แตงโม พบรักแท้ดั่งฟ้าลิขิต เข้าพิธีสมรสหวานชื่น
พิธีกรและนักจัดรายการวิทยุ "แตงโม - พงษ์พิสุทธิ์ ผิวอ่อน" ลูกชายของอดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย "ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน" ควงพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินคนสวย "เฟิร์น - เกวรินทร์ จิตตั้งตรง" เข้าพิธีวิวาห์ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2559 ณ คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ โดยมีการแห่ขันหมาก ฝ่าด่านประตูเงินประตูทองจากเพื่อนเจ้าสาว พร้อมมอบสินสอดทองหมั้น แลกแหวน และเข้าสู่พิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ตามประเพณีไทยในช่วงเช้า ก่อนที่จะจัดงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสต่อในช่วงเย็น ท่ามกลางบรรยากาศจำลองเทือกเขาทิตลิส ที่เจ้าบ่าวใช้เป็นสถานที่คุกเข่าขอแฟนสาวแต่งงานเมื่อปลายปีที่แล้ว โดยมีรูปภาพของทั้งสองคน และมิตรสหายประดับประดาอยู่ตลอดสองฝั่งทางเข้างาน
งานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสพรั่งพร้อมด้วยญาติพี่น้องและเพื่อนคนดังมากมายที่มาร่วมแสดงความยินดีด้วยชุดสีชมพู หรือเทาตามรูปแบบของงาน อาทิ "โก๊ะตี๋ อารามบอย" หรือ "เจริญพร อ่อนละม้าย" "ดาว - ณัฐภัสสร สิมะเสถียร" "จ๊อบ - นิธิ สมุทรโคจร" "เป๊ะ - กนิษฐ์ สารสิน" "ตั๊ก - บริบูรณ์ จันทร์เรือง" "ต้น - ตระการ พันธุมเลิศรุจี" "เวฟ - สาริน บางยี่ขัน" โดยมีสาวอารมณ์ดีอย่าง "ดาด้า - วรินดา ดำรงผล" และหนุ่ม "เชาเชา - ชวลิต ศรีมั่นคงธรรม" มารับหน้าที่เป็นพิธีกร ซึ่งแขกที่มาร่วมงานจะได้รับของชำร่วยเป็นสมุดจดสีชมพูพิมพ์ลายแตงโมและใบเฟิร์น ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของคู่บ่าวสาว โดยก่อนที่งานเลี้ยงฉลองจะเริ่มขึ้น ทั้ง แตงโม และ เฟิร์น ก็พากันมาบอกเล่าเรื่องราวความรักที่ผ่านมาของทั้งสองคนอย่างหวานชื่น
บรรยากาศช่วงเช้าเป็นอย่างไรบ้าง
เฟิร์น "ก็เป็นบรรยากาศครอบครัวจริงๆ นะคะ 2 ครอบครัวแล้วก็ญาติสนิทมาร่วมอวยพรกันค่ะ ก็รู้สึกว่าอบอุ่น แล้วก็รู้สึกว่าตอนนี้ 2 ครอบครัวก็คือกลายเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว"
