โทนี่-อิ้งค์ ระลึกความหลังใน Snap แค่...ได้คิดถึง
ภาพยนตร์นอกกระแสเรื่อง "Snap" หรือ "แค่...ได้คิดถึง" เป็นผลงานการกำกับของ "คงเดช จาตุรันต์รัศมี" ที่นอกจากจะได้รับคัดเลือกให้เข้าฉายใน "เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตเกียว ครั้งที่ 28" (The 28th Tokyo International Film Festival) แล้ว ยังได้รับเกียรติให้เป็นภาพยนตร์เปิดใน "เทศกาลภาพยนตร์โลกแห่งกรุงเทพฯ ครั้งที่ 13" (13th World Film Festival Of Bangkok) อีกด้วย ซึ่งเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2558 ผู้กำกับพร้อมด้วย 2 นักแสดงนำ "โทนี่ รากแก่น" และ "อิ้งค์ - วรันธร เปานิล" ก็ได้มาร่วมพูดคุยให้สัมภาษณ์อย่างเป็นกันเอง ในงานเปิดตัวภาพยนตร์ ณ โรงภาพยนตร์สยามภาวลัย รอยัล แกรนด์ เธียเตอร์ ชั้น 6 ศูนย์การค้าสยามพารากอน
คงเดช เล่าถึงจุดเริ่มต้นของภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "พอเราอายุมากขึ้นมันก็เหมือนกับเริ่มคิดถึงอดีตเยอะขึ้นนะฮะ แล้วก็เริ่มคิดถึงคนต่างๆ ที่เคยอยู่ในชีวิตเราแล้วตอนนี้ไม่ได้อยู่แล้ว แล้วก็เลยคิดว่าเราอยากจะเขียนหนังที่เกี่ยวกับเรื่องความทรงจำ แต่ว่าเราจะไม่ได้ทำหนังคนแก่ไง เราก็เลยคิดถึงคนหนุ่มสาวสมัยนี้ฮะ ที่มีอดีตเร็ว เพราะว่าเรารู้สึกว่าโลกตอนนี้มันเร็วขึ้น แล้วก็ปีๆ หนึ่งมีเรื่องเยอะมากเลยเราจะรู้สึกแก่เร็ว รู้สึกว่าทุกอย่างอายุมันสั้นลง เพราะมีเดียที่เรามีด้วย แบบอินเตอร์เน็ต ทุกวันๆ เรื่องข่าวมันเยอะมาก ทุกอย่างอายุสั้นมากเลย แล้วเราก็เลยสนใจเรื่องการบันทึกความทรงจำของคนรุ่นใหม่ ซึ่งมันก็ใช้สมาร์ตโฟนนี่แหละ จริงๆ ก็ไม่ใช่คนรุ่นใหม่นะ แต่หมายถึงว่าคนยุคนี้ แม้แต่เราเองก็ตาม เราบันทึกเสร็จเราสามารถใส่ฟิลเตอร์แล้วมันกลายเป็นภาพเก่าทันที มันไม่เหมือนกับสมัยก่อนเราต้องรอให้ภาพมันเก่า เราก็รู้สึกว่านั่นน่ะมันเป็นเรื่องที่เราอยากจะสำรวจว่าความรู้สึกโหยหานอสทอลเจีย ความทรงจำต่างๆ เนี่ย เราสร้างมันขึ้นมาเองได้หรือว่ามันมีอยู่จริง"
