BNK48: Girls Don't Cry ตามติดชีวิตบนเส้นทางศิลปิน
ภาพยนตร์สารคดี "BNK48: Girls Don't Cry" ที่บอกเล่าเรื่องราวกว่าจะมาเป็นวง "บีเอ็นเค 48" (BNK48) รุ่นแรก ของเด็กผู้หญิงที่มีความฝันเดียวกันบนเส้นทางการเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงและโด่งดัง เข้าฉายเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2561 ผลงานการกำกับของ "เต๋อ - นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์" ผู้กำกับภาพยนตร์รุ่นใหม่ไฟแรงที่เคยกำกับภาพยนตร์อย่าง "36" "Mary Is Happy, Mary Is Happy." และ "ฟรีแลนซ์ ห้ามป่วย..ห้ามพัก..ห้ามรักหมอ" โดย เต๋อ เล่าที่มาของการทำงานในครั้งนี้ว่า "ก็จริงๆ ทางบีเอ็นเคกับแซลมอนเฮ้าส์ เขาชวนมาทำครับ แล้วผมก็มีความสนใจอยู่แล้ว เรารู้สึกว่ามากกว่าการเป็นบีเอ็นเคคือการเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่เจอเหตุการณ์มากมาย ที่บางทีผู้ใหญ่อย่างเราหรือเด็กโตอย่างเราก็อาจจะยังไม่เคยเจอด้วยซ้ำ ก็เลยอยากทำครับ"
ผู้กำกับ เต๋อ เคยมีโครงเรื่องมาก่อน แต่พอเจอสมาชิกแต่ละคนก็ค่อยๆ พัฒนาเรื่องขึ้นมาใหม่ "มันเคยมีครับ พอมาเจอก็เริ่มไม่ค่อยมีแล้ว เพราะว่าแต่ละคนก็มีสตอรีของตัวเองที่เราไม่เคยรู้มาก่อน แม้ว่าเขาจะให้สัมภาษณ์สื่อมากมาย แต่ว่าพอเราอยู่กับเขา เราก็เจอเรื่องหรือว่าเจอความคิด ได้คุยกันมากขึ้น เราก็เลยแบบ โอเค งั้นตามเขาไปเลยดีกว่า ก็เหมือนกับค่อยๆ คิดโครงสร้างต่างๆ จากการที่อยู่กับน้องๆ ประมาณ 4-5 เดือน จริงๆ มันไม่ยาวหรอกครับ แต่ว่าผมก็คิดว่าคอนเซปต์ของหนังมันน่าจะเป็นเรื่องการที่น้องๆ มองย้อนกลับไปมากกว่าว่า 1 ปีที่ผ่านมามันเป็นยังไง เพราะจริงๆ ตอนแรกมันเหมือนจะเป็นหนังที่ไว้ฉลองครบรอบ 1 ปีที่พวกเขาเปิดตัว เราก็เลยคิดจากตรงนั้นด้วยว่าก็ดีเหมือนกัน เพราะว่าถ้าน้องๆ ได้มองกลับไปมันเหมือนได้ทบทวนชีวิต ได้วิเคราะห์บางอย่าง สถานการณ์บางอย่างที่เขาเคยเจอครับ"
3 สาว "เฌอปราง อารีย์กุล" "เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ" และ "ปัญ - ปัญสิกรณ์ ติยะกร" เป็นตัวแทนสมาชิกวงให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับภาพยนตร์ โดย เฌอปราง กล่าวว่าภาพยนตร์จะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับผู้กำกับ "ต้องบอกว่าเราพูดไปหมดแล้ว ขึ้นอยู่กับพี่เต๋อแล้วว่าจะเป็นยังไงค่ะ เพราะฉะนั้นก็ลุ้นเหมือนกันว่าพี่เต๋อจะถ่ายทอดเรื่องราวของพวกเราออกมายังไง" ด้าน ปัญ บอกว่าในภาพยนตร์จะได้เห็นเบื้องหลังของพวกเธอภายใต้รอยยิ้มบนเวที "เวลาพวกเราร้องเพลงใช่ไหมคะ พวกเราก็คือยิ้มออกมาใช่ไหมคะ แต่ว่าจริงๆ แล้ว ลึกๆ มันอาจจะมีอะไรซ่อนอยู่ค่ะ แล้วก็เหมือนเรื่องราวก่อนที่จะขึ้นเวที เรื่องราวก่อนที่เราจะได้มาเป็นเซ็มบัตสึ เรื่องราวก่อนซ้อม เรื่องราวทุกอย่างมันจะถูกฉายในหนังเรื่องนี้ค่ะ" เจนนิษฐ์ พูดถึงสิ่งที่ผู้ชมจะได้รับจากภาพยนตร์ "นอกจากจะเห็นด้านที่ไม่ค่อยได้ออกสู่สื่อหรือว่าบนเวที เราเล่าเรื่องที่เราอยากจะเล่าที่เราไม่สามารถบอกผู้คนโดยตรงได้ผ่านภาพยนตร์เรื่องนี้ค่ะ ก็คิดว่าทุกคนน่าจะได้รับรู้อะไรหลายๆ อย่างค่ะ"
ฟากผู้กำกับเอ่ยสิ่งที่จะได้รับจากการชมภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "จริงๆ ผมว่ามันแล้วแต่เลยครับว่าใครเข้าไปดู สมมติแฟนๆ เข้าไปดูก็จะได้อันหนึ่ง คนไม่ใช่แฟนก็ได้อันหนึ่ง คนที่ไม่ใช่แฟนแต่โตแล้วก็จะได้อันหนึ่ง อันนี้ผมพูดจากเป็นคนที่โตแล้ว จริงๆ ผมน่าจะอินน้อย แต่หลายๆ อย่างที่น้องพูด มันใช้กับผมได้นะฮะ บางเรื่องเราก็ไม่ทันคิดมาก่อน แต่มาจากปากของเด็กๆ ก็ตรงไปตรงมา แล้วก็ทำให้เราคิดได้ ผมเลยรู้สึกว่าหนังตอนนี้มันก็ดูเป็นหนังของเมมเบอร์หรือเป็นหนังของแฟนๆ แต่จริงๆ เราพยายามที่จะบอกว่าจริงๆ ใครก็มาดูได้ แล้วก็ทุกคนน่าจะได้อะไรกลับไปสักอย่างหนึ่งจากเมมเบอร์คนไหนสักคน พาร์ตไหนสักพาร์ตของหนังครับ ผมคิดว่าหนังเรื่องนี้แฟนๆ มาดูอยู่แล้ว แต่ว่าที่อยากชวนจริงๆ คือคนที่ไม่ใช่แฟน คนทั่วไปที่แบบเราจะดูรู้เรื่องไหม เราไม่เคยฟัง ไม่เคยรู้จัก เราจะดูได้ไหม ผมก็รู้สึกว่าจริงๆ มันดูได้ คิดว่าเป็นหนังวัยรุ่นเรื่องหนึ่งฮะ บางทีเราโตแล้วเราก็ไปดูหนังวัยรุ่นที่สนุก ที่มีอะไรให้คิดได้เหมือนกัน ก็อยากฝากให้มาดูกันครับ"