แตงโม "ก็มีแห่ขันหมากด้วยฮะ ก็สนุกสนานดีครับ เขาเรียกว่ากั้นประตูเงินประตูทองใช่ไหมฮะ ก็สนุกสนาน ไม่เคยเหมือนกันนะฮะ ส่วนมากก็จะไปงานเย็น ไปงานเพื่อนครับ แต่ว่าตอนเช้าพอได้เข้ามาเจอกับตัวเองจริงๆ รู้สึกว่าบรรยากาศค่อนข้างที่จะดีมากนะครับ แล้วก็เพื่อนเจ้าสาว ญาติเจ้าสาวก็จะมีมุก กว่าจะผ่านไปได้นี่ โอ้โห โดนแกล้ง มีกระโดดตบ มีวิดพื้นอะไรต่างๆ นานานะฮะ ก็สนุกดีครับ"
มีการจดทะเบียนสมรสกันตั้งแต่ช่วงเช้าเลยหรือเปล่า
เฟิร์น "เรื่องจดทะเบียนสมรส ยังค่ะ เดี๋ยวรอหลังจากนี้ก่อน เพราะว่าวันนี้ค่อนข้างเวลาน้อยค่ะ"
แตงโม "ก็คงมีแน่นอนครับ แต่ว่าก็เดี๋ยวคงหาเวลาที่สะดวกทั้งคู่ แล้วก็มีการจดทะเบียนครับ"
สินสอดทองหมั้น
แตงโม "จริงๆ แล้วก็ไม่ได้มากมายอะไรนะฮะ แต่ว่าเอาพอสมควรนะครับ ก็มีทอง มีเงิน มีแหวนให้ แหวนนี่อาจจะกะรัตเดียว แต่ว่าก็คุยกันนะครับว่าจริงๆ แล้วนี่เราอาจจะไม่ได้เน้นที่ตรงแหวนมาก แต่ว่าอยากที่จะไปท่องเที่ยวมากกว่า ชอบเที่ยวมากกว่า ก็เลยอาจจะเซฟตรงนี้ไว้นิดหนึ่ง แต่ว่าส่วนตัวแล้วเนี่ยก็จะมีของขวัญให้กับเจ้าสาวอยู่แล้วนะฮะ ในวันแต่งงานครับ"
เฟิร์น "ให้มาก่อนหน้านี้แล้ว เป็นรถค่ะ"
รูปแบบของงานวิวาห์เป็นอย่างไร
แตงโม "ก็พยายามจะทำให้เป็นธีมของสโนว์นะฮะ ขาวๆ อันนี้ก็เดี๋ยวคงจะทำบรรยากาศ อาจจะมีคล้ายๆ กับหิมะนะฮะ อาจจะเป็นรังแคเจ้าสาว (หัวเราะ) จะสังเกตได้ เดี๋ยวมันจะมีไฟระยิบระยับคล้ายๆ กับสโนว์นะครับ แล้วก็ทำให้บรรยากาศเป็นสีขาว เจ้าสาวชอบนะฮะ ก็มีบรรยากาศของเพื่อนๆ ด้วย เพราะว่าบางทีเนี่ยงานแต่งงานจะเป็นรูปถ่ายของเรา 2 คน แต่ครั้งนี้เนี่ยอยากจะเน้นแบบมีรูปทุกคนเลยที่เคยทำงานร่วมกัน พี่มดดำ (คชาภา ตันเจริญ) พี่ฉอด (สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา) แล้วก็ บุ๊คโกะ (ธนัชพันธ์ บูรณาชีวาวิไล) นุ้ย (ธนวัฒน์ ประสิทธิสมพร) อะไรอย่างนี้ฮะ ก็จะมีรูปของทุกคน เพราะว่าก็อยากจะให้เขามีส่วนร่วมในงานด้วยนะฮะ"
เห็นว่าตอนช่วงตัดเค้กมีการแสดง Star Wars ด้วย
