อัลบัม Nothing but Thieves - Nothing but Thieves

นอธิง บัต ธีฟส์ (Nothing But Thieves) วงดนตรีอัลเทอร์เนทีฟร็อกของ 5 หนุ่มจากประเทศอังกฤษ ประกอบด้วย นักร้องนำ คอเนอร์ เมสัน (Conor Mason) มือกีตาร์ โจ แลงริดจ์-บราวน์ (Joe Langridge-Brown) มือคีย์บอร์ดและมือกีตาร์ โดมินิก เครก (Dominic Craik) มือกลอง เจมส์ ไพรซ์ (James Price) และมือกีตาร์เบส ฟิลิป เบลก (Philip Blake) เจ้าของผลงานชุด Nothing But Thieves อัลบั้มเต็มชุดแรกที่ใช้ชื่อตามชื่อวงที่มีที่มาค่อนข้างประหลาด จากการที่สมาชิกในวงพยายามหาชื่อวง โดยพูดคุยกันผ่านการส่งข้อความในโทรศัพท์มือถือ แล้วระบบแก้คำผิดเปลี่ยนคำหลังคำว่า นอธิง บัต ให้เป็นคำว่า ธีฟส์ จึงกลายเป็นชื่อวง นอธิง บัต ธีฟส์ ในที่สุด

แม้ Nothing But Thieves จะเป็นผลงานอัลบั้มเต็มชุดแรก แต่ศิลปิน 5 หนุ่มก็มีฐานผู้ฟังจากอัลบั้มอีพีที่เคยจำหน่ายมาก่อนหน้านี้ ทั้ง If You Don't Believe, It Can't Hurt You ปี 2013 Graveyard Whistling ที่ออกเมื่อปี 2014 และ Ban All the Music ของปี 2015 โดยทางวงต้องการผลักดันความสนใจทางดนตรีไว้ในอัลบั้มชุดนี้อย่างไร้ขีดจำกัด ส่วนด้านความหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังเพลงแต่ละเพลงนั้น ทางสมาชิกวงอยากเก็บไว้เป็นความลับ เนื่องจากต้องการให้ผู้ฟังนำมาเชื่อมโยงกับเรื่องราวของตัวเองเอง เพราะหากทางศิลปินเล่าเบื้องหลังของเพลงหมด เรื่องราวเหล่านั้นก็จะไปจำกัดความคิดของผู้ฟัง ยกตัวอย่างเช่นเพลง Tempt You (Evocatio) ที่จริงๆ แล้วเกี่ยวกับพิธีกรรมทางศาสนาโบราณของชาวโรมัน แต่เพราะเนื้อเพลงไม่ได้เขียนอย่างเฉพาะเจาะจงเกินไป ทำให้ผู้ฟังสามารถตีความหมายไปในทางอื่นได้อีกหลายทาง

Nothing But Thieves ประกอบด้วยเพลงร็อกหลากแนว อย่างเช่นผู้ฟังจะได้เต้นตามจังหวะชวนขยับในเพลง Wake Up Call ที่ผสมระหว่างเบสและเสียงร้องของ คอเนอร์ และจะได้นิ่งฟังเพลงช้าๆ ใน If I Get High ที่ลดเสียงดนตรีลงให้เสียงของนักร้องนำพาเพลงไปตั้งแต่ต้นจนจบ ขณะที่เพลง Excuse Me จะเริ่มต้นด้วยเสียงกีตาร์เบาๆ เคล้ากับจังหวะไม่เร่งรีบ ก่อนจะเพิ่มเป็นจังหวะชวนโยกหัว ด้านเพลง Trip Switch ที่ได้แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์มาจากเพลงแนวฮิปฮอป เช่นเพลงของ เดรก (Drake) และ เคนดริก ลามาร์ (Kendrick Lamar) ทำให้เป็นเพลงที่เกิดจากการรวมตัวระหว่างกลิ่นอายของเพลงฮิปฮอปกับเพลงร็อก