1. สยามโซน
  2. ภาพยนตร์
  3. ข่าววงการภาพยนตร์

ได้เวลาลดน้ำหนักขยับต่อมฮากับ โอเวอร์ไซส์ ทลายพุง

ได้เวลาลดน้ำหนักขยับต่อมฮากับ โอเวอร์ไซส์ ทลายพุง

ค่ายภาพยนตร์น้องใหม่ ทีโมเมนต์ เตรียมส่งภาพยนตร์เรื่องแรก "โอเวอร์ไซส์ ทลายพุง" เป็นเรื่องราวของตำรวจหุ่นอวบอั๋นทั้ง 4 ที่ต้องมาผจญกับภารกิจลดน้ำหนักและสืบคดีไปพร้อมกัน ซึ่งดึงเอานักแสดงมือใหม่มาร่วมสร้างเสียงหัวเราะ ได้แก่ "ตงตง - ศรัณย์ ชินสุวพลา" "โอ๊ต - ปราโมทย์ ปาทาน" "ฟลุค - ศุภชัย ทรัพย์ประเสริฐ" และ "เอ็ดดี้เฮง - สมยศ มาตุเรศ" รวมถึงคว้านักร้องสาวหน้าสวย "เชอรีน - ณัฐจารี หรเวชกุล" มาชิมลางสายภาพยนตร์เป็นครั้งแรก โดยได้จัดงานแถลงข่าวเปิดตัว เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2560 ณ โรงภาพยนตร์ เอสเอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ งานนี้ โปรดิวเซอร์ "โด้ - อมรเทพ สุขมานนท์" และ 2 ผู้กำกับ "ตี๋ - ภูวนิตย์ ผลดี" "โอ๊ต - ชานน ยิ่งยง" ต่างร่วมพูดคุยถึงภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างสนุกสนาน นอกจากนี้ยังมีการแสดงเพลงประกอบภาพยนตร์ "กำมือ" จากวง "ดับเบิ้ลแทบ" (Doubletap) โดยมีเหล่านักแสดงมาร่วมสร้างสีสันในเพลง

ที่มาที่ไปของภาพยนตร์เรื่องนี้ โปรดิวเซอร์เผยว่า "ไอเดียเรื่องนี้อย่างที่ทราบกันว่าจริงๆ แล้วมาจากคุณวิสูตร (วิสูตร พูลวรลักษณ์) ไปเห็นข่าวที่เกี่ยวกับว่าตำรวจสน.หนึ่งถูกสั่งให้ไปลดน้ำหนักภายในเวลาที่กำหนด คุณวิสูตรก็เลยให้มาเป็นโจทย์ทางผม ทีนี้ที่บริษัทมีตี๋เป็นทีมเขียนบทของบริษัท ด้วยความอินหรืออะไรของเขาก็ไม่ทราบ ตี๋เนี่ยดูจะอินที่สุด ผมเอาไอเดียนี้ไปให้คนอื่นลองเดเวลอปจนวันหนึ่งมันก็ถูกส่งกลับมาก็ยังไม่พอใจ ตี๋ก็เลยมากระซิบขอเขียนเอง ผมก็ปล่อยเขาไป พอมาเดือนหนึ่งเสร็จปุ๊บเขาก็ทำเสร็จเป็นทรีตเมนต์ร่างแรก ทรีตเมนต์ตัวนี้ผมโอเค ส่งให้คุณวิสูตรก็โอเค หนังเรื่องนี้จริงๆ แล้วคือด้วยความที่สตอรีของมันเป็นตำรวจต่างจังหวัด เราตั้งใจที่จะไม่ทำเป็นตำรวจเมืองกรุง ไม่อยากให้ตำรวจมาดูเท่ มันเหมือนจะดูเป็นหนังฝรั่งเกินไป เราอยากได้ตำรวจภาพที่เราคุ้นเคยก็เลยตั้งโจทย์ไว้ตั้งแต่แรกเลยว่าเป็นตำรวจต่างจังหวัดดีกว่า ทีนี้ด้วยความที่ตัวเนื้อเรื่องค่อนข้างที่จะมีความบ้านๆ คุณวิสูตรมองว่าเรื่องนี้ผู้กำกับควรจะมีสไตล์ที่เป็นคนรุ่นใหม่ เพื่อที่ว่ามันจะได้มาถ่วงความบ้านๆ ของเนื้อหากับวิชวลหรือว่าสไตล์การเล่าเรื่องที่มันค่อนข้างที่จะเป็นคนรุ่นใหม่"