แตงโม "คือตอนแรกก็คิดว่าอยากจะมีหลายแบบครับ อยากจะเต้น อยากจะร้องเพลง อยากจะนู่นอยากจะนี่ แต่ดูแล้วที่เหมาะที่สุดเนี่ยให้คนอื่นเขาทำไป (หัวเราะ) เรายืนดีๆ เฉยๆ ดีกว่านะฮะ ร้องเพลงแล้วกลัวจำเนื้อไม่ได้นะฮะ หายใจก็เพี้ยน เป็นคนเดียวที่เต้นแล้วคร่อมจังหวะ ไม่มีใครทำเหมือนผมได้ ทุกเพลงนะครับ ก็เลยดูแล้วจะยังไงดี ก็เลยเอาเป็นว่าเป็น Star Wars แล้วกัน หนังช่วงนี้กำลังมาเลย แล้วก็ให้ทุกคนได้ถ่ายรูปด้วยประเด็นที่สำคัญ เพราะว่าจ้างมาจากฮอลลีวูดเลย มีนักแสดงฝรั่งมาด้วยนะฮะ มีนักแสดงฝรั่งมาด้วย แล้วก็เพนต์หน้า เพนต์ตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะฮะ จะมาเสร็จวันนี้"
ตอนขอแต่งงานได้เตรียมการอย่างไรบ้าง
แตงโม "ตอนนั้นเนี่ยคือวางแผนว่าจะไปเที่ยวอยู่แล้วนะฮะ แต่ว่าก็ยังไม่ได้คิดว่าจะไปเที่ยวที่ไหน แต่ว่าสุดท้ายแล้วเนี่ยพอเรานึกบรรยากาศว่าเราจะไปอิตาลี สวิตฯ ฝรั่งเศส ลองคิดไปคิดมาเราก็รู้สึกพร้อมกับคนนี้ รู้สึกดีกับคนนี้ ก็เลยวางแผนมาประมาณสักกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว แล้วก็เดินทางไปเที่ยวช่วงตุลาฯ พฤศจิกาฯ นะฮะ แล้วก็เหมือนกับว่าเอาล่ะ เวลามันใช่ ทุกอย่างมันใช่ วางแผนนานมากเลยนะฮะ ต้องจองตั๋ว ไม่ให้เขารู้ฮะ ทำหลายๆ อย่างที่ไม่ให้เขารู้นะฮะ จะต้องไปซื้อแหวน ตอนซื้อแหวนนี่ผมลำบากมาก คือผมก็จะต้องไปซื้อแหวน เขาก็จะถามว่าวันนี้ทำไมไม่ว่าง วันนู้นทำไมไปไหน ส่วนมากถ้าวันเสาร์อาทิตย์ก็จะค่อนข้างมาเจอกัน บางเสาร์อาทิตย์ผมก็ไม่ว่าง ผมก็ต้องไปทำธุระให้เขานะครับ มีอยู่ครั้งหนึ่งในมือถือเนี่ย ตอนที่จะไปขอเขา ต้องมีคลิปวิดีโอเพื่อเวลาตอนเขายืนอยู่ จะได้ไม่ต้องหันกลับมามองเราเปลี่ยนชุดนะฮะ ผมก็ไปทำคลิปอันนี้ให้เขา ผมก็ไม่กล้าให้เขาดูมือถือ ผมก็เปลี่ยนพาสเวิร์ด เปลี่ยนทุกอย่างนะฮะ เขาก็มาถามทำไมเปลี่ยนพาสเวิร์ด ทำไมไม่ให้ดู เวลาวางมือถือคว่ำหน้าตลอดนะฮะ เนี่ยเขาก็จะถามสงสัยอย่างนี้ เกือบไป เกือบความแตกไปเหมือนกันนะฮะ"
แล้วสุดท้ายผลลัพธ์เป็นอย่างไร
แตงโม "สุดท้ายก็ได้ไปเที่ยว แล้วก็เหมือนกับว่าฉากที่จะต้องไปขอเขาแต่งงาน คือเหมือนกับว่ามีอยู่ 2 คน ผมเอากล้องไปเอง ก็ศึกษาไปอย่างดีว่ากล้องตัวนี้ถ่ายยังไง ปักกับน้ำแข็งปั๊บ ผมก็บอกว่าวิวนี้สวยมาก ให้เขายืนหันหลัง แล้วเดี๋ยวผมเอากล้องวิดีโอให้เขาดู แล้วเขาก็เอาไปยืนดู ผมก็กำลังจะถ่ายอยู่แล้ว หันมา ทำอะไรเนี่ย สงสัยอีกนะฮะ อย่าขี้สงสัย ประเด็นนะฮะ พอสงสัยแล้วงานลำบาก แล้วผมก็ใส่เสื้อหนามาก