เมื่อฝนหยดลงบนหัว ต่อยอดความรู้สึกของวังวนแห่งรัก

ประสบความสำเร็จอย่างเกินคาดสำหรับภาพยนตร์เรื่อง "พี่ชาย My Bromance" จากค่าย วายุฟิล์มโปรดักชั่น ผู้กำกับมากฝีมืออย่าง "ณิชชี่ - ณิชภูมิ ชัยอนันต์" ก็ไม่รอช้าเดินหน้าสานต่อเรื่องราวความรักครั้งใหม่ ของบรรดาเด็กหนุ่มมัธยมปลายภายใต้รั้วโรงเรียนแห่งหนึ่ง พร้อมคว้าตัวนักแสดงเก๋าประสบการณ์ "ย้ง - ธรากร สุขสมเลิศ" มารับบทนำใน "The Rain Stories เมื่อฝนหยดลงบนหัว" โดยสวมบทเป็น นนท์ หนุ่มใหญ่ใจดีที่มีรสนิยมรักเพศเดียวกัน ซึ่งจัดฉายปฐมทัศน์ไปแล้วเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2559 ณ โรงภาพยนตร์เอสพลานาด รัชดาภิเษก เพิ่มความพิเศษจากผู้กำกับและเหล่านักแสดงนำที่มาให้กับสัมภาษณ์กับทางเว็บสยามโซน.คอม อย่างเป็นกันเอง ถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์เรื่องนี้

ผู้กำกับ ณิชชี่ เผยถึงแรงบันดาลใจของภาพยนตร์ให้ฟังว่า "แรงบันดาลใจในการสร้างหนังเรื่องนี้นะครับ เกิดจากการที่ผมเติบโตมากับสังคมโรงเรียนชายล้วนในภาคเหนือมาตั้งแต่เด็กๆ เลย แล้วผมก็ได้เห็นเรื่องราวความรัก ที่เป็นความลับของความรักระหว่างชายกับชายมาเยอะมากตั้งแต่วัยเด็ก เราก็เลยมีความฝันอยากทำเป็นหนังขึ้นมาเพื่อเล่าเรื่องราวที่คนทั่วไปไม่ค่อยรู้จัก เราก็เลยทำเรื่อง พี่ชาย My Bromance ขึ้นมาเมื่อปี 57 ซึ่งมันสำเร็จสร้างรายได้อย่างเกินคาด แต่ว่าหนังเรื่องนั้นก็ยังไม่ตอบโจทย์ถึงที่สุดของเนื้อหาเกี่ยวกับเพศเดียวกันได้อย่างลึกซึ้ง มันยังมีจุดที่มันค้างคาอยู่ฮะ ผมก็เลยต่อยอดความรู้สึกและอารมณ์จากเรื่องที่แล้วมาใส่ในหนังเรื่องนี้ ผมเปรียบฝนเหมือนปัญหาที่เข้ามาในชีวิตคนนะครับ ถ้าคนๆ หนึ่งเนี่ยเจอปัญหาแล้วหรือเจอฝนตกลงมาใส่หัวเนี่ยเขาจะทำยังไงกับมัน ซึ่งคำตอบจะอยู่ในภาพยนตร์ซึ่งต้องไปดูกันว่าฝนคืออะไร แล้วก็มีความสัมพันธ์เกี่ยวกับตัวเรายังไง"

