เบื้องหลังการทำงาน อารมณ์ อาถรรพณ์ อาฆาต ฉบับฮ่องกง
อารมณ์ อาถรรพณ์ อาฆาต (Three) ภาพยนตร์ตื่นเต้นเขย่าขวัญเกี่ยวกับเรื่องราวลี้ลับ ซึ่งเป็นผลงานการร่วมทุนสร้างอย่างยิ่งใหญ่ของ ไทย ฮ่องกง เกาหลี 3 ชาติที่มีศักยภาพในการผลิตภาพยนตร์ จากฝีมือของ 3 ผู้กำกับ ได้แก่ คิม จีวูน จากเกาหลี, นนทรีย์ นิมิบุตร จากประเทศไทย และ ปีเตอร์ ชาน จากฮ่องกง
สำหรับภาพยนตร์เรื่อง อารมณ์ อาถรรพณ์ อาฆาต เป็นการถ่ายทอดความน่าสะพรึงกลัว ความเชื่อ เหตุการณ์ลี้ลับที่อยู่คู่กับมนุษย์ทุกคน โดยแตกต่างในรายละเอียดของแนวคิด มุมมองของแต่ละวัฒนธรรมของแต่ละชาติออกเป็นหนัง 3 เรื่องด้วยกัน
สำหรับวันนี้เป็นโอกาสอันดีที่จะได้มีโอกาสสัมผัสถึงเบื้องหลังกล้อง และการทำงานของผู้กำกับระดับอินเตอร์อย่าง ปีเตอร์ ชาน ซึ่งเป็นผู้กำกับเรื่อง The Going Home หนึ่งในความน่าสะพรึงกลัวจากภาพยนตร์เรื่อง Three อารมณ์ อาถรรพณ์ อาฆาต ถึงเกาะฮ่องกงเลยทีเดียว
"สำหรับภาพยนตร์เรื่อง Three ในส่วนที่ผมกำกับมีชื่อว่า The Going Home เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งรักภรรยาของตัวเองมาก ชีวิตทั้งหมดของเขามีเพียงภรรยาที่เป็นสิ่งเดียวที่เขายึดติดอยู่ ถึงแม้ว่าภรรยาของเขาจะตายไปแล้ว แต่เป็นเพราะความคิดและความรู้สึกตลอดเวลาที่ว่าภรรยาเขายังไม่ตาย ทำให้เขายังคงเก็บร่างของภรรยาตัวเองไว้ ไม่สนใจสิ่งอื่นใดที่อยู่รอบๆ ข้าง และยังคงปฎิบัติและทำทุกอย่างเหมือนกับว่าภรรยาเขายังมีลมหายใจ"
ปีเตอร์ ชาน เล่าให้ฟังถึงโครงเรื่องย่อๆ ของภาพยนตร์ที่เขารับผิดชอบใน Three ซึ่งเป็นการกลับมาทำหน้าที่ผู้กำกับอีกครั้ง หลังจากที่ประสบความสำเร็จกับเถี่ยนมี่มี่ จนทำให้มีโอกาสได้เดินทางไปกำกับหนังฮอลลีวู้ดเรื่อง Love Letter ให้กับสตูดิโอดรีมเวิร์คส์ของพ่อมดแห่งฮอลลีวู้ดอย่างสตีเว่น สปีลเบิร์ก และการกลับมาครั้งนี้เป็นการกลับมาร่วมงานอีกครั้งกับหลีหมิงนักแสดงแถวหน้าของเกาะฮ่องกง
"ที่ผมตัดสินใจเลือกหลีหมิงมาเล่นในภาพยนตร์เรื่อง Three เป็นเพราะว่าเขาเหมาะกับบทพระเอกของหนังเรื่องนี้มาก เพราะการที่คอนเซ็ปท์ของหนังเรื่องนี้นำเสนอเรื่องราวลึกลับ เหนือจริง ทำให้ผมเลือกทำหนังที่ไม่ได้เน้นว่าจะต้องเป็นเรื่องโบราณ ถึงแม้ว่าหนังของผมเดินเรื่องในปัจจุบัน แต่ผมก็ไม่ได้ต้องการที่จะบอกว่าเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสมัยใด นี่คือความตั้งใจของผม และการที่ผมเลือกตัวหลีหมิงเพราะหลีหมิงเป็นคนที่หน้าตาเหมือนคนโบราณมาก เขาไม่ดูเหมือนคนสมัยใหม่ เหมือนพระเอกจากจีนแผ่นดินใหญ่ในยุคสมัย 30-40 ซึ่งในหนังเขาเล่นเป็นหมอจีน ที่วันๆ จะอยู่แต่ในห้อง ซึ่งเป็นอพาร์ทเมนท์ที่ไม่มีใครอยู่กับแฟน
