เรเน บอกเหตุผลเก็บตัวเงียบก่อนหวนคืน Bridget Jones
"เรเน เซลเวเกอร์" (Renee Zellweger) นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์เคยผลงานชุกถึงขนาดปี 2009 เธอมีภาพยนตร์เข้าฉายถึง 4 เรื่อง แต่แล้วอยู่ๆ เมื่อปี 2010 เธอก็ทิ้งให้ "My Own Love Song" เป็นผลงานเรื่องสุดท้าย ก่อนหันหลังให้วงการฮอลลีวูดนานถึง 6 ปี ดังนั้นการกลับมาโลกแล่นบนจอเงินอีกครั้งของตัวละคร บริดเจ็ท โจนส์ ใน "Bridget Jones's Baby" ภาพยนตร์ภาคต่อของ "Bridget Jones's Diary" และ "Bridget Jones: The Edge of Reason" จึงไม่ได้เป็นการกลับมาของตัวละครที่เป็นที่รักเท่านั้น แต่ยังนับเป็นการหวนคืนวงการภาพยนตร์ของ เรเน นักแสดงเจ้าของบท บริดเจ็ท เองด้วย
เรเน บอกเหตุผลที่เก็บตัวเงียบพักงานยาวถึง 6 ปีว่า "ฉันอยากจะทำอะไรบางอย่างที่ไม่เกี่ยวกับการศึกษาตัวละครค่ะ ฉันอยากจะเรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่อยู่นอกเหนือจากที่คุณจะเรียนรู้ได้จากการทำภาพยนตร์ในฮอลลีวูด และฉันยังโหยหาความเป็นปกติธรรมดาอยู่นิดหน่อยด้วยค่ะ ฉันอยากจะเรียนรู้อะไรใหม่ๆ และเติบโตในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง และอยากคอยดูว่าฉันมีความสามารถเพียงพอต่อสิ่งที่ฉันสนใจได้หรือเปล่า และหากฉันไม่ได้ทำตอนนี้ ก็จะกลายเป็นว่า โอ้ ขออีกสองปีละกัน หรือสามปีก็ได้ สุดท้ายก็กลายเป็นอีกสิบปีละกันนะ และในที่สุดคุณก็ไม่ได้ทำ และฉันไม่อยากให้สิ่งนี้เกิดขึ้นค่ะ"
อันที่จริง เรเน มีแผนพักงานแสดงหลังจากภาพยนตร์เพลงเรื่อง "Chicago" เมื่อปี 2002 แต่ยังคงรับงานเรื่อยๆ เพราะไม่อยากเสียโอกาสแสดงบทบาทที่น่าสนใจไป เรเน เล่าว่า "ฉันเคยวางแผนจะพักงานหลังเสร็จ Chicago แต่กลับมีประสบการณ์ชีวิตที่จะผ่านมาเพียงครั้งเดียววางอยู่ตรงหน้าซึ่งฉันไม่อยากพลาดค่ะ กระทั่งฉันเรียนรู้ว่าคุณจะทำอย่างนั้นตลอดไปไม่ได้ ดังนั้นฉันจึงเลือกที่จะรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากฉันปล่อยโอกาสที่จะผ่านมาครั้งเดียวในชีวิตหลุดลอยไป และนิ่งรอดูว่าฉันจะทำอะไรได้บ้างค่ะ" ระหว่างที่นักแสดงวัย 47 ปีพักงาน เธอก็ได้เดินทางไปที่ต่างๆ ทั่วโลก ทั้งประเทศไทย กัมพูชา และไลบีเรีย ซึ่งเป็นผลพวงจากการทำงานการกุศลเกี่ยวกับการเท่าเทียมกันทางเพศ เธอเผยต่อว่า "ฉันคิดว่าการเดินทางไปบนเส้นทางที่ไม่เรียบง่ายเป็นเรื่องที่ดีสำหรับคนเราค่ะ เพราะนอกจากจะทำให้เข้าใจส่วนอื่นๆ ในโลกใบนี้แล้ว ยังทำให้เราเข้าใจตัวเองด้วยค่ะ"
แม้นักแสดงผมทองจะพอใจชีวิตช่วงพักงาน แต่เธอยอมรับว่ามีส่วนหนึ่งในตัวที่อยากจะกลับคืนจอเงินอีกครั้ง "มันเป็นสิ่งที่ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นค่ะ ฉันแค่เริ่มมองไปรอบๆ อ่านบางอย่าง ฉันก็แค่เริ่มสงสัยและคิดถึงมันค่ะ" และบทบาทที่ฉลองการกลับมาของ เรเน คือบท บริดเจ็ท โจนส์ สาวขี้เหงาที่ร้างราจอเงินมา 12 ปี นับจากภาพยนตร์ภาค 2 Bridget Jones: The Edge of Reason ซึ่งถือเป็นการกลับมาที่ดีเพราะเธอก็รักบทบาทนี้ไม่น้อย "ฉันดีใจค่ะที่ได้กลับมาค่ะ แถมได้กลับมาเป็น บริดเจ็ท ในฐานะนักแสดงคนหนึ่ง นี่เป็นเหมือนฝันที่เป็นจริงเลยค่ะ เหมือนคุณปรับเปลี่ยนอารมณ์มนุษย์ไปทุกครั้งที่แสดงเรื่องราวที่ต่างกัน เธอยังเป็นตัวละครที่สมจริงและฉันก็สนุกที่ได้แสดงเป็นเธอมากด้วยค่ะ"
เรเน รับบท บริดเจ็ท ครั้งแรกในภาพยนตร์ Bridget Jones's Diary เมื่อปี 2001 และกลับมารับบทนี้อีกครั้งเมื่อปี 2004 ใน Bridget Jones: The Edge of Reason โดยภาพยนตร์ภาค 3 อย่าง Bridget Jones's Baby มีกำหนดเข้าฉายในประเทศไทยวันที่ 22 กันยายน 2016 ผู้ชมจะได้เห็นสาว บริดเจ็ท คนเดิมในวัย 40 ปีกว่า ผู้ยึดอาชีพผู้อำนวยการสร้างรายการข่าวโทรทัศน์ชั้นนำ และลดน้ำหนักได้ตามที่หวัง ทว่าก็ยังมองหาความรักเช่นเดิม แม้นักแสดงชาวอังกฤษอย่าง "ฮิวจ์ แกรนต์" (Hugh Grant) จะไม่ได้กลับมาสวมบท แดเนียล แต่เรื่องราวของ บริดเจ็ท ก็ยังวุ่นวาย คราวนี้เธอเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นคุณพ่อของเด็ก ระหว่าง มาร์ก อดีตสามีที่แสดงโดย "โคลิน เฟิร์ธ" (Colin Firth) กับแฟนใหม่อย่าง แจ็ค ที่รับบทโดย "แพทริก เดมพ์ซีย์" (Patrick Dempsey) ภาพยนตร์กำกับโดย "ชารอน แมกไกวร์" (Sharon Maguire) เจ้าเก่าที่เคยฝากผลงานการกำกับไว้ในภาพยนตร์ภาคแรกที่แจ้งเกิดตัวละคร บริดเจ็ท อย่าง Bridget Jones's Diary