1. สยามโซน
  2. ภาพยนตร์
  3. ข่าววงการภาพยนตร์

พระเอก ซงจุงกิ ทวีความร้อนแรง จัดแฟนมีตติ้งในไทย

พระเอก ซงจุงกิ ทวีความร้อนแรง จัดแฟนมีตติ้งในไทย

นักแสดงหนุ่มหน้าใสวัย 31 ปี "ซงจุงกิ" (Song Joong Ki) เจ้าของบทบาทนายทหารหนุ่มรูปหล่อ ยูชีจิน จากละครดังเรื่อง "Descendants Of The Sun" หรือชื่อภาษาไทย "ชีวิตเพื่อชาติ รักนี้เพื่อเธอ" บินลัดฟ้ามาเรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนคลับชาวไทยอย่างใกล้ชิดในงานแฟนมีตติ้ง "2016 Song Joong Ki Asia Tour Fan Meeting In Bangkok" จัดขึ้นโดยบริษัท โฟร์ วัน วัน เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด พร้อมด้วย บลอสซัม เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ต้นสังกัดประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2559 ณ ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี โดยก่อนที่หนุ่ม จุงกิ จะเดินทางไปพบปะแฟนคลับที่งานแฟนมีตติ้ง ก็แวะมาให้สัมภาษณ์อย่างเป็นกันเองในวันเดียวกันที่งานแถลงข่าว ณ โรงแรมดับเบิ้ลยู กรุงเทพ

รู้สึกอย่างไรที่ได้กลับมาเยือนประเทศไทยอีกครั้ง

จุงกิ "รู้สึกดีใจมากๆ เลยครับ เพราะไม่ได้มาเมืองไทยหลายปีมาก ตัวผมเองชอบประเทศไทยอยู่แล้ว โดยเฉพาะอากาศของเมืองไทย ผมเป็นคนที่ชอบอากาศร้อนๆ อยู่แล้วครับ ชอบอากาศเมืองไทยมากๆ เลยครับ"

บัตรงานแฟนมีตติ้งขายหมดในพริบตาแบบนี้ มีอะไรอยากกล่าวกับแฟนๆ หรือเปล่า

จุงกิ "ก่อนอื่นอยากจะขอบคุณแฟนๆ ทุกคนที่มาต้อนรับผมที่สนามบินนะครับ ได้ยินมาว่ามีคนไปรอที่สนามบินตั้งแต่เช้าด้วย รู้สึกทั้งเสียใจและเกรงใจ แต่ก็รู้สึกดีใจมากที่ได้มาเจอแฟนๆ ตรงนี้นะครับ ผมไม่ได้คาดหวังเลยว่าบัตรจะขายได้เร็วขนาดนี้ รู้สึกขอบคุณแฟนๆ มาก และเป็นเกียรติอย่างมากที่แฟนๆ ให้ความรัก แล้วก็ให้กำลังใจผมครับ"

ถ้ามีเวลา อยากจะไปเที่ยวที่ไหน หรือมีกิจกรรมอะไรในเมืองไทยที่อยากทำบ้าง

จุงกิ "สิ่งที่เสียดายมากๆ ไหนๆ ก็มาเมืองไทยแล้ว อากาศก็ดีด้วย อยากจะว่ายน้ำ แต่ยังไม่มีโอกาสได้ว่ายน้ำเลยครับ แล้วก็เป็นคนที่ชอบไปภูเก็ตด้วยครับ"

ถ้าต้องตั้งแฮชแท็กในการมาไทยครั้งนี้ อยากตั้งว่าอะไร

จุงกิ "ผักบุ้งไฟแดง (ภาษาไทย) มาเมืองไทยผมจะมีอาหารไทยที่ผมชอบมากคือผักบุ้งไฟแดงครับ ผักบุ้งไฟแดง (ภาษาไทย)"

ในฐานะที่เป็นทูตส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี ช่วยแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในเกาหลี

จุงกิ "ได้ถ่ายทำ Descendants Of The Sun แล้วมีสถานที่หนึ่งที่อยากจะแนะนำ คือ แทแบก นะครับ ที่นั่นมีของกินก็เยอะ มีสถานที่ท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะด้วย แล้วนอกจากนี้โดยส่วนตัวแล้วผมชอบเกาะเจจูด้วยครับ"

คนส่วนมากมอง จุงกิ เป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ คิดว่ามีส่วนไหนที่อยากปรับปรุงบ้างไหม

จุงกิ "อยากจะสูงกว่านี้ เหมือน กวางซู (Lee Kwang Soo) นะครับ"

