Spider-Man ครองแชมป์ภาพยนตร์ทำเงินช่วงซัมเมอร์

ฮอลลีวู้ดทำสถิติเก็บเงินภาพยนตร์ช่วงซัมเมอร์ได้มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ แต่ทว่ารายได้ที่มากขึ้นนั้นเป็นเพราะราคาตั๋วที่เพิ่มขึ้น ตัวเลขตั๋วที่ขายต่อหน่วยจึงน้อยลงกว่าปีที่แล้ว สำหรับแชมป์ซัมเมอร์ตกเป็นของ ไอ้แมงมุม ภาพยนตร์ที่สร้างจากการ์ตูนยอดฮิต

ในวันแรงงานของปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือเป็นการสิ้นสุดของเวลาฤดูร้อนอย่างเป็นทางการของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ก่อนจะเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงต่อไป ปรากฏว่าตัวเลขของรายได้นั้นสูงถึง 3.15 พันล้านดอลลาร์ ผ่านสถิติเดิมที่ทำเอาไว้เมื่อซัมเมอร์ที่แล้วนั่นคือ 3.06 พันล้าน

แม้ว่าตัวเลขจะดูดีแต่บรรดาแหล่งข่าวจากสตูดิโอต่างบอกว่าพวกตนไม่ได้รู้สึกว่าน่ายินดีอะไร เพราะตัวเลขของยอดขายตั๋วตกลงอย่างน่าเป็นห่วง ที่รายได้สูงขึ้นนั้น ก็เพราะว่ามีการปรับราคาตั๋วขึ้น

"ผมเชื่อว่าวัฒนธรรมการดูหนังของคนอเมริกันเปลี่ยน" ทอม เชร็ค โปรดิวเซอร์ภาพยนตร์เรื่อง XXX กล่าว "คนที่เข้ามาดูหนังกลับเป็นกลุ่มเด็กนักเรียน แถมความบันเทิงทางโฮมเธียเตอร์ก็เข้ามามีบทบาท ผมคิดว่าอุตสาหกรรมต้องปรับตัวกันขนานใหญ่หลังจากนี้"

สำหรับแชมป์ซัมเมอร์ก็เป็นไปตามคาดหมาย นั่นคือ Spider-Man ซึ่งฉายกันในสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทำเงินไปทั้งสิ้น 404 ล้านดอลลาร์ และเข้าสู่อันดับ 5 ของหนังทำเงินมากที่สุดตลอดกาลไปแล้ว

ตามมาอันดับสองได้แก่ Star Wars: Episode II Attack of the Clones ที่เข้าสู่หลัก 300 ล้านดอลลาร์ได้สำเร็จชนิดหืดขึ้นคอ อย่างไรก็ตามภาพยนตร์ของ จอร์จ ลูคัส เรื่องนี้ออกจะสร้างความผิดหวังให้ทีมงานผู้สร้าง เพราะแม้จะทำเงินได้ผ่าน 300 ล้าน แต่ทว่างบโปรโมตของภาพยนตร์ รวมไปถึงต้นทุนการผลิตนั้นสูงเหลือเกิน นอกจากนั้น ยังเป็นภาพยนตร์ในตระกูลสตาร์วอร์สเรื่องแรก ที่ไม่ได้เป็นแชมป์หนังทำเงินในช่วงซัมเมอร์ของปีนั้นอีกด้วย เพราะก่อนหน้านี้ทุกเรื่องออกมาเป็นแชมป์กันหมด

อันดับต่ำลงมาส่วนใหญ่จะเป็นภาพยนตร์ตลก และภาพยนตร์แอ็คชั่น ได้แก่ Austin Powers in Goldmember, Men in Black II, Scooby-Doo, Mr. Deeds และ XXX

กลุ่มถัดมาได้แก่ภาพยนตร์ที่ทำเงินมาแบบเรื่อยๆ ได้แก่ Signs, Minority Report, The Bourne Identity และ The Sum of All Fears

Road to Perdition ที่มี ทอม แฮงค์ส นำแสดง เป็นเรื่องเดียวที่ทำท่าว่าจะได้เข้าชิงรางวัลของสถาบันภาพยนตร์ เพิ่งจะผ่านหลัก 100 ล้านไปไม่นานนี้

