เปิ้ล นาคร ฉลองแต่งงานตามฝันพร้อมภรรยาและลูกๆ
พิธีกรหนุ่มอารมณ์ดี "เปิ้ล - นาคร ศิลาชัย" ควงภรรยาสาว "จูน - กษมา มยุมาศ" ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ 6 เดือน จัดงานฉลองพิธีมงคลสมรสไปเป็นที่เรียบร้อย หลังจากที่ทั้งคู่ได้เข้าพิธีหมั้นและจดทะเบียนสมรสไปในวันที่ 9 กันยายน 2552 โดยเป็นการจัดงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสที่ทิ้งระยะเวลาพอสมควร เพื่อให้เป็นไปตามความฝันของเจ้าบ่าวที่อยากให้ภายในงานมีครอบครัวอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา คุณพ่อ คุณแม่ และลูกๆ "ออกัส - ศิศิรา ศิลาชัย" "ออร์ก้า - นครา ศิลาชัย" และ "ออกู้ด" ซึ่งยังอยู่ในครรภ์ โดยงานมงคลครั้งนี้ถูกจัดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2558 ที่ร้าน แฮปปี้ ฟิช ณ เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ ซึ่งครอบครัวศิลาชัยได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงวันสำคัญวันนี้ที่รอคอย
ความรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง
เปิ้ล "ความรู้สึกวันนี้ อย่างที่บอกนะครับ ก่อนอื่นอยากจะกราบขอบคุณพี่น้องสื่อมวลชนทุกคนนะฮะ ที่ให้เกียรติครอบครัวเรามากันเยอะขนาดนี้ เพราะว่าตลอดเวลาที่พี่เปิ้ลอยู่วงการนี้มาเกือบ 30 ปี วันนี้เป็นวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของพี่เปิ้ลนะฮะ แล้วเป็นวันที่พี่เปิ้ลรอคอย แล้วก็มันเป็นความฝัน มันเป็นความฝันที่เราเคยฝันไว้เล่นๆ เคยฝันไว้ฟุ้งๆ เคยฝัน แล้วก็ไม่นึกว่าเราจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาแล้วเจอภาพที่เกิดขึ้นจริงๆ ได้นะฮะ ซึ่งวันนี้ก็อยากจะให้ทุกคนเห็นกัน แล้วก็มาร่วมยินดีกันนะครับ แล้วในที่สุดนะฮะ สิ่งที่เคยคิดไว้ เคยคิดไว้ว่า เฮ้ย ภาพจะต้องเป็นอย่างนี้ สมาชิก ลูกของเราต้องครบอย่างนี้ แล้ววันนี้สมาชิกครบแล้วนะฮะ ก็อยากจะให้ภาพนี้มันเกิดขึ้นมาจริงๆ ในที่สุดมันก็เกิดขึ้นมาได้"