ผู้กำกับคนเก่งเอ่ยถึงเรื่องราวที่น่าสนใจในภาพยนตร์ว่า "มันเป็นเรื่องของหญิงสาวคนหนึ่งกลับไปบ้านเกิดของตัวเอง ไปร่วมงานแต่งงานของเพื่อนที่เขาจัดที่โรงเรียน แล้วก็ไปเจอตากล้องประจำรุ่น ซึ่งมาเป็นตากล้องภาพนิ่งของงานแต่งงานให้เพื่อนด้วย ซึ่งก็คือตัวโทนี่ สองคนนี้เขาก็มีความหลังบางอย่างต่อกัน แล้วบังเอิญในอดีตเขาต้องแยกจากกันโดยที่ไม่ได้เคลียร์อะไรบางอย่างเอาไว้ ทริปนี้ของเขามันก็เลยเหมือนกับเป็นทริปของการกลับมาแบบนอสทอลเจีย แล้วก็ถ่านไฟเก่าคุ แล้วต้องมาเคลียร์ความรู้สึกอะไรกันหลายอย่างฮะ เราก็รู้สึกว่ามันเป็นทริปที่น่าสนใจ เพราะว่าเราได้กลับไปในสถานที่เดิมๆ นั่งฟังเพลงเก่าๆ แล้วก็เจอคนในอดีตของเรา แล้วเขาจะตัดสินใจยังไงในเมื่อมันมีปัจจุบันรอเขาอยู่ที่กรุงเทพฯ เราก็รู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใครๆ ต่างก็สามารถจะรีเลตกับมันได้"
หนุ่ม โทนี่ กล่าวถึงการมารับบทเป็น บอย ที่มีอุปนิสัยเงียบขรึมและเก็บความรู้สึกว่า "คือตอนแรกที่พี่คงเดชมากับพี่ทองดี (โสฬส สุขุม) นะครับ มาคุยเรื่องว่าตัวนี้เป็นคนอย่างนี้ๆ เราก็แอบสงสัยว่า เอ๊ะพี่ เห็นผมเงียบขนาดนั้นเลยเหรอครับ (หัวเราะ) เพราะว่าพี่คงเดชจะชอบเลือกคนที่เป็นตัวนั้นหรือใกล้เคียงกับตัวนั้นมากๆ นะครับในการมาเล่าเรื่องครับ ซึ่งเราก็แอบกลัวมากเลย เพราะว่าตัวเราเองเนี่ยจริงๆ เวลาอยู่กับเพื่อนเวลาอะไรเราก็ชอบพูดชอบคุยเหมือนกัน ชอบแสดงความรู้สึก แต่ว่าตัวบอยนี่เป็นคนที่ไม่แสดงความรู้สึกเลย เป็นคนที่พยายามเก็บด้วยซ้ำ พยายามไม่ให้ใครรู้ ไม่ให้ใครเห็นครับว่ารู้สึกอะไร"
ด้านสาว อิ้งค์ ที่มาประเดิมผลงานภาพยนตร์เป็นเรื่องแรก เผยบทบาทของ ผึ้ง ว่า "คือผึ้งบุคลิกเนี่ยคล้ายๆ กับผู้หญิงสมัยนี้ทุกคนเลยค่ะ คือมีอะไรก็จะชอบถ่ายรูปๆ แล้วก็ใส่ฟิลเตอร์ค่ะ ซึ่งเราเนี่ยเป็นคนชอบถ่ายรูปแล้วก็แต่งสีด้วยค่ะ แต่ว่าคือเหมือนในเรื่องค่ะเราอายุ 26 แต่ว่าตัวจริงเนี่ย 21 เองค่ะ เหมือนเราก็ต้องปรับวิธีคิดให้เหมือนตัวละครมากขึ้น ให้โตมากขึ้นค่ะ" ดาราสาวเล่าถึงอุปสรรคเล็กๆ ระหว่างการถ่ายทำอย่างออกรส "เป็นฉากหน้าร้านอัดรูปค่ะ คือเราจะนั่งข้างบนค่ะ พี่โทนี่จะนั่งข้างล่างเป็นฟุตบาทค่ะหน้าร้านอัดรูป แล้วก็จะมีท่ออยู่ข้างล่างพี่โทนี่ แล้วมันถ่ายตอนกลางคืนค่ะ แมลงสาบโอ้โหเยอะมาก แล้วคือมันเป็นฉากที่เราต้องใช้สมาธิค่อนข้างสูงด้วย แล้วแบบกลายเป็นว่ามัวแต่กังวลกับแมลงสาบ แต่ว่าเหมือนพอไปเรื่อยๆ อย่างนี้ ก็พยายามคิดว่ามันไม่มีอะไร มันไม่ใช่อะไรอย่างนี้ค่ะ ก็เล่นผ่านไปได้ด้วยดี"