เพราะมันหนาวจริงๆ แล้วก็มือสั่นเลยนะครับ ลบ 3 องศา ประมาณนั้นวันนั้น แล้วก็พอเขาดูเสร็จ ผมก็ลืมหูฟังให้เขาอีก ก็ต้องวิ่งไปเอาหูฟังมาให้เขา พอเขาดูเสร็จถึงช่วงไคลแม็กซ์ที่เขาจะหันมา ผมก็ถอดทุกอย่างออกหมดเลย เหลือแต่สูท บางมาก ลบ 3 ใส่แค่สูทตัวเดียว เลยกลายเป็นสูทเตี๋ยวเลยนะฮะ หนาวมาก (หัวเราะ) เสร็จปั๊บ ก็เลยไปคุกเข่าขอแต่งงาน คิดไว้ในใจว่าจะต้อง พูดที่รัก ผมจะขอคุณใช้ชีวิตร่วมอยู่กับคุณตลอดไป ผมรักคุณมาก ปึ๊บ เขาหันมาร้องไห้ แข็งไปหมดเลยฮะ คิดนานเหลือเกิน แล้วก็เลยบอกว่าขอแต่งได้ไหม คือพูดไม่ได้อ่ะฮะ คือถ้าใครไม่อยู่โมเมนต์นั้นคงจะนึกไม่ออกเลยว่าเวลาพูดไม่ออกมันเป็นยังไงนะฮะ พูดไม่ออก เขิน หนาวมาก"
เฟิร์น "คือในคลิปอ่ะ จะเป็นคลิปที่แตงโมทำตั้งแต่เริ่มแรกว่าเตรียมอะไรยังไง ไปแอบซื้อแหวน เซลฟีถ่ายตัวเองไว้ แล้วก็เอามาตัดต่อค่ะ เฟิร์นก็รู้สึกว่าไม่เคยคิดว่าผู้ชายที่มีบุคลิกแบบนี้จะทำเพื่อเราได้ขนาดนี้ค่ะ ไปเอารูปเก่าๆ มา แล้วก็มาร้อยเรียงเป็นเรื่อง แล้วก็บอกความรู้สึกว่าตั้งแต่รู้จักกันมาเขารู้สึกยังไง แล้วจากนี้ไปเขาจะทำยังไง เฟิร์นก็รู้สึกว่าไม่เคยคิดเหมือนกันว่าจะมีผู้ชายคนไหนทำให้ขนาดนี้"
ทำไมถึงเลือกขอแต่งงานที่ยอดเขาทิตลิส
แตงโม "ผมคิดตีลังกา 8 ตลบเลยฮะ ไม่รู้จะไปขอที่ไหน ขอที่หอไอเฟลก็รู้สึกว่าคนขอเยอะมากนะฮะ แล้วที่สำคัญตั้งกล้องที่ฝรั่งเศสรับรองว่าหายแน่นอน ไม่เอาดีกว่า จะไปที่โคลอสเซียม เอ๊ะ มันจะทิ่มแทงกันไหม คือคิดเยอะไงฮะ หรือว่าจะไปล่องเรือกอนโดลาที่อิตาลี ก็กลัวจะตกเรือนะครับ เรือมันโคลงเคลง ก็เลยรู้สึกว่าถ้าเป็นยอดเขาเนี่ย รู้สึกว่ามันจะดี มีความหนักแน่น เป็นภูเขาน้ำแข็ง รู้สึกว่าใจจะได้เย็นๆ เวลามีทะลงทะเลาะมีปากเสียงกัน ความหมายดีฮะ ก็เลยเลือกที่นั่น ตอนแรกจะไปขอที่จุงฟราวด้วยครับ แต่วันนั้นจุงฟราวหิมะตก ฝนตก มันหนาวเกินไป ก็คิดว่าน่าจะลำบาก ก็เลยต้องขอที่เขาทิตลิสนะครับ"
พบรักกันอย่างไร
เฟิร์น "คือจริงๆ ต้องย้อนไป 15 ปีค่ะ ตอนนั้นเฟิร์นอายุ 15 แล้วก็น้องชายเตะฟุตบอล ซ้อมอยู่ด้วยกันกับแตงโม เฟิร์นก็ไปส่งน้อง แตงโมเขาก็มาเจอ เขาก็เลยเข้าทางน้อง บอกว่าขอเบอร์ได้ไหม ตอนนั้นเฟิร์นก็เห็นหน้าแล้วไม่ค่อยชอบ เฟิร์นก็เออก็คุยได้นะ แต่เรามีแฟนแล้ว เราก็คุยกันเป็นเพื่อนมาตลอด ต่างคนก็ต่างไปมีชีวิตของตัวเอง เขาก็ไปมีแฟน เฟิร์นก็ไปมีชีวิตของเฟิร์น"