และเพื่อให้ได้บรรยากาศเหมาะกับหนังที่เน้นอารมณ์ชวนขนลุกจากฝีมือของ ปีเตอร์ ชาน ผู้กำกับระดับอินเตอร์การเลือกโลเกชั่นในการดำเนินเรื่องจึงเป็นส่วนสำคัญ โดยทีมงานได้ยกกองไปปักหลักถ่ายทำที่บริเวณแฟลตตำรวจร้าง ที่ชื่อว่าอาร์เบอร์ดีนในแถบย่านที่เรียกว่าฮอลลีวู้ดโรดของเกาะฮ่องกง
" ลเกชั่นหลักที่ผมเลือกใช้ในการถ่ายทำ อยู่ในบริเวณเซ็นทรัลที่เขาเรียกว่าใจกลางเมืองของฮ่องกงเลยทีเดียว ที่นี่เป็นที่ที่เก่ามากๆ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นหอพักตำรวจมาก่อน เป็นบันทึกหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ฮ่องกงในยุคที่ฮ่องกงยังคงเป็นของอังกฤษ แต่ว่าตอนนี้ร้างแล้วไม่มีใครอยู่ สังเกตดูว่า ไม่ว่าจะเป็นบานหน้าต่าง กระจกก็จะแตกๆ กันไปหมดแล้ว ซึ่งผมเชื่อว่าอีกไม่นานตึกแห่งนี้ก็คงจะต้องถูกรื้อทิ้ "
นอกจากที่มาที่ไปของโลเกชั่นแล้ว ปีเตอร์ ชาน ยังเล่าให้ฟังถึงความสำคัญของฉากและโลเกชั่นที่ใช้ในการถ่ายทำได้อย่างน่าสนใจ
" ำหรับภาพยนตร์เรื่อง Three ในส่วนที่ผมรับผิดชอบ เหตุการณ์ทั้งหมดจะเกิดขึ้นที่นี่ เพราะในหนังอพาร์ทเมนท์ที่เราเห็นในเรื่องก็จะมีสภาพที่ดูลึกลับ เงียบเชียบ ดูน่ากลัวๆ และที่สำคัญคือเกือบจะร้างอยู่แล้ว เพราะคนส่วนใหญ่ต่างย้ายออกไปอยู่ที่อื่นกันเกือบหมด มีเพียงคนแก่ที่เป็นคนเฝ้าอพาร์ทเมนท์ และครอบครัวที่พักอาศัยในตึกแห่งนี้อยู่ 2 ครอบครัว มีนายตำรวจคนหนึ่งที่เพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่กับลูกชาย ส่วนอีกครอบครัวหนึ่งเป็นหมอจีนหนุ่ม ที่ซึ่งวันๆ ไม่ไปไหน อาศัยอยู่แต่ในห้องกับเมีย ต้มยาคอยรักษาเมียทุกวันๆ โดยผสมตัวยาให้เมียอาบ แช่น้ำในยาจีนทุกวันๆ ซึ่งก็จะใช้ยาจีนเป็นจำนวนมาก ซึ่งฉากที่ใช้ถ่ายทำวันนี้ก็จะเป็นกิจวัตรประจำวันอย่าหนึ่งที่หลีหมิงต้องทำทุกวัน คือเอายาจีนที่ใช้แล้วไปเททิ้ง ซึ่งเราก็ต้องถ่ายตัวหลีหมิง รวมทั้งพื้นที่เป็นร่องรอยของยาจีนที่ไหลเป็นทางๆ ซึ่งยาแต่ละตัวก็จะมีสีแปลกๆ ออกไป"
และนี่ก็เป็นเพียงบางส่วนของการทำงาน ในภาคฮ่องกง ของ อารมณ์ อาถรรพณ์ อาฆาต หรือ Three ภายใต้การทำงานของ ปีเตอร์ ชาน ผู้กำกับระดับอินเตอร์ที่โลกภาพยนตร์ล้วนรู้จักเขาเป็นอย่างดี เป็นอีกย่างก้าวสำคัญของการร่วมงานในโปรเจ็คต์ระดับโลกที่สหมงคลฟิล์ม และซีเนมาเชียรับผิดชอบในส่วนของประเทศไทย พร้อมแล้วที่ประกาศศักยภาพและผลักดันให้โลก ได้สัมผัสถึงความสามารถที่ไม่เคยเป็นรองใครของคนเอเชีย