ็นดูเรา ไปสนุกกับเราตามงานคอนเสิร์ตต่างๆ ใครที่อยู่กรุงเทพฯ ก็มาเจอกัน ใครที่อยู่ต่างจังหวัด ถ้าไปจังหวัดไหนสอบถามที่บริษัทได้ ไปเจอกัน ทักทายกัน คุยกัน เฮ้ย! แบชเชอร์อะไรอย่างเนี้ยครับ ไปเจอกัน"

โฮม "ขอบคุณทุกคนที่ติดตามทุกคอนเสิร์ตเลย ผมก็มีความสุขมากที่ได้เจอเพื่อนๆ ขอบคุณเสียงตอบรับที่ดี ความอบอุ่นจากเพื่อนๆ หวังว่าคงได้มันกันแน่นอนกับเวทีคอนเสิร์ตนะครับ"

นัส "พี่เบิร์ดนั่นเอง" (ปั้น นัส โฮม หัวเราะ)

ใครรักใครชอบ 3 หนุ่มแบชเชอร์ ติดตามผลงานของพวกเขาได้แล้ววันนี้ทุกแผงแทป แอบบอกนิดนึงว่าอีกไม่นานแบชเชอร์จะมาตอกย้ำความแรงด้วยอัลบั้มพิเศษ ที่รับรองว่าไม่นานเกินรอ