แอนดี ผลักดัน Jungle Book ฉบับใหม่ให้น่ากลัวขึ้น
"The Jungle Book" หนังสือวรรณกรรมอมตะของนักเขียนชาวอังกฤษ "รัดยาร์ด คิปลิง" (Rudyard Kipling) เป็นสมบัติสาธารณะ เปิดให้ค่ายภาพยนตร์ค่ายใดนำหนังสือไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ได้ สองค่ายยักษ์ใหญ่ในวงการฮอลลีวูดอย่าง วอลท์ ดิสนีย์ และ วอร์เนอร์ บราเธอร์ส จึงจับเอาเรื่องราวของเมาคลีลูกหมาป่ามาสร้างเป็นภาพยนตร์ในเวลาไล่เลี่ยกัน โดย "The Jungle Book" ของฝั่ง วอลท์ ดิสนีย์ ที่ถูกจัดเป็นเรตพีจี กำกับโดย "จอน เฟฟโรว์" (Jon Favreau) ได้อวดโฉมบนจอเงินไปเรียบร้อยแล้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมา และได้รับเสียงตอบรับในด้านบวกอย่างล้นหลาม ขณะที่ "Jungle Book" ของฝั่ง วอร์เนอร์ บราเธอร์ส รอเข้าฉายปี 2018
Jungle Book ของ วอร์เนอร์ บราเธอร์ส มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างระหว่างกระบวนการสร้าง เริ่มแรกเลื่อนวันฉายในประเทศสหรัฐอเมริกาไปถึงหนึ่งปี จากวันที่ 6 ตุลาคม 2017 เป็นวันที่ 19 ตุลาคม 2018 จากนั้นก็เปลี่ยนชื่อเรื่องจากเดิม "Jungle Book: Origins" เป็น Jungle Book เฉยๆ แถมทางค่ายยังดึงตัวผู้กำกับรางวัลออสการ์อย่าง "อัลฟองโซ คัวรอน" (Alfonso Cuaron) มาให้คำปรึกษา โดย Jungle Book ถ่ายทำด้วยเทคนิคการจับความเคลื่อนไหวของนักแสดงก่อนนำไปสร้างภาพที่ต้องการในคอมพิวเตอร์หรือที่เรียกกันอย่างคุ้นหูว่า เทคนิคโมชันแคปเจอร์ โดยภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นผลงานกำกับของ "แอนดี เซอร์คิส" (Andy Serkis) นักแสดงที่ผู้ชมรู้จักกันดีจากบท กอลลัม ในภาพยนตร์ชุด "The Lord of the Rings" และบท ซีซาร์ จากภาพยนตร์ชุด "Planet of the Apes" ซึ่งนอกจาก แอนดี จะนั่งแท่นผู้กำกับแล้ว เขายังร่วมแสดงในบท หมีบาลู อีกด้วย
เมื่อเป็นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากแหล่งเดียวกันแต่กลับเข้าฉายทีหลัง ทำให้หลายฝ่ายสงสัยว่าจะคาดหวังสิ่งใหม่แบบใดได้จาก Jungle Book เรื่องนี้ แอนดี ขอไขข้อข้องใจว่า "ภาพยนตร์ของเราค่อนข้างจะเป็นภาพยนตร์สำหรับผู้ชมที่อายุมากขึ้นมาหน่อยครับ เป็นภาพยนตร์เรตพีจี-13 (ไม่เหมาะกับเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี) ประเภทเดียวกับเรื่อง Apes (Planet of the Apes) เนื้อเรื่องค่อนข้างมืดมน ใกล้เคียงกับฉบับของ รัดยาร์ด คิปลิง มากหน่อยครับ" นักแสดงและผู้กำกับชาวอังกฤษยังแสดงความเห็นด้วยว่าปัจจุบันนี้ผู้คนต่างระมัดระวังการเล่าเรื่องสำหรับเด็กมากเกินไป เขาให้ความเห็นว่า "เป็นเรื่องดีนะครับถ้าเราจะทำให้เด็กที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยรู้สึกหวาดกลัวบ้าง เพราะว่านั่นเป็นส่วนสำคัญของพัฒนาการครับ และเราก็ชอบที่จะถูกทำให้กลัวตอนเป็นเด็กๆ ดังนั้นเราจึงไม่ควรปกป้องพวกเขามากเกินไปครับ"
แอนดี เสริมถึงเรื่องราวในภาพยนตร์อีกว่า "เด็กเป็นสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนครับ และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำไม Jungle Book ของเราถึงค่อนข้างหม่น มันเป็นเรื่องราวของคนนอก ของคนที่พยายามยอมรับกฎและแบบแผนของการใช้ชีวิต จากนั้นยังต้องปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมอื่นอีก วัฒนธรรมของมนุษย์ และแน่นอนว่าเขาต้องปรับตัวให้ได้ เพราะว่านั่นคือสิ่งที่เขาเป็น เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จะเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์สองเผ่าที่แตกต่าง กฎระเบียบที่แตกต่าง และขนบธรรมเนียมที่แตกต่าง และไม่มีใครถูกต้องไปเสียหมดครับ"
นอกจาก แอนดี ที่เป็นนักแสดงซึ่งคร่ำหวอดเกี่ยวกับเทคนิคการจับการเคลื่อนไหวมานานแล้ว Jungle Book ยังได้นักแสดงระดับแนวหน้าของวงการมาร่วมแสดงเป็นเหล่าสิงสาราสัตว์อีกมากมาย อาทิ "คริสเตียน เบล" (Christian Bale) ที่จะมาแสดงบท บากีรา เสือดำผู้น่าเกรงขาม "เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์" (Benedict Cumberbatch) ในบท แชร์คาน เสือโคร่งตัวร้าย "เคต บลันเชตต์" (Cate Blanchett) สวมบทงูสาว คา "ปีเตอร์ มัลแลน" (Peter Mullan) แสดงเป็น อาคีลา จ่าฝูงหมาป่า "นาโอมิ แฮร์ริส" (Naomie Harris) กับบทหมาป่าสาว นิชา และ "เอ็ดดี มาร์ซาน" (Eddie Marsan) แสดงบท วิฮาน หมาป่าตัวผู้คู่ของ นิชา ส่วนบทตัวเอกอย่าง เมาคลี นั้นสวมบทโดย "โรฮาน ชานด์" (Rohan Chand)