แตงโม "คือตอนนั้นน่ะ เด็กๆ อ่ะผมไปจีบเขา แล้วเขามีแฟนอยู่แล้ว ผมก็ให้เกียรติ ไม่อยากจะตื๊อเขานะฮะ แต่พอเสร็จแล้ว 15 ปีผ่านมาก็บังเอิญเล่นเฟซบุ๊กเจอกัน แล้วก็เลยนัดคุณสบายดีไหม แล้วเวลาตอนที่โสดพร้อมกันพอดี มันจะมีอยู่ช่วงหนึ่งโสดพร้อมกันพอดี เขาก็มาชวนเราไปดูหนัง มาชวนเราไปกินข้าว ผมอกหัก เขาก็อกหักนะฮะ แต่เขาประมาณสัก 4-5 เดือนฮะ ผมประมาณไล่ๆ กับเขา 3 เดือน ผมก็รู้สึกว่าโลกนี้เราคงเข้ากับใครไม่ได้ แล้วผมก็ไม่เคยเปิดใจคุยกับใครเลย จนเขาเข้ามาชวนมากินข้าว ไปดูหนัง (เจ้าสาวแทรกขึ้นมาว่า แต่ตอนนั้นน่ะไม่ได้คิดอะไรนะ) คือผมก็รู้สึกว่าเขามาชวนเรา เขาคิดอะไรหรือเปล่า เราก็แอนตี้ สร้างกำแพงว่าคงจะเหมือนกับเข้ามาจีบเรา แล้วสุดท้ายก็ไม่ได้รู้สึกดีกับเราหรือเปล่าอะไรทำนองนี้ ผมก็ให้โอกาสตัวเองลองดูสิว่าเผื่อคนนี้จะหวังดีจริงๆ เขาก็พาไปดูหนังเรื่อง Spider-Man นะฮะ พอดูเสร็จเรารู้สึกแปลกๆ ปกติดูเสร็จถ้าผมไม่ชอบใคร ผมกลับบ้านเลย แต่ผมก็รู้สึกว่าทำไมเขาแปลกๆ รู้สึกดี ก็เลยบอกไปทานข้าวกันไหม ก็เลยชวนเขาไปทานข้าวต่อ ก็เลยเป็นเหตุที่ว่าได้คุยกันมากขึ้น โทรหากันมากขึ้นฮะ"
แตงโม ชอบอะไรในตัว เฟิร์น
แตงโม "สบายใจครับ เฟิร์นเป็นคนพูดแล้วเข้าใจง่าย ไม่คิดมากนะครับ แล้วก็ส่วนมากเนี่ยผู้ชายก็จะมีอาการหึงหวงนะฮะ แล้วก็บางคนอาจจะชอบลั้ลลา ไปเที่ยวไปอะไรอย่างนี้ ผมก็รู้สึกว่าเป็นห่วง ไม่สบายใจ เดี๋ยวมีใครมาจีบไหม แต่เฟิร์นเนี่ยเขาไม่เคยทำให้รู้สึกแบบนั้นเลย ถึงแม้ว่าเขาจะไปเที่ยว ก็โทรหาเราตอนกลางคืน ถึงบ้านแล้วนะ เราก็จะไม่ค่อยเป็นห่วงเขา เพราะว่าเขาดูแลตัวเองได้ ตรงนี้ก็เลยทำให้สบายใจ"
มีการปรับตัวในการใช้ชีวิตคู่อย่างไรบ้าง
แตงโม "ต้องฟ้องฮะ ผมไปฟ้องเขามาในรายการ คดีสีชมพู นะครับ เหมือนกับว่าเฟิร์นเนี่ยอาจจะเป็นเวิร์กกิงวูแมน ทำงานเป็นแอร์โฮสเตส บริการคนอื่นเยอะ แต่ลืมบริการแฟนตัวเองไง เราก็เรียกร้องบ้างว่าแบบอยากให้ทำนู่นอยากให้ทำนี่ ซึ่งทุกวันนี้ไม่ต้องเรียกร้องแล้วนะครับ เป็นข้อดีของเขา เขาไม่ทำอยู่แล้ว ไม่ต้องเรียกร้องเลยนะฮะ สบาย"