จูน "ก็ตื่นเต้นนะคะ อย่างงานนี้ก็คือมันเป็นความฝันของพี่เปิ้ลจริงๆ เลย เพราะว่าเขาเคยพูดฝันของเขา ตั้งแต่เมื่อ 12 ปีที่แล้ว ตั้งแต่เป็นแฟนกัน เราก็ไม่คิดว่าเขาจะจริงจังขนาดนี้ พอเห็นนี่มันเป็นฝันของพี่เปิ้ล แล้วก็ตามที่เขาต้องการ แล้วเราก็โอเคด้วย ก็รู้สึกว่าฝันทุกอย่างเราทำได้ มันเกินคาดที่ 12 ปีที่เราอยู่กันมา พี่เปิ้ลเขาไม่เคยสัญญาหรือว่า บอกว่าจะทำนี่ จะอะไรอย่างนี้นะคะ แล้วก็ไม่เคยขอ แต่สิ่งที่ได้กับการที่อยู่กับเขาจนถึงวันนี้ ก็รู้สึกว่าเขาให้เรามาเยอะเกินที่เราคาดหวังไว้ ก็ขอให้เขาเป็นแบบนี้แหละ ไม่ต้องมากขึ้น ให้เสมอต้นเสมอปลายแบบนี้ ก็โอเคแล้วค่ะ"
พูดถึง จูน คุณแม่ที่ดีของลูกและเป็นภรรยาที่ดีของ เปิ้ล
เปิ้ล "ก่อนหน้าที่จะเจอจูน เราก็ลองมาเยอะนะ ลองมาเยอะ มันเหมือนเราใช้ชีวิตมาพอแล้ว เราก็เคยคิดไว้ว่า ผู้หญิงที่จะอยู่กับเราไปจนตาย น่าจะเป็นแบบนี้นะๆ คือจูนเขาจะเป็นคนที่ไม่โทรตาม ไม่ยุ่ง ไม่จิกจุก ไม่ถามว่าไปไหน หรือโทรตามอย่างเก่งก็ครั้งเดียวต่อวัน ซึ่งประสบการณ์เรา ธรรมชาติของผู้หญิงส่วนมากจะไม่ค่อยเป็นอย่างนี้ หายาก เราเลยมีความรู้สึกว่า เออ คนนี้ใกล้เคียงแล้วนะ แล้วยิ่งมาวันหนึ่งเขาแสดงให้เห็นว่าถ้าไม่มีพี่เปิ้ล ฉันตายดีกว่า เราก็เลยแบบ เฮ้ย มีคนอย่างนี้ด้วยเหรอ เขาเคยพูดไว้ด้วยว่า เพราะพี่เปิ้ลอายุมากกว่าเขาไง เราก็เลยมีความรู้สึกว่า ยังไงพี่ก็ตายก่อนจูนอยู่แล้ว จูนบอกไม่ ถ้ารู้วันตายของพี่เปิ้ลได้เมื่อไร จูนจะขอตายก่อน แย่งตายก่อน เราก็เลย เออ ในที่สุดเราจะเจอเมียที่ตายก่อนเราแล้วแหละ เราเลยรู้สึกว่าเหมือนนกเงือก ถ้าตัวหนึ่งตาย อีกตัวหนึ่งก็จะตายด้วย มีอย่างนี้จริงในมนุษย์ด้วยเหรอ เราเลยรู้สึกว่าคนนี้แหละ เอามาที่หนึ่ง"
เปิ้ล รัก จูน มากขนาดไหน
เปิ้ล "รักขนาดไหน อธิบายไปมันก็เขินนะ เรามีความรู้สึกว่าตอนนี้เหมือนเขาเป็นตัวเดียวกับเรา เออ เป็นคนเดียวกัน หน่วยเป็นตัวๆ คิดเป็นนกเงือกไง เป็นคนเดียวกัน คือเหมือนเรามีแขน 4 แขน มีขา 4 ขา มีหัวใจ 2 ดวง เราก็เลยมีความรู้สึกว่าเราได้เปรียบกว่าคนอื่นนะ ถ้าเราจะเดินไปข้างหน้า เรามีความรู้สึกว่ามันเบิ้ล เหมือนโทรศัพท์เครื่องหนึ่งมีแบต 2 ก้อน มันก็ได้เปรียบกับคนอื่น จากการที่เราใช้ชีวิตคนเดียวมา แบตเตอรี่ก้อนเดียวมาตลอด แบตหมดก็ต้องรอชาร์ต แต่อย่างนี้พอแบตหมดปุ๊บ มีสำรอง เวลาเราจะคิดอะไร ตัดสินใจอะไร ก็จะมีคนมาช่วย มันคงเหมือนชีวิตคู่ทั่วไปนะฮะที่เขาเคยพูดไว้อย่างนี้แล้ว แต่พอเรามาเจอจริงๆ เออ มันดีกว่าอยู่คนเดียว เพราะก่อนหน้านี้เราเคยไง แบบนอนๆ อยู่ เป็นไข้ แล้วไม่มีใครมาดู แล้วตอนนั้นเราก็ 30 กว่า เรารู้สึก เฮ้ย เกิดตายจะตายคนเดียวหรือเปล่า ก็เลยมานั่งคิดหาคนที่จริงจังกับเรา ก็เลยได้เป็นคนนี้ขึ้นมา"
