อัลบัม In The Lonely Hour - Sam Smith

ผลงานอัลบั้มเต็มชุดแรกของนักร้องนักแต่งเพลงชาวอังกฤษ แซม สมิธ (Sam Smith) หลังจากนักฟังเพลงได้สัมผัสพลังเสียงของเขาเป็นครั้งแรกจากการร่วมงานกับวงดนตรีอิเล็กทรอนิกจากประเทศเดียวกันอย่าง ดิสโคลสเชอร์ (Disclosure) ในเพลง Latch โดยใช้ชื่อผลงานชุดแรกนี้ว่า In The Lonely Hour ที่ประกอบไปด้วยเพลงเศร้าลึก แต่งขึ้นจากชีวิตรักที่ไม่สมหวังของ แซม ในในวัย 21 ปี จนเรียกได้ว่าอัลบั้มนี้เป็นเหมือนสมุดบันทึกส่วนตัวของ แซม ทีเดียว

แม้จะเป็นศิลปินชาย แต่ แซม ได้รับอิทธิพลทางการร้องมาจากศิลปินหญิงทั้งสิ้น อาทิ เอมี ไวน์เฮาส์ (Amy Winehouse) วิตนีย์ ฮูสตัน (Whitney Houston) มารายห์ แครี (Mariah Carey) บียอนเซ โนวล์ส (Beyonce Knowles) รวมไปถึง เลดี้ กาก้า (Lady Gaga) เจ้าตัวยอมรับว่าตังแต่เด็กๆ เขาฟังแต่เพลงจากศิลปินหญิงเท่านั้น ส่วนเพลงจากศิลปินชายเขาเพิ่งจะมาฟังได้ไม่นาน การฟังแต่เสียงร้องของผู้หญิงทำให้เขาพยายามร้องเพลงในระดับเสียงเดียวกัน แซม จึงเป็นศิลปินชายที่สามารถไต่ระดับเสียงร้องได้สูงมาก และลดระดับเสียงลงมาในระดับที่ต่ำได้ในวินาทีถัดไปอย่างที่เขาได้แสดงให้เห็นผ่านผลงานชุดนี้

แซม ส่งเพลง Lay Me Down ให้ได้ฟังเป็นเพลงแรกในฐานะศิลปินเดี่ยว เพลงนี้เขียนโดย แซม กับ จิมมี เนปส์ (Jimmy Napes) ผู้เคยร่วมแต่งเพลง Latch ด้วยกันกับ แซม และ เอลวิน สมิธ (Elvin Smith) โดยเพลง Lay Me Down เป็นเพลงที่ทำให้ แซม ได้เริ่มต้นชีวิตบนเส้นทางสายดนตรีอาชีพอย่างจริงจัง หลังจากใช้เวลาพัฒนาฝีมือการร้องและการแต่งเพลงมาหลายปี จากการร่วมกลุ่มโอเปรารุ่นเยาว์ เป็นสมาชิกวงแจ๊ซ รวมถึงการเพียรศึกษาการร้องและแต่งเพลงจากนักเปียโนและนักร้องเพลงแจ๊ซ โจแอนนา อีเดน (Joanna Eden)

สำหรับเพลงที่ แซม อยากแนะนำให้กับคนที่ไม่เคยฟังเพลงของเขามาก่อน คือ Good Thing ซึ่งเป็นเพลงที่ตรงไปตรงมาที่สุด เพราะตอนที่เขียนเพลงนี้ แซม รู้สึกเศร้ามาก และขณะที่บันทึกเสียงเขารู้สึกว่าไม่ต้องพยายามเค้นเสียงร้องออกมาเลย ส่วนเพลง Money On My Mind แสดงถึงตัว แซม ขณะเซ็นสัญญากับค่ายเพลงว่าเขาไม่ได้เห็นเรื่องจำนวนเงินเป็นเรื่องสำคัญ อย่างที่ในเนื้อร้องท่อนแรกมีใจความว่า ตอนที่ฉันเซ็นสัญญา ฉันรู้สึกถึงความกดดัน ฉันไม่อยากเห็นจำนวนเงิน ฉันอยากเห็นสวรรค์ต่างหาก

ด้าน Stay with Me ยังคงเนื้อหาเศร้า ซึ่งเป็นแก่นหลักของผลงานชุดนี้ เพลงมีจังหวะช้าๆ แบบป๊อปบัลลาด คลอไปกับเนื้อหาวิงวอนไม่ให้คู่นอนของตัวเอกในเพลงจากไป ขณะที่ Like I Can เป็นเพลงแนวป๊อป เบื้องหลังของเพลงอยู่ที่ความหึงหวง เห็นคนที่หลงรักทำดีกับทุกคน ยกเว้นตัวเอง จึงทำให้ได้แต่คิดว่าเพราะอะไรถึงเป็นแบบนี้ แม้จะเป็นเพลงช้ำในความรัก แต่ แซม เผยว่าอยากให้เป็นเพลงที่ให้ความหวังไปด้วย นอกจากนี้ยังมีเพลง La La La จากอัลบั้ม Hotel Cabana ของศิลปิน นอตตี บอย (Naughty Boy) ที่ แซม ไปร่วมร้องไว้ รวมอยู่ในอัลบั้มนี้ด้วย