จากบทบาทตัวละครที่เคยแสดงมาทั้งหมด คิดว่าตัวละครไหนคล้ายคลึงกับตัวจริงมากที่สุด

จุงกิ "ทุกคนทราบดีนะครับว่าล่าสุดผมได้ถ่ายทำละครเรื่อง Descendants Of The Sun บทบาทที่ผมได้รับเป็นทหารที่ชื่อว่ายูชีจินนะครับ ถ้าเกิดว่าให้เลือก ผมคิดว่าตัวยูชีจินเป็นบทบาทที่คล้ายคลึงกับผมมากเลยครับ เวลาจริงจังก็คือจริงจัง เวลาเล่นก็คือเล่น อาจจะใกล้เคียงกับผมมากครับ"

ตัวละคร ยูชีจิน ออกจะโรแมนติกหน่อย เหมือนกับตัวจริงของ จุงกิ ด้วยหรือเปล่า

จุงกิ "บอกตรงๆ ว่าผมเป็นคนไม่ค่อยโรแมนติกเท่าไรครับ เอาชนะยูชีจินไม่ได้เลยครับ เพราะยูชีจินเป็นตัวละครที่โรแมนติกมากๆ ครับ"

หาก จุงกิ โดนผู้หญิงคนเดิมปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า จะยังรอเธอเหมือนที่ ยูชีจิน รอหรือไม่

จุงกิ "ถ้าเป็นผู้หญิงที่ผมรักจริงๆ ผมจะรอครับ ถ้าพูดถึงเรื่องโรแมนติก อีกวางซูจะเป็นคนที่โรแมนติกมากๆ เลยครับ เป็นเพื่อนที่โรแมนติกมากครับ ไม่ใช่แค่สูงอย่างเดียวนะครับ"

มีบทพูดไหนบ้างในละครเรื่อง Descendants Of The Sun ที่รู้สึกชอบเป็นพิเศษ

จุงกิ "ส่วนตัวแล้วผมชอบฉากที่พูดว่า จะให้ขอโทษหรือสารภาพรัก เป็นฉากที่ผมชอบมากเลยครับ ขอโทษ สารภาพรัก (ภาษาไทย) พูดยากมากเลยนะครับ"

ระหว่างฉากต่อสู้กับฉากรัก คิดว่าแสดงฉากไหนง่ายกว่ากัน

จุงกิ "ถ้าให้เปรียบเทียบระหว่างฉากแอ็กชันกับฉากรักนะครับ คือฉากแอ็กชันเป็นฉากที่ต้องถ่ายเดี่ยว เล่นเองด้วย ซึ่งไม่มีคนช่วย และครั้งที่แล้วก็บาดเจ็บด้วย ถ้าให้เลือกก็คือฉากแอ็กชันจะยากกว่า แต่ถ้าเป็นเลิฟซีนคือมีคู่ที่เป็นผู้หญิงคอยช่วยเราได้ เลิฟซีนก็จะง่ายกว่าครับ"

ภาพยนตร์และละครมีความยากง่ายแตกต่างกันอย่างไร

จุงกิ "จริงๆ ละครกับภาพยนตร์ก็มีความแตกต่างตรงที่ว่าภาพยนตร์ถ่ายแค่ระยะสั้น สามารถโฟกัสได้มากกว่าละคร เพราะละครเวลาถ่ายทำมันมีหลายตอนมาก ซึ่งไม่ค่อยมีเวลาที่จะมาโฟกัสให้เต็มที่ แต่ครั้งนี้ที่ถ่าย Descendants Of The Sun คือเป็นละครที่ถ่ายทำมาล่วงหน้า ซึ่งมีเวลาถ่ายทำได้แบบสบายๆ"

ประเทศไทยมีสำนวนว่า ยิ่งสูงยิ่งหนาว เห็นด้วยกับสำนวนนี้หรือไม่

จุงกิ "ก็เห็นด้วยกับสำนวนที่พูดมานะครับ แต่ผมยังไม่เคยรู้สึกแบบนี้ ก็เลยตอบไม่ค่อยถูกครับ แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราทำตัวยังไงมากกว่า อย่างเช่น 2 วันที่ผ่านมา ที่ได้เจอแฟนๆ ที่มาคอยต้อนรับที่สนามบิน ถ้าเจอภาพแบบนี้ สิ่งที่ผมเครียดหรือว่าสิ่งที่ผมไม่ค่อยสบายใจก็จะผ่านไปครับ ถือเป็นจุดดีในการคลายเครียดด้วย พูดตรงๆ ว่าไม่ค่อยเหงามากเท่าไรนะครับ เพราะว่ามีกวางซูเป็นเพื่อนอยู่แล้ว เย็นนี้ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าวันนี้มีแฟนมีตติ้งด้วย เป็นโอกาสที่ทำให้ผมได้มาเจอแฟนๆ แล้วมาคลายเครียดในประเทศไทยด้วยครับ"

