บรรยากาศการเยือนเมืองไทยครั้งที่ 2 ของ ริกกี้ มาร์ติน
ค.ศ.1998 สายตากว่าร้อยล้านคู่ทั่วโลกจับจ้องอยู่ที่ เอ็นริเก้ มาร์ติน มอราเลส หรือที่ใครๆ รู้จักในชื่อ ริกกี้ มาร์ติน (Ricky Martin) กับการแสดงสดในเพลง The Cup Of Life ในพิธีเปิดการแข่งขันฟุตบอลโลกที่ประเทศฝรั่งเศส ส่งผลให้ ริกกี้ ก้าวขึ้นมาเป็นศิลปินระดับแนวหน้าของโลก และในปีนี้เองที่ ริกกี้ มีโอกาสมาเยือนเมืองไทย เพื่อให้แฟนเพลงได้สัมผัสตัวจริงเสียงจริง
ค.ศ. 2003 ริกกี้ มาร์ติน กลับมาเยือนเมืองไทยอีกครั้ง เพื่อโปรโมตอัลบั้ม Almas Del Silencio (อัลมาส เดล ซิเลนซิโอ้) โดยในช่วงบ่ายต้นๆ ของวันที่ 11 สิงหาคม หนุ่มลาตินคนนี้ก็ได้เปิดใจเกี่ยวกับเรื่องงานและชีวิตส่วนตัวให้สื่อมวลชนและแฟนเพลงได้ฟังกัน
"สวัสดีครับ" คือ คำพูดทักทายแรกของ ริกกี้ ซึ่งพูดได้อย่างชัดเจน จากนั้น ก็อวดภาษาไทยกันแบบต่อเนื่องด้วยคำว่า "ขอบคุณครับ"
ริกกี้ เล่าให้ฟังถึงสาเหตุที่กลับมาทำเพลงภาษาสเปนอีกครั้ง หลังจากที่ห่างหายไปถึง 5 ปี นับจากอัลบั้ม Vuelve (บวลเบ้) เพราะภาษาสเปนเป็นภาษาแม่ โดยคำว่า Almas Del Silencio แปลว่า Souls Of Silence หรือดวงวิญญาณแห่งความเงียบสงบ
อัลบั้มนี้เปิดตัวด้วยเพลง Jaleo ซึ่งเป็นละตินป๊อปผสมฮิพฮอพในแบบ Spanglish ซึ่งก็คือภาษาสเปนบวกกับภาษาอังกฤษนั่นเอง เพลง Tal Vez เป็นเพลงเกี่ยวกับการบอกรัก I Love You เนื่องจากบางคนมีทิฐิไม่ยอมบอกรัก จึงต้องการสื่อเพลงนี้ท่ามกลางโลกที่สับสนวุ่นวาย ส่วน Nadie Mas Que Tu เป็นเพลงที่ ริกกี้ แต่งขึ้นเอง โดยมีความหมายว่า No One Else But You หรือหลงใหลรักคนๆ เดียวเท่านั้น
ริกกี้ กล่าวถึงทีมงานเพลงในอัลบั้มนี้ว่านักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์อาจจะดูหน้าใหม่ไปบ้าง แต่หลายๆ คนคือเพื่อนของเขา คุยกันมานาน ซึ่งมีข้อดี คือ กล้าที่จะแสดงความรู้สึก กล้าที่จะทำงานแบบท้าทาย
เมื่อถามถึงอัลบั้มใหม่ที่เป็นภาษาอังกฤษ ริกกี้ บอกว่าทำเสร็จแล้ว เสร็จก่อนอัลบั้มภาษาสเปนด้วยซ้ำ คาดว่าจะวางจำหน่ายในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ซึ่ง ริกกี้ เขียนเพลงเองหมดทุกเพลง ทำให้ได้ปลดปล่อยความเครียด และรู้สึกเป็นอิสระ เนื้อเพลงออกไปในแนวบทกวี แต่ยังคงจังหวะเร็วแบบดนตรีร็อกไม่รุนแรง
ริกกี้ บอกว่าการร้องเพลงใส่หน้ากากไม่ได้ ดังนั้น หากร้องเพลงในภาษาอื่น ก็ต้องเป็นร้องได้แบบสบายใจ ถ้าจะร้องเพลงภาษาไทย ก็ต้องร้องได้ไม่เหมือนชาวต่างชาติร้อง ซึ่งเขาเคยร้องเพลงมาแล้วหลายภาษา เช่น โปรตุเกส และ ฝรั่งเศส ก็เคยมาแล้ว
ตอบคำถามที่ว่ารู้สึกกดดันไหม เมื่อออกผลงานเพลงชุดใหม่ ริกกี้ บอกว่าไม่เคยนึกถึงแรงกดดัน เพราะทำด้วยใจรัก ทำด้วยจิตใจ และตั้งใจที่จะทำ โดย ริกกี้ เชื่อว่าถ้ามีใครเขียนเกี่ยวกับวงการเพลงในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จะต้องมีเขารวมอยู่ด้วย
ริกกี้ เล่าให้ฟังถึงชีวิตซูเปอร์สตาร์ว่าไม่ได้รู้สึกต้องการเวลาส่วนตัวแต่อย่างใด เพราะได้เลือกเส้นทางชีวิตแบบนี้มาแล้ว และไม่รู้จะทำอะไรถ้าไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์ โดยคุณแม่ของ ริกกี้ ได้สอนเอาไว้ว่าจะทำอะไรก็ต้องรู้วิธี เช่น จะดูหนังก็ต้องดูบ่ายวันจันทร์ จะไปช้อปปิ้งก็ต้องไปตอนห้างฯ เปิดตอนเช้าๆ จะได้ไม่เจอคนเยอะๆ
นอกจากงานร้องเพลงแล้ว ริกกี้บอกว่าอยากกลับไปหางานแสดงอีกครั้ง เพราะชอบงานด้านนี้ ชอบแสดง ชอบตัวบท และอยากให้คนชอบเพราะความสามารถ โดยบทบาทที่อยากแสดง คือ Best Criminal หรือ Best Hero
ริกกี้ กล่าวว่าการมาเมืองไทยครั้งนี้ คนรู้จักเขามากขึ้น ไม่ต้องแนะนำมากเหมือนครั้งแรก และมีหลายคนที่พยายามจะคุยกับเขาเป็นภาษาสเปน ซึ่งก็ตรงกับจุดมุ่งหมายของเขาที่ต้องการให้คนหลายชาติสามารถสื่อสารกันได้ ส่วนคอนเสิร์ตในเมืองไทย มีโครงการแต่ยังไม่แน่นอน คงต้องรอให้อัลบั้มภาษาอังกฤษวางจำหน่ายก่อน โดยคาดว่าอาจจะมีขึ้นในเดือนพฤษภาคมหรือมิถุนายนปีหน้า
ปิดท้ายด้วยการแสดงโขนให้ ริกกี้ มาร์ติน และทุกคนในงานได้ชมกัน ซึ่ง ริกกี้ ก็ได้กล่าวขอบคุณทีมงานทุกๆ คนที่เป็นกำลังใจอย่างสูง โดยทิ้งท้ายว่า "Beautiful Career, Beautiful Country"