ย้ง พูดถึงบทบาทสุดท้าทายในครั้งนี้ว่า "บทบาทก็เป็นผู้ชายวัยกลางคนครับที่เข้าใจเรื่องความรักพอสมควร แล้วก็ผิดหวังมา คือผิดหวังอย่างเข้าใจ แล้วก็มีกำแพงของตัวเองเหมือนกัน แล้วบังเอิญว่าได้เจอกับ อ๊อฟชั่น (ถิรติกร กองคำ) ก็คือ เต้ นะครับในเรื่อง ซึ่งเขาบังเอิญหน้าเหมือนแฟนเก่าแล้วก็เหมือนกับเขาขายบริการ เราก็เลยลองซื้อมาแต่ว่าไม่ได้คาดหวังอะไร เพราะอย่างที่บอกว่าเขามีกำแพง ด้วยวัยวุฒิด้วยความผิดหวังเนี่ยเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ด้วยความหน้าเหมือน ด้วยความผูกพัน มีระยะเวลาอยู่ด้วยกันก็เกิดความผูกพันขึ้นมา จนเขาเหมือนเผลอใจไปอีกครั้งหนึ่ง" ด้านหนุ่ม "อ๊อฟชั่น - ถิรติกร กองคำ" ที่ต้องมาประกบนักแสดงรุ่นพี่เผยว่า "บทที่เล่นผมเล่นเป็น เต้ ครับ เต้เนี่ยจะเป็นนิสัยแบบก้าวร้าว ไม่ค่อยไปโรงเรียน เป็นเด็กเกเรเลยครับผม ชอบติดพนันบอล จนวันหนึ่งทำให้เขาต้องเป็นหนี้พนันบอลถึงหนึ่งหมื่นบาท เลยได้เข้าวงการเกี่ยวกับการขายบริการครับผม แล้วนั่นก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้"

ฟากหนุ่ม "ยีนส์ - เอกภัทร วณิชวิศิษฎ์พงศ์" เล่าถึงบทบาทของตัวละคร เจนท์ ว่า "เจนท์ในเรื่องเนี่ยก็จะเป็นเด็กนักเรียนม.ปลาย ที่ค่อนข้างหน้าตาดีที่สุดในโรงเรียนนะฮะ แล้วก็เป็นคนเอาแต่ใจไม่ค่อยแคร์คนอื่นฮะ แล้วจนวันหนึ่งเนี่ยมีรุ่นพี่มาชอบ คือ พี่นานา (นานา ถาวรพันธ์) มาชอบปุ๊บแล้วก็เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ในหนังฮะ แล้วก็ผ่านไปจนถึงเจนท์กับนานาเนี่ยเริ่มมีปฏิสัมพันธ์ มีความสัมพันธ์ขึ้นจนถึงเพื่อนแก๊งเนี่ยเริ่มสังเกตว่าเจนท์เนี่ยมันจะชอบผู้ชายหรือเปล่า ชอบพี่นานาหรือเปล่าครับผม แล้วจะเป็นยังไงต่อไปก็ฝากติดตามด้วยนะฮะ" ส่วนหนุ่มที่เต็มไปด้วยความตั้งใจอย่าง "นานา ถาวรพันธ์" แง้มว่าแสดงไม่ยาก เพราะเรื่องราวในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ถอดมาจากชีวิตจริงของตนเอง "ผมรับบทเป็น นานา ครับ ก็คือรับบทเป็นตัวเองเลยนะครับ ได้รับบทบาทค่อนข้างจะเป็นตัวเอง เพราะว่ามันสร้างมาจากเรื่องจริงของผม ตั้งแต่สมัยที่ผมเรียนอยู่ชั้นม.ปลายครับ มันก็จะไม่ยากในส่วนนี้เท่าไรครับ"

เคยฝากฝีไม้ลายมือมาแล้วใน พี่ชาย My Bromance สำหรับ "คิม - วรกมล นกแก้ว" โดยครั้งนี้สวมบทเป็น บาส เด็กหนุ่มที่มีปัญหาเรื่องครอบครัว "ตัวละครชื่อบาสเนี่ย เขาจะมีคาแรกเตอร์แบบว่าเป็นคนที่ขาดความอบอุ่นด้านครอบครัวอย่างนี้ครับ บาสจะไม่เคยเห็นพ่อมาก่อนในชีวิต จะเป็นคนที่อยู่กับแม่ 2 คน ทำให้บาสเนี่ยเหมือนขาดความอบอุ่นจากพ่อ แต่ก็มีเพื่อนสนิทของเขาชื่อว่า บอย (แสดงโดย บาส - ธนาเวศม์ ลักษณะสุทธิ) มาช่วยเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปครับ" นักแสดงหนุ่มเปิดใจถึงการกลับมาอีกครั้งว่า "ก็ดีใจแล้วก็เป็นการท้าทายความสามารถอีกรูปแบบหนึ่งด้วย เพราะว่ามีหลายๆ ฉากที่ยากมาก ทั้งการโวยวาย วีนเหวี่ยงใส่แม่ เพราะว่าตัวละครนี้เป็นตัวละครที่มีปัญหาอยู่ช่วงหนึ่งเหมือนกัน มีฉากหลายๆ ฉากที่เล่นยาก เล่นฉากกลางสายฝนซึ่งเป็นฝนที่หนักมาก เอารถดับเพลิงมากระจายเป็นฝน ก็ทำให้ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ เยอะเหมือนกันครับ"