เมื่อถามถึงฉากที่ถ่ายทำยากที่สุด ตี๋ เอ่ยว่ามีฉากที่ยากหลายฉากเลยทีเดียว "มันก็มีเยอะครับ ตอนเขียนก็ไม่รู้ไงว่าจะทำเองก็เลยเขียนทุกอย่างเลย เอาให้มันสนุกที่สุด" โอ๊ต แง้มเหตุผลที่เลือก เชอรีน มาเป็นนางเอกของเรื่องว่า "เพราะว่าคาแรกเตอร์ครับ แล้วก็เรื่องความสามารถของตัวละคร รู้จักกันอยู่แล้วที่มหาลัย แล้วก็เรื่องเต้นด้วยนะ เรื่องความเอ็นเตอร์เทนเนอร์ น้องดูเป็นสปอร์ตเกิร์ลด้วย แล้วก็เลยลองชวนน้องมาดู" การมารับบทนางเอกภาพยนตร์เป็นเรื่องแรก เชอรีน เล่าว่าได้เจอการทดสอบหลายด่านอยู่เหมือนกัน "เรื่องแรกเลยค่ะ เรามาทางละครทางซีรีส์ ระหว่างที่เราไม่ได้เล่นหนัง เราก็รอโอกาสค่ะ แล้วพี่ๆ ทางนี้ก็เป็นคนให้โอกาสเรา มีการแคสต์หลายรอบค่ะ ได้เข้าคู่กับพี่ๆ เขาด้วย ก็มีทั้งแคสต์เดี่ยว แคสต์ลองเล่นกับพี่ที่เป็นผู้ช่วย แล้วก็แคสต์กับพี่ที่เป็นนักแสดงจริงๆ"

ทางด้านตำรวจหนุ่มทั้ง 4 คนเผยถึงบทบาทที่ได้รับ โดย ตงตง กล่าวว่า "จ่าแคนก็แคนดูนะ คือเป็นคนที่จริงจังค่อนข้างซีเรียสกับชีวิต แล้วก็ใน 4 คน เป็นผู้เป็นคนที่สุด ก็เป็นคนที่คอยตบให้เข้ารูปเข้ารอย เฮ้ย ตั้งใจทำงานสิ ตั้งใจลดน้ำหนักสิ" เอ็ดดี้เฮง กล่าวถึงตัวละครในเรื่องว่า "จ่าปลื้มครับผม ในบทก็จะเป็นคนนิ่งๆ ครับผม เป็นคนนิ่งเฉย แต่ว่าในหัวคิดทุกอย่าง เป็นคนรู้เยอะพูดน้อย คิดตลอดเวลา" ส่วน โอ๊ต บอกว่าบทบาทในเรื่องเหมือนกับบุคลิกตัวเอง "จ่าหยอยครับ คาแรกเตอร์ก็เหมือนบุคลิกเราเลยครับ เป็นตำรวจที่ปากหมาครับ แล้วก็พูดจาหยาบคายนะครับ แล้วก็เป็นคนที่อารมณ์ร้อน แล้วก็จะเป็นเหมือนหัวโจกของกลุ่ม คือจะเป็นคนที่คอยสร้างเรื่องสร้างราวตลอด บางทีเรื่องราวมันอาจจะไม่มีอะไรแต่มันอาจจะพลิกและทุกอย่างกลับตาลปัตร กลายเป็นทุกอย่างพังหมดเพราะเราก็ได้" ฟลุค เปรยว่าในเรื่องโดนแกล้งตลอด "ผมเป็นจ่าโอนะครับผม จ่าโอจะเป็นคนขี้กลัวแล้วก็เป็นหงอๆ หน่อย เป็นเหมือนเบื้องล่างของ 3 คนนี้ครับ โดนแกล้งโดนอะไร โดนตบหัว"

