เปิดคอนเสิร์ตพญาอินทรี ดิ อีเกิลส์ สุดยอดความประทับใจ
นับว่าเวลาแห่งการรอคอยของคนไทยที่จะได้มีโอกาส ชมการแสดงสดของตำนานเพลงร็อกอมตะที่มีชื่อเสียงก้องโลกอย่างวง "ดิ อีเกิลส์" (The Eagles) สักที แล้วความรอคอยก็เป็นผลเมื่อทั้ง 4 สมาชิกของวง ดิ อีเกิลส์ ที่ประกอบไปด้วย "ดอน เฮนลีย์" (Don Henley) มือกลอง+ร้องนำ, "เกลนน์ เฟรย์" (Glenn Frey) กีต้าร์+ร้องนำ, "ทิโมธี บี ชมิต" (Timothy B. Schmit) เบส+ร้องนำ, "โจ วอลช์" (Joe Walsh) กีต้าร์+ร้องนำ ก็ได้เดินทางมาเปิดคอนเสิร์ตครั้งใหญ่ในไทย "The Eagles Live in Bangkok Farewell One 2004" และจัดขึ้นในวันที่ 15-16 ตุลาคมนี้ ณ อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี ที่ผ่านมา
ก่อนขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่ในไทยครั้งนี้ ได้มีการจัดงานแถลงข่าวแบบเล็กๆ (แต่เข้มงวด) ที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี โดยเปิดตัวสมาชิกครบวง ดิ อีเกิลส์ ทั้ง 4 คนอย่างพร้อมหน้าด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส เริ่มที่ เกลนน์ มือกีต้าร์จอมเก๋า กล่าวแทนเพื่อนในวงว่า
"ยินดีมากที่ได้มาเมืองไทย เล่นคอนเสิร์ตวันที่ 15-16 ตุลาคม นี้ พวกเราเพิ่งบินมาจากลอสแองเจลิส มาถึงที่เมืองไทยเมื่อ 2 วันที่แล้ว ได้รับการตอบรับที่อบอุ่นและดีใจมาก สำหรับคอนเสิร์ตในครั้งนี้พวกเราไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาก เพราะเพลงเหล่านี้พวกเราก็คุ้นๆ อยู่แล้ว ก็เล่นมาตั้ง 32 ปีแล้ว ยังไงก็เต็มที่แน่นอน เต็มอิ่ม 3 ชั่วโมง และก็มีพัก 15 นาที รับรองว่ามีเซอร์ไพร์ส"
ดอน มือกลองเสียงร้องนุ่มของวงก็กล่าวชมเมืองไทยอีกด้วยว่า "คนไทยยิ้มแย้มแจ่มใสดี ได้สัมผัสมาบ้างถึงวัฒนธรรมไทย วงเราชอบศึกษาอะไรที่ไม่เคยเห็น สิ่งเหล่านี้จะสอนเรา พรุ่งนี้ถ้ามีโอกาสจะไปเยี่ยมชมสถานที่สำคัญๆ ของไทย เช่น วัดต่างๆ ของเมืองไทย ก็อาจจะได้ไป หลังจากมาเล่นคอนเสิร์ตในเมืองไทยแล้ว พวกเราจะบินด่วนไปเปิดคอนเสิร์ตต่อที่สิงคโปร์ ฮ่องกง และออสเตรเลีย ซึ่งถือว่าเป็นการสิ้นสุดการทัวร์ที่ยาวนานของพวกเรา"
แล้วคอนเสิร์ตที่หลายต่อหลายคนรอคอยก็มาถึง แม้ว่าจะเล่นช้าไปเกือบครึ่งชั่วโมง แต่ก็เปิดเวทีอย่างสวยหรูด้วยการปรากฏตัวของทั้ง 4 คน พร้อมด้วยเครื่องดนตรีที่มีหลากหลายชนิดบนเวที ดอน ทักทายแฟนเพลงก่อนด้วยเพลง "The Long Run" ต่อทันทีด้วย เกลนน์ ที่มากับเพลง "New Kid In Town" ละ ดอนก็กลับมาร้องต่อด้วย "Wasted Time" และ "Peaceful Easy Feeling"
ถึงเวลาของมือเบส ทิโมธี ร้องต่อในเพลง "I Can't Tell You Why" และต่อด้วยเพลงที่มีจังหวะเร็วมากขึ้นอย่าง "One Of These Nights" "Lyin' Eyes" "The Boys Of Summer" "In The City" และ "Already Gone" ก่อนปิดท้ายให้พักเหนื่อยกัน 15 นาที
เปิดเวทีอีกครั้งด้วยเพลงบรรเลง ก่อนเริ่มต้นด้วยเพลง "Tequila Sunrise" ต่อรวดด้วย "Love Will Keep Us Alive" "Hole In the World" "Take It To The Limit" โดยเพลงนี้ เกรน เฟรย์ กล่าวว่าได้มอบเพลงนี้ให้กับภรรยาของเขา ก่อนจะต่อด้วยเพลง "You Belong To The City" "Walk Away" และ "Sunset Grill" เรียกเสียงปรบมือได้ดังสนั่นฮอลล์ ถึงความสามารถที่สุดยอดของเขาทั้ง 4 คน เพราะทุกคนสามารถสลับการเล่นเครื่องดนตรีได้หลากหลายชนิด
ต่อด้วยเพลง "Life's Been Good" "Dirty Laundry" "Funk 49" "Heartache Tonight" "Life In The Fast Lane" ก่อนโบกมือทำท่าอำลาชาวไทย คล้ายว่าคอนเสิร์ตจบแล้ว
และแล้วก็ออกมาสร้างความสนุกให้กับแฟนเพลงชาวไทยกันแบบต่อเนื่องในเพลง "Hotel California" "Rocky Mountain Way" "All She...Dance" และทั้งหมดก็เดินลงไปจากเวทีพร้อมโบกมือลาอีกครั้ง ก่อนจะกลับมาปิดท้ายคอนเสิร์ตครั้งนี้อย่างสมบูรณ์ด้วยเพลง "Take It Easy" และเพลงสุดซึ้งอย่าง "Desperado"
ถือเป็นคอนเสิร์ตแห่งประวัติศาสตร์ของแฟนเพลงชาวไทย ที่ได้มีโอกาสชมการแสดงสดที่มาจากความสามารถล้วนๆ ของศิลปินที่มีชื่อก้องโลกอย่าง ดิ อีเกิลส์ งานนี้ใครพลาดบอกเลยว่าน่าเสียดาย