อ๊อฟชั่น เปิดใจถึงการแสดงครั้งแรกของตนเองว่า "ตอนแรกที่ได้อ่านบทก็รู้สึกตื่นเต้นครับ เพราะว่าผมก็เป็นนักแสดงใหม่ครับ ก็ไม่เคยอ่านบทหรือว่าไม่เคยแคสต์อะไรมาก่อน แล้วพอแคสต์ผ่านผมก็รู้สึกกดดันหน่อยหนึ่งเพราะว่ามันเป็นบทเกี่ยวกับชายรักชาย ก็ไปปรึกษาพ่อ พ่อก็ว่าไม่เป็นไรก็แค่ประสบการณ์ในชีวิต ครั้งหนึ่งเราเคยได้ไปอยู่ในจอหนังภาพยนตร์ก็ดีแล้ว หลังจากนั้นก็ตัดสินใจเลยว่าโอเคเล่น ก็ไม่ค่อยกังวลอะไรเท่าไรแล้วครับ ยากที่สุดก็คือบทเลิฟซีน แล้วก็บทที่จะต้องไปถ่ายที่ห้วยตึงเฒ่า มันเป็นจุดๆ หนึ่งที่จะต้องใช้เวลาถ่ายแค่ 1 ชั่วโมง แล้วมันเป็นเวลาที่กดดันที่สุดของผมเลย เพราะว่าผมเป็นน้องใหม่ไงแล้วแบบทุกคน ทีมงานก็ต้องรอผมคนเดียวคือผมเล่นไม่ได้ไง จนกระทั่งมีพี่ย้ง ธรากร เข้ามาบรีฟผม แล้วก็พี่ณิชชี่เขามาบรีฟให้ ทำให้ผมเล่นได้"

ด้าน ย้ง กล่าวถึงการเผชิญฉากรักว่า "แรกๆ เกร็งคิดว่ามันจะต้องยากแน่เลย แต่จากการที่เราโชคดีได้ไปเวิร์กช้อปก่อนแล้วก็ได้ทำความเข้าใจบทละคร คาแรกเตอร์ มันราบรื่นกว่าที่เราคาดไว้ เราคิดว่ามันจะต้องเคอะเขินแน่เลย การสัมผัสตัวหรือว่าการโดนกันเนี่ย ถ้าเป็นตัวเรามันต้องอึดอัด นึกออกไหม มันไม่ใช่แค่เพื่อน มันเป็นเรื่องของความรัก แต่พอเราอินมากๆ เนี่ยบางทีเราลืมตัวเราไปแล้ว เราก็จะไม่มีความรู้สึกว่ามันตะขิดตะขวงใจหรือว่าอึดอัด จะเป็นไหลไปเลย" ดาราหนุ่มรุ่นพี่พูดถึงการร่วมงานกับ อ๊อฟชั่น ว่า "ต้องยอมรับว่าแรกๆ กังวลครับเพราะว่าหนึ่งเนี่ยบทของอ๊อฟชั่นเป็นบทที่ยากเหมือนกัน แล้วเขาเป็นนักแสดงหน้าใหม่ เราก็กังวลว่าเขาจะเล่นได้ไหม แต่ว่าเขาค่อนข้างเป็นเด็กที่มีสปิริตเหมือนกัน คือเขาก็เต็มที่แล้วก็ทำได้มากกว่าที่เรากังวล เรียกว่าทำได้ดีเกินคาดกว่าที่เราคิดเยอะ เราก็เลยไม่ค่อยกังวลแล้ว พอเราเล่นไปสักนิดหนึ่งเราเห็นแล้วว่าเขาได้"