ภาพยนตร์อารมณ์ขันเรื่องนี้จะฮาขนาดไหน เอ็ดดี้เฮง บอกว่าแค่บทก็สนุกแล้ว "เอาจริงๆ คือเรายังไม่ได้เห็นหนัง แต่ว่าดูจากบทคือสนุกมากแล้วก็บรรยากาศในกองถ่าย แล้วก็บรรยากาศที่อยู่ด้วยกันคลุกคลีทุกวันมันสนุกจริงๆ นะครับ จึงถ่ายทอดออกมา" โอ๊ต เสริมว่านักแสดงนำทั้ง 4 คนสนิทกันจริงๆ เลยถ่ายทอดความสนุกออกมาจากข้างใน "คือว่าบรรยากาศในการถ่ายทำทั้งหมดอ่ะครับเราอยู่ด้วยกันประมาณ 3 เดือนเกือบ 4 เดือนครับ คือก่อนเปิดกล้องเราก็มีโอกาสได้ใช้ชีวิตด้วยกัน คือความสัมพันธ์มันพัฒนาครับ จากไม่รู้จักเป็นรู้จัก เป็นสนิท ทุกอย่างมันเกิดการพัฒนา คล้ายๆ หนังกับพวกเราเหมือนกัน เพราะว่าทุกวันนี้พวกเราก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกันจริงๆ เพราะว่าตอนที่เราเข้าฉากด้วยกันมันสนุกมากและเราคิดว่าเวลาเราทำงานแล้วสนุก หนังที่ออกมาหรือผลงานที่ออกมา คนดูจะต้องสัมผัสได้ว่ามันสนุกจริงๆ จากอินเนอร์ของพวกเรา"

สำหรับฉากที่ยากที่สุด ฟลุค อธิบายว่าเป็นฉากที่ต้องดึงอารมณ์ซึ้งออกมา "สำหรับผมคงเป็นฉากพวกซีนอารมณ์อ่ะครับ เพราะว่าเราอยู่เบื้องหลังเราไม่ต้องแสดงอารมณ์ อย่างแก๊งเราจะเป็นแก๊งที่แบบรักกันมาตั้งแต่ตอนสมัยเรียน แล้วคราวนี้มันต้องมีซีนหนึ่งที่ต้องแทนใจกัน มันก็เลยรู้สึกว่าซีนนั้นผมต้องร้องไห้ด้วย มันก็เลยยากมาก" ส่วนฉากที่ประทับใจที่สุด ตงตง เปิดใจว่าเป็นฉากที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทั้ง 4 คน "ผมว่าเป็นซีนของความสัมพันธ์ของ 4 อ้วน อย่างที่พี่โอ๊ตบอกคือมันมีการเดเวลอปความสัมพันธ์ทั้งในระหว่างนอกกองแล้วก็ชีวิตจริง ในหนังก็จะเห็นว่ามีความสนิทกันมากขึ้น มันเป็นความรู้สึกความสัมพันธ์จริงๆ ที่เราไม่ได้แสดงออกมาแค่สื่อออกมา"

ฟลุค ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นการนำคนรูปร่างใหญ่มาล้อเล่น "ในความคิดผมคนอาจจะคิดว่าหนังเรื่องนี้เอาคนอ้วนมาล้อเล่นไหม เอาสถาบันตำรวจมาล้อเล่นไหม ผมคิดว่าเรื่องนี้ถ้าคุณได้เข้ามาดู คุณจะมีความรู้สึกเปลี่ยนไปเลยครับว่าเราไม่ได้เอามาล้อเล่น หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่คนที่ดูเสร็จแล้วอาจจะมีความคิดว่าคนอ้วนน่ารัก สถาบันตำรวจจะดีขึ้นมาก เพราะว่าเรื่องนี้เราไม่ได้เอามาล้อเล่นจริงๆ" ตงตง กล่าวเชิญชวนให้มาสัมผัสความน่ารักจากคนหุ่นหมีไปด้วยกัน "ผมว่าทุกคนน่าจะมีเพื่อนที่อ้วนนะฮะ ทุกคนคงต้องมีเพื่อนอ้วนสักคนหนึ่ง แล้วมักจะเป็นคนที่พอเรารู้ว่าเขาจะมาปุ๊บเราจะอารมณ์ดี เราจะรู้สึกโดยไม่มีเหตุผลเลยอ่ะ จะยิ้มขึ้นมาเดี๋ยวมันมาแล้วเพื่อนอ้วนคนนี้ ผมว่าความอ้วนมันเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง มันไม่ใช่อุปสรรคใดๆ ทั้งสิ้น มันเป็นเสน่ห์เป็นความรู้สึกของคนอารมณ์ดีคนยิ้มแย้มแจ่มใสนะครับ ก็อยากจะให้ชักเชิญทุกคนที่มีเพื่อนอ้วนไปดูหนังเรื่องนี้กัน เพราะว่าความอ้วนมันเป็นความน่ารักนะครับ"

ติดตามความสนุกสนานของการลดน้ำหนักไปกับตำรวจหุ่นจ้ำม่ำทั้ง 4 ได้ในภาพยนตร์ โอเวอร์ไซส์ ทลายพุง กำหนดเข้าฉาย 23 มีนาคม 2560 เป็นต้นไปในโรงภาพยนตร์