การจัดงานครั้งนี้เป็นการแหวกม่านประเพณีหรือเปล่า
เปิ้ล "ถามว่ามันแหวกม่านประเพณี แหวกกฎ กติกา ของสังคมหรือเปล่า ถ้าใครคิดว่าจะแหวก มันก็น่าจะแหวกนะ แต่ถ้าไม่แหวกเนี่ย เราก็ทำตามกฎไปเรียบร้อยแล้วเมื่อ 5 ปีก่อนนะฮะ หมั้น จดทะเบียนสมรส สินสอด ทำพิธีตอนเช้า กราบผู้ใหญ่ ทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้วฮะ ทีนี้เพียงแต่งานเย็นแค่นั้นเอง งานสังสรรค์ งานเลี้ยงสมรสแค่นั้นเองที่มันยังไม่ได้เกิด เพราะว่าอย่างที่บอกว่าเราต้องรอคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเราสองคนให้ครบก่อน เพราะฉะนั้นงานเช้ากับงานเย็นก็ต่างกันแค่ 5 ปี พี่เปิ้ลก็เลยรู้สึกว่ามันไม่แปลกนะ เพราะว่าเป็น 5 ปีที่คุ้มมาก ที่ในที่สุดก็ได้แบบนี้ (ชี้ไปที่ ออกัส และ ออร์ก้า) แล้วก็ในท้องด้วย ครบ 3 คน เพราะพี่เปิ้ลตั้งใจว่าจะมีแค่ 3 คน แล้วก็ปิดอู่เลย ใช่ฮะ ก็เลยคิดว่า เฮ้ย ตรงนี้แหละครบแล้ว แล้วก็เอาเลยดีกว่า แต่งเลย"
รูปแบบของงานเป็นอย่างไร
เปิ้ล "ธีมงานของเรา จริงๆ เราจะบอกแขกทุกคน แขกทุกคนจะถามว่า พี่เปิ้ลธีมอะไรๆ เราก็แบบ ทำไมทุกงานต้องมีธีมด้วย แล้วงานที่เราเกิดขึ้นมันเกิดจากการอยากแต่งแบบอำเภอใจของเรา เราก็เลยบอกเพื่อนๆ ไปว่าอยากแต่งอะไรก็แต่งอำเภอใจมาเลย บอกทุกคนว่าอยากแต่งอะไร อยากทำอะไรก็ทำแบบอำเภอใจ เพราะของพี่แต่ง พี่ก็อำเภอใจของพี่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นใครอยากทำอะไรก็ทำฮะ"
ความพิเศษของงานในวันนี้คืออะไร
เปิ้ล "คือความฝันของเราเนี่ย เราอยากเห็นภาพของเจ้าสาวของเราเนี่ยนะฮะ ยืนอยู่กลางแม่น้ำ แล้วก็มีท้องป่องออกมา แล้วก็มีลูกขนาบข้าง กลางแม่น้ำเนี่ยเพิ่งจะคิดได้ แต่ภาพที่เราเห็น เราอยากมอบดอกไม้ให้กับลูก กับภรรยาเรา เพราะว่าเราเคยเห็นเค้ก ที่เขาเอามีดตัดเค้กกัน แล้วก็มีตุ๊กตาอยู่บน 2 คน ตัวข้างบนหัวเค้ก เราก็มีความรู้สึกว่า เฮ้ย ทำไมไม่เป็นตัวจริงๆ เลย เราก็เลยมาสร้างให้ภาพนั้นมันเกิดขึ้นจริงๆ กลางแม่น้ำเจ้าพระยาซะเลย"