เฟิร์น "จริงๆ เฟิร์นทำได้ทุกอย่างอยู่แล้วค่ะ แต่ว่าจะอยากทำหรือเปล่าแค่นั้น (หัวเราะ)"
มีแผนจะไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กันที่ไหน
แตงโม "ก็ 2 คน ส่วนตัวแล้วเป็นคนชอบเดินทางท่องเที่ยวอยู่แล้วนะฮะ ก็อยากจะไปบรรยากาศที่มันสบายๆ เย็นๆ ชอบท่องเที่ยวประเทศที่เย็นๆ ก็อยากจะไปยุโรปอีกทีหนึ่ง แต่ว่ายังไม่ทราบว่าเมื่อไร เพราะว่าเดี๋ยวก็คงหลังงานแต่ง วันจันทร์เดินทางไปถ่ายทอดสดวอลเลย์บอลที่ญี่ปุ่นต่อนะฮะ"
พร้อมมีทายาทเมื่อไร
แตงโม "2 ปี ปีครึ่ง อะไรอย่างนี้ครับ"
เฟิร์น "คืออยากมีแฝดค่ะ มีเชื้อทั้ง 2 บ้านเลย"
หลังจากนี้ เฟิร์น จะยังทำงานเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินต่อไหม
เฟิร์น "เป็นค่ะ"
จะเป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตคู่หรือเปล่า
เฟิร์น "ไม่ค่ะ เพราะว่าสายการบินที่เฟิร์นทำอยู่ไม่ได้บินไกลมาก แล้วก็ไม่ได้ไปหลายวัน บางทีก็ไปเช้า บ่ายๆ ก็กลับแล้ว ไปเต็มที่ก็ 2 คืน ก็ได้อยู่ค่ะ"
คำมั่นสัญญา
แตงโม "คือก็ไม่ได้บอกว่าจะสัญญาอะไรนะฮะ ส่วนมากบางทีเราสัญญาแล้ว พูดตรงๆ นะฮะ เราก็ลืมครับ (หัวเราะ) แก้ไขปัญหาฮะ อย่าสัญญาอะไรนะฮะ เราก็บอกเขาว่าเราอยากจะทำอย่างนี้ให้ เราอยากจะดูแลเขา แล้วก็ถ้าอะไรที่มันเหมือนกับว่าเราทำให้เขาได้เนี่ย เราก็ยินดีทำให้ทุกอย่างอยู่แล้วนะฮะ แล้วก็บอกเขาว่าไม่ต้องกังวล ต่อไปในอนาคตเราจะรักเขาน้อยลงหรือเปล่าเนี่ยมันคงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว มีแต่รักมากขึ้น ก็บอกเขาไปอย่างนี้นะครับ"
มีความในใจอะไรอยากจะบอกกันบ้าง
แตงโม "ผมก็ไม่รู้ว่าจะบอกเขาหมดหรือเปล่านะฮะ แต่ว่าอยากจะบอกว่าจริงๆ แล้วเนี่ยมันไม่มีความบังเอิญ มันไม่มีสิ่งที่เราไม่คาดฝันเกิดขึ้นว่าเราจะเจอกัน ผมว่าคู่แท้เนี่ยก็เมนต์ทูบีอ่ะฮะ มันถูกกำหนดมาอยู่แล้วว่าเราจะต้องมาเจอกันอีกครั้งหนึ่ง ผมก็ไม่คิดว่า 15 ปีที่แล้ว ที่ผมเจอเขา กลับมาวันนี้มันจะทำให้เรามาเจอกัน แล้วก็กลับมาคุยกันถูกคอ อยู่ด้วยกันได้ เข้าใจกันทุกเรื่อง มันเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์นะฮะ แล้วก็บางครั้งนี่อาจจะมีทะเลาะกันบ้าง มีไม่เข้าใจกันบ้าง แต่ว่าทุกครั้งที่ทะเลาะกันเนี่ย หลังจากดีกันแล้วมันทำให้เรารักเขามากขึ้น เข้าใจเขามากขึ้น แล้วก็อยากที่จะทำวันข้างหน้าให้กับเขา ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เขาต้องการ"