มีวิธีการคลายเครียดในยามว่างอย่างไรบ้าง

จุงกิ "ถ้ามีเวลาว่าง ส่วนมากก็จะออกกำลังกายมากกว่านะครับ เพราะว่าตอนนี้กำลังเตรียมตัวจะถ่ายภาพยนตร์ (Battleship Island) อยู่ด้วย ก็เลยค่อนข้างที่จะออกกำลังกายบ่อยด้วยครับ"

การออกกำลังกายคือเคล็ดลับที่ทำให้ จุงกิ ดูหน้าเด็กหรือเปล่า

จุงกิ "ที่ผ่านมาไม่เคยดูแลผิวหรือว่าดูแลร่างกายนะครับ แต่ถ้าเกิดเรียกว่าเคล็ดลับ ก็อาจจะเป็นเคล็ดลับก็ได้ ตอนนี้ก็พยายามที่จะดูแลตัวเองมากขึ้นครับ ที่ผิวดีเพราะไปนวดหน้าบ่อย ไปดูแลผิวบ่อยก็เลยผิวดีครับ แต่ถ้าร่างกายก็ขึ้นอยู่กับอาหารด้วยนะครับ เวลาเราทานอาหาร เราต้องควบคุมตรงนี้ด้วย"

ตั้งแต่เข้าวงการมาจนถึงตอนนี้ มีอะไรในชีวิตเปลี่ยนแปลงไปบ้าง

จุงกิ "ตั้งแต่เดบิวต์จนถึงปัจจุบัน มองว่าไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปมากนะครับ เพราะตั้งแต่แรกจนถึงปัจจุบันก็มีผลงานให้แฟนๆ ดู ถ้ามีเปลี่ยนแปลงก็สามารถบอกได้เลยว่าเมื่อก่อนเวลามาเที่ยวเมืองไทยคนเดียว สามารถเดินไปตรอกข้าวสาร หรือไปไหนก็ไปเองได้ แต่ตอนนี้จะไปไหนคนเดียวเองไม่ได้แล้วครับ"

กำลังจะมีงานแฟนมีตติ้งแล้ว อยากจะกล่าวอะไรถึงแฟนคลับชาวไทยบ้าง

จุงกิ "ไม่ได้มาเมืองไทยค่อนข้างนานมากนะครับ รู้สึกดีใจที่ได้มาเจอสื่อมวลชนและแฟนๆ ในประเทศไทยครั้งนี้ด้วย ขอบคุณทุกคนที่ให้โอกาสในการจัดแฟนมีตติ้งครั้งนี้นะครับ เวลามาประเทศไทย ผมรู้สึกว่ามาเยียวยาตัวเองที่ประเทศไทยด้วย มาประเทศไทยก็มาเจอแฟนคลับด้วย แฟนๆ ต้อนรับผมอย่างอบอุ่นที่สนามบินด้วย อยากจะขอบคุณแฟนๆ มาก แล้ววันนี้ตอนเย็น อยากจะเชิญชวนแฟนๆ มาสนุกสนานด้วยกันในงานแฟนมีตติ้งครั้งนี้ครับ"

งานแฟนมีตติ้งเริ่มต้นด้วยการเปิดตัวพระเอกของงานกลางเวที ที่ยกมือขึ้นไหว้พร้อมส่งเสียงทักทายว่า "สวัสดีครับ (ภาษาไทย) ผมจุงกินะครับ" นักแสดงมากฝีมือเผยความรู้สึกที่ได้กลับมาพบแฟนๆ ว่า "ก่อนที่ผมจะมาประเทศในครั้งนี้ผมค่อนข้างจะยุ่งมากแล้วก็ไม่มีเวลาพักผ่อน แต่พอได้มาเจอแฟนๆ ที่เมืองไทยแล้วความเครียดหรือความเหนื่อยก็หายไปหมดเลยครับ" จากนั้นก็เข้าสู่ช่วงล้วงลึกเรื่องลับของดาราหนุ่มผู้ไม่เชี่ยวชาญการใช้ชีวิตในยุคโซเชียลครองเมือง ด้วยการเนรมิตคอมพิวเตอร์ที่ร้อยเรียงเรื่องราวของหนุ่มคนนี้ไว้ด้วยชื่อแฟ้มอย่าง Yes or No, Wish List, Big Boss, Romance, Secret และแฟ้มว่างเปล่าที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อ โดยมีกิจกรรมต่างๆ มาให้หนุ่มหน้าใสได้สนุกสนานร่วมกับแฟนคลับ รวมถึงการเปิดคลิปที่แฟนๆ ส่งเข้ามาบอกว่าอยากขอพรอะไรจาก จุงกิ และมีผู้โชคดี 5 คนที่นักแสดงหนุ่มเชื้อเชิญให้ขึ้นมาเติมเต็มความสมหวัง ซึ่งแต่ละคนได้รับกอดจาก จุงกิ อย่างใกล้ชิด โดยคำขอสุดกระแทกใจคือการให้ จุงกิ เอ่ยเป็นภาษาไทยว่า "เป็นติ่งเกาหลี ไม่มีแฟนสินะ"