ถือว่าชีวิตครอบครัวสมบูรณ์แบบแล้ว
เปิ้ล "ก็น่าจะสมบูรณ์แบบที่สุดแล้วนะฮะ คือตอนนี้ตัวเองตายได้แล้วฮะ"
จูน "อ้าว อย่าเพิ่งดิ เฮ้ย หนี้เน้ออะไรยังเต็มอยู่เลย"
เปิ้ล "คือจัดงานนี้เสร็จนะ อะไรเสร็จปึ๊บ เราพร้อมหมดแล้ว จูนสามารถหาปลาด้วยตัวเอง หากินด้วยตัวเอง เขาก็มีบริษัทเขาเองแล้ว เขาสามารถดูแลลูกได้หมดแล้ว ตอนนี้เรามีความรู้สึกว่าทุกอย่างพร้อมหมดแล้ว ตายได้เลยตอนนี้ พร้อม แต่เหลืออีกอันหนึ่งฮะ บวชๆ ยังไม่เคยบวชครับ"
เปิ้ล วางแผนจะบวชเมื่อไร
จูน "เขาเพิ่งจะมาบอกว่าเขาจะบวชเมื่อประมาณเดือนที่แล้ว แต่เราก็คิดว่าคงพูดเล่น ปรากฏเมื่อ 2 วันที่แล้ว เขาไปคุยกับเจ้าอาวาสจริงๆ ว่าเขาจะบวช"
เปิ้ล "ไปคุยกับท่านสมเด็จฯ (สมเด็จพระธีรญาณมุนี) ที่วัดเทพศิรินทร์ฯ (วัดเทพศิรินทราวาส ราชวรวิหาร) ท่านชวนบวช ก็เลยกะจะบวช ต้นปีหน้าก็คงจะบวช คือมันอาจจะมีแต่บวชก่อนเบียด อันนี้เบียดแล้วบวช ไม่ได้ตั้งใจนะ ไม่ได้ตั้งใจ แต่พอดีพระท่านชวนด้วย แล้วเรามีความรู้สึกว่าเจ๋งดีนะ เดี๋ยวเคลียร์งานพร้อมแล้วเดี๋ยวปีหน้าค่อยบวช กุมภาฯ ครับ ประมาณครึ่งเดือน น่าจะไปบวชที่อินเดียฮะ แต่เกิดมาไม่ใช่คนอย่างนั้นนะฮะ ไม่ใช่คนดีที่จะคิดว่าไปบวชเป็นอะไรอย่างนี้ ไม่ใช่ แต่มีคนเขาบอกว่าทำแล้วดี น่าลอง"
จูน รอคอยนานไหมกว่าจะได้ใส่ชุดแต่งงาน
จูน "จริงๆ แล้วจูนผ่านไปแล้ว ไม่ได้มารอตรงนี้ เหมือนครั้งที่แล้ว เมื่อ 5 ปีก็ได้ใส่ อันนั้นตื่นเต้นที่สุดแล้ว ตอนนี้เหมือนมันทิ้งระยะมาแล้ว แต่พอใกล้ๆ จริงๆ ก็รู้สึกตื่นเต้น ตื่นเต้นว่า เฮ้ย จะได้ใส่อีกครั้งหนึ่งแล้วนะ ครั้งนี้ก็มีลูกๆ แล้วครั้งนี้พี่เปิ้ลเขาเตรียมการ คิดอะไรมาตลอด เพราะว่างานนี้จูนไม่ได้ยุ่งเลย พี่เปิ้ลดูแลทุกอย่าง เราก็เลยรู้สึกว่างานนี้เขาซีเรียส เขาจริงจังมาก ก็เลยอยากเห็นงานนี้ออกมาตามที่ฝันพี่เปิ้ล"
ทำไม จูน ถึงยอมทำตามความฝันของ เปิ้ล
จูน "เพราะว่ามันก็ไม่ได้เสียหายอะไรใช่ไหมคะ แล้วก็สิ่งที่พี่เปิ้ลเขาให้จูนมาก่อนหน้านี้แล้วที่เราคบกันมา มันเกินทุกอย่างที่เราฝันเอาไว้เหมือนกัน ที่เราได้จากผู้ชายคนนี้ แล้วนี่มันเป็นแค่ฝันเขาทั้งชีวิต ก็โอเค มันไม่ได้เป็นเรื่องอะไรใหญ่มากหรือเกินตัวเราก็โอเค ถ้าเป็นฝันเขา เรายินดีที่จะสนับสนุนทุกอย่างให้เขาอยู่แล้วค่ะ"