สงวนลิขสิทธิ์ © ห้ามคัดลอก ตัดต่อ
ดัดแปลงหรือเผยแพร่ในสื่อใดๆ ก่อนได้รับอนุญาต
กดเพื่อดูรูปใหญ่ ปัดซ้าย-ขวาเพื่อดูรูปถัดไป
  • รูปภาพ 1
  • รูปภาพ 2
  • รูปภาพ 3
  • รูปภาพ 4
  • รูปภาพ 5
  • รูปภาพ 6
  • รูปภาพ 7
  • รูปภาพ 8
  • รูปภาพ 9
  • รูปภาพ 10
  • รูปภาพ 11
  • รูปภาพ 12
  • รูปภาพ 13
  • รูปภาพ 14
  • รูปภาพ 15
  • รูปภาพ 16
  • รูปภาพ 17
  • รูปภาพ 18
  • รูปภาพ 19
  • รูปภาพ 20
  • รูปภาพ 21
  • รูปภาพ 22
  • รูปภาพ 23
  • รูปภาพ 24
  • รูปภาพ 25
  • รูปภาพ 26
  • รูปภาพ 27
  • รูปภาพ 28
  • รูปภาพ 29
  • รูปภาพ 30
  • รูปภาพ 31
  • รูปภาพ 32
  • รูปภาพ 33
  • รูปภาพ 34
  • รูปภาพ 35
  • รูปภาพ 36
  • รูปภาพ 37
  • รูปภาพ 38
  • รูปภาพ 39
  • รูปภาพ 40
  • รูปภาพ 41
  • รูปภาพ 42
  • รูปภาพ 43
  • รูปภาพ 44
  • รูปภาพ 45
  • รูปภาพ 46
  • รูปภาพ 47
  • รูปภาพ 48
  • รูปภาพ 49
  • รูปภาพ 50
  • รูปภาพ 51
  • รูปภาพ 52
  • รูปภาพ 53
  • รูปภาพ 54
  • รูปภาพ 55
  • รูปภาพ 56
  • รูปภาพ 57
  • รูปภาพ 58
  • รูปภาพ 59
  • รูปภาพ 60

ความคิดเห็น

วันนี้ในอดีต

เกร็ดภาพยนตร์

  • Still Alice - ตอนที่ได้อ่าน Still Alice ฉบับหนังสือครั้งแรก ริชาร์ด แกลตเซอร์ และ วอช เวสต์มอร์แลนด์ ผู้กำกับทั้งสองคนรู้สึกว่าเรื่องราวของผู้หญิงที่ต้องเผชิญกับโรคสมองเสื่อมชนิดเกิดเร็วเป็นเรื่องที่ใกล้ตัว เพราะก่อนที่ทั้งคู่จะกำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ริชาร์ด ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือเอแอลเอส ที่เป็นสาเหตุให้พูดแล้วลิ้นพันกัน ซึ่งเป็นทำให้ทั้งสองคนต้องรับมือกับความเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลัน ทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ เหมือนตัวละคร อลิซ ที่แสดงโดย จูเลียนน์ มัวร์ อ่านต่อ»
  • Song One - สก็อตต์ อาเวตต์ จากวง ดิ อาเวตต์ บราเธอร์ส เคยมาทดสอบบท เจมส์ โดย สก็อตต์ เล่าว่า เขาอ่านบทกับ แอนน์ แฮตธาเวย์ ผู้รับบท แฟรนนี ในฉากสะเทือนอารมณ์ และ แอนน์ เริ่มน้ำตาคลอ ตอนนั้นผมรู้สึกว่า โอ้ พระเจ้า เธอทำอย่างนั้นได้อย่างไร และมันก็ชัดเจนเลยว่านี่ไม่ใช่ที่ของผม ซึ่งภายหลังบท เจมส์ นี้ก็ตกเป็นของ จอห์นนี ฟลินน์ อ่านต่อ»
เกร็ดจากภาพยนตร์สามารถดูได้ในหน้าข้อมูลภาพยนตร์แต่ละเรื่อง

เปิดกรุภาพยนตร์

ในอดีตการถ่ายภาพคือวาระพิเศษของชีวิต และหลายครั้งมันถูกใช้เพื่อบันทึกภาพสุดท้ายของใครบางคนด้วยหวังว่าจะเก็บภาพนั้นไว้นอ...อ่านต่อ»