เมื่อ จุงกิ ทำให้คำขอของแฟนคลับเป็นจริงแล้ว เจ้าตัวแง้มพรของตัวเองว่า "ก็อาจจะเรียกได้ว่าเป็นการขอพรจากแฟนๆ แบบยิ่งใหญ่ก็ได้นะครับ คือมาเมืองไทยทีไรแฟนๆ ก็จะต้อนรับผมอย่างอบอุ่นมาก เมื่อ 2 วันที่ผ่านมาก็ได้เจอที่แฟนๆ ที่สนามบินเหมือนกัน แฟนคลับมากันเยอะมากเลยครับ แล้วก็ต้อนรับอย่างอบอุ่นมาก ผมอยากจะขอให้แฟนๆ เป็นแบบนี้ตลอดไปนะครับ" ภายในงานยังมีวีทีอาร์จากเพื่อนสนิทในวงการบันเทิง เช่น "คิมจงกุก" (Kim Jong Kook) "อีกวางซู" (Lee Kwang Soo) "ชาแทฮยอน" (Cha Tae Hyun) และ "อิมจูฮวาน" (Im Joo Hwan) มาเล่าเรื่องราวของ จุงกิ ในมุมมองของพวกเขา พร้อมอวยพรให้งานแฟนมีตติ้งทั่วเอเชียของหนุ่มคนนี้ดำเนินไปด้วยดี จากนั้นดนตรีเพลง "Like a Child" ก็บรรเลงขึ้นพร้อมการปรากฏตัวของ จุงกิ ที่เดินมาจากทางด้านหลัง ทักทายแฟนๆ ตลอดทาง

เจ้าตัวเผยว่า "ที่ผมเลือกเพลงนี้มาร้องให้ทุกคนได้ฟังกันในวันนี้ ก็เพราะผมชอบเพลงนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แล้วเนื้อเพลงก็สื่อถึงความรู้สึกต่อแฟนคลับด้วยครับ" อีกกิจกรรมที่น่าสนใจคือช่วงของการเปิดแฟ้มลับ Secret ด้วยการทำท่าใบ้คำ อาทิ ท่าบรูซ ลี สเก็ต แอ๊บแบ๊ว และหัวใจ โดยผู้โชคดีที่ทำท่าใบ้คำเหมือน จุงกิ มากที่สุดได้สร้อยที่ถอดให้เห็นกันสดๆ จากข้อมือของหนุ่มเจ้าของงาน รวมถึงอ้อมกอดและรูปคู่พร้อมลายเซ็นไปครอบครอง เมื่อช่วงสุดท้ายของงานมาถึงพร้อมแฟ้มสุดท้ายที่ยังไม่มีการตั้งชื่อ จุงกิ ก็ไม่ปล่อยให้งงกันนาน แง้มเหตุผลที่ปล่อยให้แฟ้มนี้ว่างเปล่าว่า "โฟลเดอร์นี้ไม่มีชื่อนะครับ ผมอยากจะมาประเทศไทยอีกครั้ง แต่ไม่รู้ว่าจะได้มาเมื่อไร ก็เลยยังไม่ได้ตั้งชื่อโฟลเดอร์ จะรอนะครับ อยากจะให้แฟนๆ ตั้งชื่อโฟลเดอร์ให้ในวันที่ผมมาประเทศไทยอีกครั้งนะครับ" จุงกิ จึงถือโอกาสถ่ายรูปร่วมกับผู้ชมในหลากหลายอิริยาบถเพื่อเก็บไว้ในแฟ้มนี้