ผู้กำกับมากฝีมือแง้มถึงฉากที่ตนเองชอบว่า "มันก็เป็นซีนที่ทั้งสองได้สร้างความทรงจำใหม่ร่วมกัน ก็อยากจะให้ลองดูว่าเป็นซีนอะไร แต่จริงๆ คือเราถามว่าชอบอะไร เราก็ชอบทั้งหมดฮะ คือพอดูหนังเสร็จออกมา ขนาดมันเป็นหนังเรื่องที่ 7 ของเรา แต่ว่าเราดูหนังเสร็จแล้วเราก็รู้สึกเหมือนโดนกระแทกเอง ทั้งๆ ที่เป็นคนทำเองฮะ แล้วเราก็รู้สึกว่าหวังว่าคนดูจะรู้สึกอะไรกับหนังบ้าง" แม้จะเป็นภาพยนตร์นอกกระแสแต่ คงเดช เชื่อว่าองค์ประกอบหลายๆ อย่างของภาพยนตร์เรื่องนี้ จะสามารถทำให้ผู้ชมเข้าถึงเนื้อหาในภาพยนตร์ได้ "เราคิดว่าด้วยหน้าหนัง ด้วยพร็อบของมันเองจริงๆ มันก็ง่ายต่อการเข้าถึงฮะ เราคิดว่าทุกคนมีอดีตของตัวเอง มีคนในอดีตของตัวเอง มีความทรงจำอะไรอย่างนี้อยู่ เราก็เลยรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็สามารถรู้สึกกับมันได้"
นางเอกสาวบอกว่าภาพยนตร์นอกกระแสไม่ได้ดูยากอย่างที่คิด "ก็อยากให้คนมาดูกันเยอะๆ อยากให้คนเปิดใจกันมากขึ้น เพราะว่าพอได้ยินว่าหนังอินดี้เนี่ยทุกคนก็จะคิดไปเลยว่ามันดูยากนะคะ แต่ว่าจริงๆ แล้วอิ้งค์เนี่ยเป็นคนที่ไม่เคยดูหนังอินดี้มาก่อนเลย แล้วก็พอได้มาเล่นหนังเรื่องนี้ได้ดูแล้วรู้สึกว่ามันไม่ได้ดูยากอย่างที่คิด เราสามารถดูแล้วก็เข้าใจได้ค่ะ แปลว่าทุกคนดูแล้วก็ต้องเข้าใจได้แน่นอนค่ะ อย่าพยายามปิดกั้นว่าหนังอินดี้ฉันจะไม่ดูหรอกมันดูยากอะไรอย่างนี้ อยากให้เปิดใจมาดูก่อน รับรองว่าบางคนอาจจะชอบค่ะ แล้วก็อาจจะคิดถึงใครหลายๆ คนที่หายไปจากชีวิตก็ได้" ส่วนผู้กำกับก็ขอฝากภาพยนตร์เอาไว้ "ก็ฝากด้วยนะครับ 24-30 นี้เราเข้ารอบพิเศษหลายโรงมากกว่าที่คิดมากเลย แล้วก็คือรอบ 2 ทุ่มเป็นต้นไปนะฮะ เช็กในเว็บของพวกเครือโรงหนังต่างๆ ได้ แล้วก็ 31 ธันวาคมก็จะเริ่มเข้ารอบปกติ ก็อยากให้มาดูกันตั้งแต่รอบพิเศษแหละ มันจะทำให้ดีงามกันไปเรื่อยๆ ก็อยากจะให้คนมาดูเยอะที่สุดครับ"
พบกับเรื่องราวที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความทรงจำ พร้อมเผชิญหน้ากับความหลังฝังใจไปพร้อมๆ กันได้ เข้าฉายรอบพิเศษตั้งแต่วันที่ 24-30 ธันวาคม 2558 และฉายรอบปกติตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคมนี้ เป็นต้นไปในโรงภาพยนตร์