จุดเริ่มต้นของแนวคิดนี้
เปิ้ล "คือจริงๆ แล้วมันเกิดจากตอนที่เรียนจบมหาลัยใหม่ๆ มันมีคำๆ หนึ่ง เพื่อนเคยบอกว่า เฮ้ย ดูงานแต่งงานพ่อแม่ เพื่อนก็ถามว่าแล้วฉันอยู่ไหนในงานนั้น มันก็เลยเกิดเป็นประกายตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เราก็เลยคิดว่า วันหนึ่งนะลูกของเราจะต้องไม่ถาม เพราะเขาจะได้อยู่ในงานวันนั้นด้วย ก็เลยสร้างตรงนี้ขึ้นมา"
นิยามของครอบครัว ศิลาชัย
เปิ้ล "คือนิยามของครอบครัวเรา อยากจะบอกว่าเป็นไปแบบธรรมชาติฮะ เราไม่มีวัฒนธรรมในการเลี้ยงดูที่สืบต่อกันมาแบบเจ้าคุณปู่หรือว่าหลวงอะไรต่างๆ หรือว่าปู่ย่าตายายสอน เราไม่มี ก็เลยเลี้ยงดูตามความรู้สึกของเรา แล้วเลี้ยงดูแบบธรรมชาติ เพียงแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนแค่นั้นเองที่เราสอนลูกเรา"
เปิ้ล มีของขวัญอะไรมอบให้กับ จูน หรือเปล่า
จูน "ไม่มี เพราะมันจบไปตั้งแต่ตอนนู้นแล้ว วันนี้ก็คือเหมือนมากินข้าว"
เปิ้ล "จริงๆ เจตนาของเรา งานนี้เนี่ยเราอยากจัดงานให้กับพี่น้องสื่อเราเป็นหลักด้วย มาทีไร ถ่ายกันเสร็จแล้วก็แยกย้ายกลับบ้าน ไม่รู้จะอยู่ด้วยกันหรือเปล่า อยากจะให้อยู่ แล้วอยู่ร่วมกินข้าวกัน เฮฮา ฟังดนตรี เพลงเพราะๆ กัน ถ้าเป็นไปได้ ถ้าทุกคนอยู่กัน อยากจะเรียนเชิญตรงนั้นมากกว่า ตรงนี้คือประเด็นที่สำคัญ"
เปิ้ล มีอะไรอยากบอกไหม
เปิ้ล "ก็อยากให้รอดูพิธีมอบดอกไม้นะฮะ ที่ตั้งใจไว้จะมอบให้กับภรรยาและลูก ก็น่าจะเป็นภาพที่ได้ดั่งฝันไว้ แล้วก็สุดท้ายอย่างที่เราคิดไว้ ตอนนี้สิ่งที่ทำไว้ให้กับเขา เรารู้สึกว่าเต็มที่ของเราแล้ว เราพร้อมที่จะตายได้แล้ว ที่เหลือเขาเต็มที่ได้ ทำอะไรต่อได้เลย แต่อยากจะบอกว่าอีก 30 ปีฮะ ถึงจะเสียชีวิต"
เปิ้ล บอกรัก จูน หน่อย
เปิ้ล "(ยิ้ม) ไม่เคยบอก อยากจะบอกว่ารักเขามาก แล้วก็ขอบคุณที่เกิดมาเป็นแม่พันธุ์ให้เปิ้ลนะฮะ เขาเป็นแม่พันธุ์ที่ดีจริงๆ ของเปิ้ลในชาตินี้ ชาติหน้าถ้าได้เกิดขึ้นเป็นคนอีก ก็จะขอแม่พันธุ์คนนี้ตามไปชาติหน้าด้วยครับผม"
คำมั่นสัญญาที่ให้กัน