เมื่อมีคนที่ประสบความสำเร็จ ก็ต้องมีคนที่ล้มเหลวอย่างหนักเช่นเดียวกัน รายงานข่าวบอกว่า เอ็ดดี้ เมอร์ฟี่ ดาวตลกผิวหมึกชื่อดัง คือ ที่หนึ่งของความล้มเหลวจากภาพยนตร์ตลกไซไฟ The Adventures of Pluto Nash ที่ใช้งบในการผลิตไปถึงระดับ 100 ล้านดอลลลาร์ แต่ทำเงินได้ไม่ถึง 20 ล้านดอลลาร์ อัล ปาชิโน่ ซึ่งไม่ค่อยมีภาพยนตร์ที่ล้มเหลว หลับสนิทกับ Insomnia อย่างไรก็ตาม อัล ทำท่าจะกู้ชื่อได้จาก Simone ภาพยนตร์ตลกเสียดสีที่เพิ่งฉายไปไม่นานนี้

อีกเรื่องที่ถือว่าน่าผิดหวังอย่างแรง นั่นคือ Stuart Little 2 ซึ่งทำเงินไปได้แค่ 60 ล้านดอลลาร์ ก่อนหน้านี้ผู้สร้างเชื่อว่าภาพยนตร์น่าจะทำเงินไปได้ไม่ต่ำกว่า 150 ล้านดอลลาร์ สำหรับภาคแรกที่ออกฉายในปี 1999 หนังทำเงินไปได้ 140 ล้านดอลลาร์

ชัค เวย์น หัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายของดิสนีย์กล่าวว่า ความล้มเหลวของเจ้าหนูผจญภัยภาคสอง รวมทั้ง The Country Bears ที่ดิสนีย์หมายมั่นปั้นมือว่าจะทำเงินนั้น เกิดขึ้นเพราะว่าภาพยนตร์ในช่วงซัมเมอร์เป็นภาพยนตร์ครอบครัวเยอะมาก คนดูมีทางเลือกอย่างมหาศาลที่จะดู เพราะฉะนั้นอาจจะเป็นไปได้ว่า แนวโน้มของการสร้างภาพยนตร์แนวครอบครัวแบบนี้อาจจะลดลงก็ได้ อย่างไรก็ตาม ดิสนีย์ ยังได้ Lilo & Stitch มาช่วยชีวิตไว้

ที่น่าประหลาดใจที่สุดของปี คือ My Big Fat Greek Wedding ภาพยนตร์อินดี้เล็กๆ ว่าด้วยเรื่องของความยุ่งยากของสาวชาวอเมริกันเชื้อสายกรีซที่กำลังจะแต่งงาน ภาพยนตร์ใช้ทุนเพียงแค่ 5 ล้านดอลลาร์ เริ่มฉายตั้งแต่เดือนเมษายน และไต่ขึ้นมาเรื่อยๆ ในชาร์ต 5 เดือนหลังจากนั้นหนังขึ้นมาอยู่ในอันดับ 2 อย่างเหลือเชื่อ แถมยังทำท่าว่าจะทะลุหลัก 100 ล้านดอลลาร์ไปอย่างแน่นอนแล้ว

สำหรับสตูดิโอที่เป็นแชมป์ซัมเมอร์นี้ตกเป็นของ โซนี่ พิคเจอร์ อย่างง่ายดายด้วยรายได้มากกว่า 1.32 พันล้านดอลลาร์ ปีนี้โซนี่ชกจนคู่แข่งกระจาย ด้วยภาพยนตร์ฮิตอย่าง Spider-Man ตามมาด้วย Men in Black II, XXX และ Mr. Deeds

เท่านั้นยังไม่พอผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้ทำนายว่า พวกเขามีสิทธิ์จะเก็บเงินได้ถึง 1.6 พันล้านดอลลาร์จากภาพยนตร์เต็งที่เตรียมพาเหรดกันเข้าฉายไล่ตั้งแต่ I Spy ที่ เอ็ดดี้ เมอร์ฟี่ นำแสดง Maid in Manhattan ของ เจ.โล Punch-Drunk Love ภาพยนตร์ตลกที่นำโดย อดัม แซนด์เลอร์ รวมถึงการ์ตูนอนิเมชั่นอย่าง Adam Sandler's 8 Crazy Nights