พระเอกของงานเผยความรู้สึกที่ได้มาเจอแฟนคลับชาวไทยอีกครั้งในรอบ 4 ปีว่า "ไม่ได้มาเมืองไทย 4 ปีแล้วนะครับ ตอนที่มาจัดแฟนมีตติ้งที่ประเทศไทยเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมาก็สร้างความทรงจำมาแล้ว แต่ครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นอีกความทรงจำที่ดี ขอบคุณแฟนๆ ทุกคนที่ต้อนรับผมอย่างอบอุ่นนะครับ เวลาที่ผมมาก็จะมีบอดีการ์ดอยู่ด้วย แต่ก็ขอบคุณที่แฟนๆ ไม่บาดเจ็บและทำตามกฎระเบียบ ต้องขอบคุณอีกครั้งด้วยนะครับ ตอนที่อยู่ในกรมทหาร ผมก็หวังว่าจะได้จะมาเจอแฟนๆ อีกครั้ง ตอนนี้ฝันของผมเป็นจริงแล้วครับ ขอบคุณครับ (ภาษาไทย)" ปิดฉากค่ำคืนแห่งความทรงจำด้วย "Always" เพลงประกอบละครเรื่อง Descendants Of The Sun ก่อนจะลาจากเวที เข้าสู่ช่วงจับมือกับแฟนๆ ท่ามกลางความเสียดายของหลายๆ คนที่ไม่อยากให้ช่วงเวลาแห่งความสุขนี้จบลง โดยนักแสดงหนุ่มได้เดินทางกลับประเทศเกาหลี ช่วงค่ำของวันที่ 8 พฤษภาคม 2559 ซึ่ง จุงกิ ได้ถ่ายรูปส่งท้ายกับแฟนๆ ที่มาร่วมส่งนักแสดงหนุ่มเดินทางกลับเป็นจำนวนมาก

สงวนลิขสิทธิ์ © ห้ามคัดลอก ตัดต่อ
ดัดแปลงหรือเผยแพร่ในสื่อใดๆ ก่อนได้รับอนุญาต
กดเพื่อดูรูปใหญ่ ปัดซ้าย-ขวาเพื่อดูรูปถัดไป
  • รูปภาพ 1
  • รูปภาพ 2
  • รูปภาพ 3
  • รูปภาพ 4
  • รูปภาพ 5
  • รูปภาพ 6
  • รูปภาพ 7
  • รูปภาพ 8
  • รูปภาพ 9
  • รูปภาพ 10
  • รูปภาพ 11
  • รูปภาพ 12
  • รูปภาพ 13
  • รูปภาพ 14
  • รูปภาพ 15
  • รูปภาพ 16
  • รูปภาพ 17
  • รูปภาพ 18
  • รูปภาพ 19
  • รูปภาพ 20
  • รูปภาพ 21
  • รูปภาพ 22
  • รูปภาพ 23
  • รูปภาพ 24
  • รูปภาพ 25
  • รูปภาพ 26
  • รูปภาพ 27
  • รูปภาพ 28
  • รูปภาพ 29
  • รูปภาพ 30
  • รูปภาพ 31
  • รูปภาพ 32
  • รูปภาพ 33
  • รูปภาพ 34
  • รูปภาพ 35
  • รูปภาพ 36
  • รูปภาพ 37
  • รูปภาพ 38
  • รูปภาพ 39
  • รูปภาพ 40

ความคิดเห็น

วันนี้ในอดีต

เกร็ดภาพยนตร์

  • The Rewrite - ผู้กำกับ มาร์ก ลอว์เรนซ์ และ ฮิวจ์ แกรนต์ ผู้รับบท คีธ เคยทำงานร่วมกันมาแล้ว 3 ครั้ง ได้แก่ Two Weeks Notice (2002) Music and Lyrics (2007) และ Did You Hear About the Morgans? (2009) นี่เป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 4 ที่ มาร์ก รับหน้าที่กำกับ และ ฮิวจ์ รับบทนำ อ่านต่อ»
  • Comet - เป็นผลงานการกำกับภาพยนตร์ขนาดยาวเรื่องแรกของผู้กำกับ แซม เอสเมล อ่านต่อ»
เกร็ดจากภาพยนตร์สามารถดูได้ในหน้าข้อมูลภาพยนตร์แต่ละเรื่อง

เปิดกรุภาพยนตร์

เรื่องราวตลกบ้าๆ การผจญภัยของเงิน กัดดู (อาเจย์ เดฟกัน) โจรลักเล็กขโมยน้อย โดนหักหลังจากเพื่อนร่วมทีม พินตู (มาโนจ ปาห์...อ่านต่อ»