เฟิร์น "ก็ได้เห็น แล้วก็รู้สึกว่าเขารักเราจริงๆ แล้วก็ทุกวันนี้ที่เขาเหนื่อยมากก็เพื่ออนาคตค่ะ เฟิร์นก็สัญญาว่าจะอยู่ตรงนี้ เป็นกำลังใจให้ แล้วก็จะทำหน้าที่ภรรยาที่ดี จะทำให้ดีขึ้น งานบ้งงานบ้านก็จะพัฒนาให้ดีขึ้น แล้วก็จะไม่ทำให้ผิดหวังค่ะ"
แตงโม "น้ำตาจะไหลฮะ เขาเหยียบเท้าผม (หัวเราะ) แต่ผมชอบคำพูดเขาอย่างหนึ่งนะฮะ ที่เฟิร์นบอกเนี่ย ผมรู้สึกว่าคำนี้มันน่าจะเป็นคำบอกความรู้สึกของผมได้เลยว่าทำไมผมถึงรักเขามาก"
เฟิร์น "ก็คือคนเราจะอยู่ด้วยกันน่ะ มันไม่ใช่แค่ความรัก แต่ว่าต้องมีความสบายใจด้วย ซึ่งเรา 2 คนอยู่ด้วยกันแล้วเรารู้สึกสบายใจทั้งคู่ แตงโมเคยพูดว่าอยู่กับเฟิร์นแล้วรู้สึกเหมือนอยู่กับคนที่บ้าน เฟิร์นก็รู้สึกว่าเหมือนเขาเห็นเราเป็นครอบครัวจริงๆ เฟิร์นอยู่กับแตงโม เฟิร์นก็รู้สึกสบายใจเหมือนกัน เหมือนกับว่าเราก็อยู่กับคนที่บ้านเหมือนกัน แล้วเฟิร์นรู้สึกว่าตรงนี้มันจะทำให้เราอยู่กันได้ยาว โดยที่ไม่ต้องฝืนหรือว่าพยายามให้เหนื่อยค่ะ"
บรรยากาศในงานวิวาห์เริ่มต้นด้วยวีทีอาร์หวานๆ แนะนำตัวคู่บ่าวสาวอย่างขี้เล่นและเป็นกันเอง ก่อนที่ทั้งสองจะควงคู่กันเข้ามาในงาน พร้อมเชิญประธานในพิธี "ถิรชัย วุฒิธรรม" ขึ้นคล้องมาลัยมงคลแก่คู่บ่าวสาวและกล่าวอวยพร ตามมาด้วยประธานฝ่ายเจ้าสาว "ชาญวิทย์ ผลชีวิน" และปิดท้ายด้วยคุณพ่อของเจ้าบ่าว ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงสัมภาษณ์ที่ต่างฝ่ายต่างก็มอบคำมั่นสัญญาให้แก่กัน โดยเริ่มที่เจ้าบ่าว "อยากจะบอกเฟิร์นนะครับว่าผู้ชายคนนี้ก็จะรักเฟิร์นให้มากที่สุด แล้วก็รักเฟิร์นตลอดไป จะดูแลเฟิร์นทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าเฟิร์นอยากจะได้อะไร ไม่ว่าเฟิร์นต้องการสิ่งไหน ถึงแม้ว่ามันจะยาก จะเหนื่อย แต่ก็จะพยายามหามาให้ จะหามาให้นะครับ ผมเชื่อว่าไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ ที่คุณพยายาม ที่คุณตั้งใจมากพอ มันจะสำเร็จ แล้วสิ่งที่คุณได้กลับมา ไม่จำเป็นว่าเป็นสิ่งที่คุณขอร้องหรืออะไรเลย คุณจะได้กลับมาเอง แล้วผมอยากจะบอกเฟิร์น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็แล้วแต่ ผู้ชายคนนี้จะอยู่ข้างๆ เฟิร์นเสมอ แล้วก็จะรักเฟิร์นตลอดไป"