จูน "พี่เปิ้ลไม่เคยมีคำมั่นสัญญา หรือว่าพี่จะทำแบบนี้ พี่แบบนี้ พี่จะอย่างนี้ ไม่มีเลย คือกับพี่เปิ้ลเนี่ยไปหวังอะไรไม่ได้เลย (หัวเราะ) ก็คืออย่างที่บอกไปตอนแรกค่ะ ว่าพี่เปิ้ลเขาไม่เคยสัญญา แต่เขาทำให้เห็น ก็เลยเกินฝันที่จูนได้จากเขามา 12 ปี เพราะเราก็ไม่คิดว่าเขาจะปฏิบัติกับครอบครัว ดูแลครอบครัว หรือกับจูนเอง ไม่เคยมีปัญหาให้จูน ก็เลยไม่ขออะไรเขา"
เปิ้ล "หลายคนก็คาดไม่ถึงใช่ไหมครับ ว่าเปิ้ลจะเป็นคนแบบนี้"
จูน "ก็เลยขอให้เขาเป็นอย่างนี้แหละ ไม่ต้องอะไรมากกว่านี้ เอาแบบนี้แหละ โอเคแล้ว"
บรรยากาศในงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสเต็มไปด้วยความอบอุ่นและสนุกสนาน จุดเด่นของงานที่เจ้าบ่าวต้องการให้ผู้ร่วมงานทุกคนได้ชมกัน คือช่วงเวลามอบช่อดอกไม้ให้กับภรรยาและลูกๆ ซึ่งยืนรออยู่บนเรือยอร์ชกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วน เปิ้ล ทะยานด้วยฟลายบอร์ด เครื่องเล่นกีฬาทางน้ำที่ใช้แรงดันน้ำในการผลักดัน นำช่อดอกไม้ไปให้ ซึ่งเป็นภาพที่เจ้าบ่าววาดฝันเอาไว้และก็สามารถทำให้เป็นจริงได้ ทำเอาผู้ร่วมงานตื่นตาตื่นใจ เมื่อมอบช่อดอกไม้เสร็จยังมีการจุดพลุสร้างสีสันอีกด้วย ภายในงานยังได้รับเกียรติจาก "พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์" องคมนตรีมาเป็นประธานในพิธี ร่วมดื่มฉลองให้กับคู่บ่าวสาว โดย เปิ้ล กล่าวความรู้สึกหลังทำตามความฝันสำเร็จว่า "มันไม่ใช่เป็นการโชว์ความสามารถ แต่มันเป็นการทำตามสัญญา ถึงแม้พยายามแล้ว จะจมน้ำแล้วพุ่งขึ้นมา จมแล้วขึ้น จมแล้วขึ้น จมแล้วขึ้น แต่ผมถือว่าผมพยายามทำในสิ่งที่ฝันแล้ว"
สำหรับคนในวงการบันเทิงที่มาร่วมแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว นำโดย "ประวิทย์ มาลีนนท์" พร้อมด้วย "อัมพร มาลีนนท์" "หน่อง - อรุโณชา ภาณุพันธุ์" "สรยุทธ สุทัศนะจินดา" "ม้า - อรนภา กฤษฎี" "แหม่ม - สุริวิภา กุลตังวัฒนา" "เน็ก - เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา" "นุ้ย - สุจิรา อรุณพิพัฒน์" พร้อมสามี "ปอนด์ - ชยพล หลีระพันธ์" "แพนเค้ก - เขมนิจ จามิกรณ์" กับหวานใจ "สารวัตรหมี - พ.ต.ต.ศักดิ์สุนทร เปรมานนท์" "วู้ดดี้ - วุฒิธร มิลินทจินดา" "โจอี้ บอย" "ตั๊ก - บริบูรณ์ จันทร์เรือง" และ "มิค - บรมวุฒิ หิรัณยัษฐิติ" ซึ่งของชำร่วยในงานนี้เป็นสมุดโน้ตหุ้มด้วยหนังสีน้ำตาล พร้อมมีพวงกุญแจห้อยเป็นข้อความว่า "Thank You"