ผู้กำกับคนเก่งเผยว่าตนเองได้สร้างจุดเด่นของภาพยนตร์แนวชายรักชาย ด้วยการนำเสนอมุมมองความรักที่หลากหลาย "จุดเด่นของหนังเรื่องนี้เนี่ยมันคือเป็นการนำหนังชายรักชายมาเล่าด้วยวิธีที่หลากหลายออกไป เราใส่มุมมองใหม่ในการมองความรักแบบนี้เนี่ยเข้าไปให้ลึกขึ้น เรามี 3 เรื่องราวของความรักของเด็กนักเรียนที่อยู่ในโรงเรียนเดียวกันมาให้ดู แล้วก็ที่เด่นที่สุดมันคือเป็นหนังชายรักชายที่พูดถึงความจริงของความรักเพศเดียวกัน มันจะต่างจากเรื่องที่แล้วตรงที่ใน พี่ชาย My Bromance เนี่ยมันเป็นความรักในอุดมคติ แต่เรื่องนี้เนี่ยมันคือความรักที่จริงกว่า" สำหรับปัญหาใหญ่ระหว่างการถ่ายทำผู้กำกับ ณิชชี่ เปิดใจว่า "อุปสรรคในการทำหนังเรื่องนี้นะครับ คือเรามีฝนเป็นตัวละครหลักของหนัง แต่เราไม่มีงบมากพอที่จะทำหรือเช่าเครื่องทำฝน เราก็เลยต้องใช้รถดับเพลิง 2 คันเนี่ยแหละในการมาฉีดทำเป็นฝน ซึ่งในขณะถ่ายทำเนี่ยเราต้องต่อสู้กับสภาพดินฟ้าอากาศ ลม หรือว่าทิศทางต่างๆ ในการทำให้ฝนมันตกมาได้สมจริงที่สุด มันก็เป็นเรื่องยากครับ แต่ก็ผ่านกันมาได้"

นานา เอ่ยถึงความทุ่มเทของทุกคนในการเตรียมงานว่า "ผมก็ขอฝากภาพยนตร์ The Rain Stories เมื่อฝนหยดลงบนหัว ครับ พวกเราเนี่ยไม่ว่าจะเป็นนักแสดงหน้าใหม่กว่า 10 ชีวิตเลย ทุกคนมีความตั้งใจกันมากกับผลงานภาพยนตร์ชิ้นนี้ครับ เพราะว่าใช้เวลาในการเตรียมในการถ่ายทำกว่า 2 ปีเลยนะครับกว่าจะได้มาฉายในวันนี้" ฟากหนุ่ม ย้ง วอนทุกคนเปิดใจให้กับภาพยนตร์รักเรื่องนี้ "18 กุมภาพันธ์นี้นะครับ ถ้าเกิดว่าใครชอบดูหนัง แล้วมีโอกาสผ่านมาก็อยากให้เปิดโอกาสเปิดใจ เพราะว่ามันเป็นหนังจำกัดโรงเหมือนกัน เรียกได้ว่าคุณต้องตั้งใจมาดูพอสมควร อย่าไปมองว่ามันเป็นชายรักชาย ก็เป็นหนังรักรูปแบบหนึ่ง เราไม่ได้บอกว่าหนังรักจบลงด้วยดีหรือไม่ดี มันเป็นแค่ว่าทิ้งปมไว้ให้คุณคิดต่อจากนั้น จากดูหนังจบว่าเป็นคุณ คุณทำยังไง ชีวิตของคุณอะไรอย่างนี้ ลองมาดูครับเพราะว่าทุกคนเต็มที่"

พบกับ 3 เรื่องราวความรักลับๆ ที่แอบซ่อนอยู่ ของเด็กหนุ่ม 5 คนในรั้วโรงเรียนเดียวกัน แล้วมาค้นหาคำตอบสุดท้ายของสายฝนที่โปรยปรายได้ในภาพยนตร์ The Rain Stories เมื่อฝนหยดลงบนหัว ตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2559 ที่โรงภาพยนตร์