ด้านสาว เฟิร์น ก็ให้คำมั่นสัญญากับหนุ่มคนรู้ใจว่า "เฟิร์นก็ขอสัญญาเหมือนกันว่าไม่ว่าวันนี้เราจะเป็นยังไง หรือว่าอนาคตเราอาจจะลำบากกว่านี้ หรือว่าอาจจะมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่านี้ แต่ว่าเฟิร์นก็จะอยู่อย่างนี้ อยู่กับแตง แล้วก็เราก็จะประคับประคองให้ตลอดรอดฝั่ง แล้วก็จะจับมือเดินไปด้วยกัน แล้วก็ทำให้ชีวิตของเราดีขึ้น ขอบคุณแตงมากที่ทำทุกอย่างเพื่อเฟิร์นมาตลอด รู้ว่าเหนื่อยค่ะ ก็จะคอยเป็นกำลังใจ แล้วก็จะไม่ทิ้งกันแน่นอนค่ะ" หลังจากนั้นทั้งคู่ก็พากันไปจุดเทียนมงคลและรินแชมเปญเพื่อฉลองให้แก่ความรักอันหอมหวานในค่ำคืนนี้ ก่อนที่จะพาทุกคนตื่นตะลึงไปกับกองทัพทหารจากภาพยนตร์เรื่อง Star Wars ที่เดินเรียงรายเข้ามายืนตั้งแถวบนเวที พร้อมเปิดตัววายร้าย ดาร์ธ มอล ที่ขึ้นมาประชันฝีมือฟาดฟันดาบเรืองแสงกับหนุ่ม แตงโม จนสุดท้ายพระเอกของงานอย่าง แตงโม ก็สามารถล้มศัตรูตัวฉกาจได้สำเร็จ พร้อมพาเจ้าสาวไปตัดเค้กพร้อมกันด้วยดาบเรืองแสงที่ทำให้ได้ชัยชนะมาครองนั่นเอง
ความสนุกสนานยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ เมื่อ แตงโม สะบัดสูทสุดเนี๊ยบไปเต้นอย่างสุดเหวี่ยงในเพลง "Uptown Funk" พร้อมสวมจริตสาวโสดเต้นต่อในเพลง "Single Ladies" ปิดท้ายด้วยเพลงดังที่ส่งตรงมาจากประเทศเกาหลี "Gangnam Style" เมื่อช่วงเวลาแห่งความสนุกสนานสิ้นสุดลง บ่าวสาวก็เคียงคู่กันไปมอบเค้กให้แก่ญาติผู้ใหญ่ที่มาร่วมงาน พร้อมกับเข้าสู่ช่วงโยนช่อดอกไม้ตามธรรมเนียม ที่ทั้งเพื่อนเจ้าบ่าวและเจ้าสาวต่างก็เดินมารวมตัวกันเพื่อรอรับอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เมื่อเสร็จสิ้นพิธีการแล้ว หนุ่ม แตงโม ก็แอบงัดทีเด็ดมาเรียกรอยยิ้มจากเจ้าสาวอีกครั้ง ด้วยการนำกล่องของขวัญชิ้นโตมาวางไว้บนเวทีเพื่อเป็นของขวัญรับวันวิวาห์แก่สาวคนรู้ใจ ซึ่งฝ่ายสาวก็ถูกอกถูกใจยกใหญ่เมื่อเปิดกล่องของขวัญแล้วพบว่าเป็นกระเป๋าหรูที่เคยออกปากว่าอยากได้มานาน ก่อนจะจัดหนักจัดเต็มเอาคืนสามีหนุ่มด้วยการร้องเพลงความหมายสุดซึ้งอย่าง "ฉันดีใจที่มีเธอ" เรียกรอยยิ้มจากพระเอกของงานนี้จนแก้มปริเลยทีเดียว