The Room ห้อง/หลอก/หลอน ซ่อนความผวาในพื้นที่แคบ
แนวภาพยนตร์ที่อยู่คู่กับคนไทยและมักทำเงินได้เสมอคือภาพยนตร์สยองขวัญ ซึ่งผู้กำกับรุ่นใหม่ไฟแรง "ปี๊ด - ปัญจพงศ์ คงคาน้อย" ที่เคยฝากฝีไม้ลายมือไว้ในภาพยนตร์เรื่อง "ชัมบาลา" ขอหันมาจับกระแสผีบ้าง โดยครั้งนี้ ปี๊ด สร้างสรรค์ผลงานร่วมกับเพื่อนผู้กำกับ "นิว - อิทธิศักดิ์ เอื้อสุนทรวัฒนา" และ "โดม - จะเด็ด เอื้อยฉิมพลี" หยิบเอาความหลอนมาใส่ในห้อง สถานที่ที่ทุกคนรู้สึกเมื่ออยู่ในนั้นแล้วจะปลอดภัย จึงเป็นที่มาของภาพยนตร์ "The Room ห้อง/หลอก/หลอน" ซึ่งประกอบด้วยเรื่องราวของ 3 ห้อง 3 เรื่องราว และ 3 ระยะเวลา และเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2557 ได้มีงานแถลงข่าวภาพยนตร์ขึ้น ณ โรงภาพยนตร์เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน
อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ผู้กำกับคนนี้หันมาทำภาพยนตร์สยองขวัญ ปี๊ด เผยว่าอยากจะขายความเป็นผีในมุมมองที่ต่างออกไป "จริงๆ แล้วไม่ได้โดนหนังผีที่ไหนหลอก เราก็พยายามมองโจทย์ว่าหนังอะไรเข้ากับสังคมไทยมากที่สุด ซึ่งมันก็มีไม่กี่แนว เราคิดว่าหนังสยองขวัญหนังผีน่าจะทำให้คนดูได้รับอรรถรสหรือความสนุกมากกว่าหนังแนวอื่น ก็เลยคิดว่าเรามาลองทำหนังแนวนี้ดูไหม ก็เลยคิดว่าเป็นโจทย์ว่าทำหนังสยองขวัญ แนวผี เราจะเล่นกับเรื่องอะไรดี ก็คิดว่าคนเขาเล่นกับเรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ความน่ากลัวหลายๆ อย่างไปแล้ว แต่ยังไม่ค่อยมีใครเล่นเรื่องของสเปซ ผมมีความเชื่อว่าจริงๆ มนุษย์เราทุกคนไม่ได้กลัวผีหรอก เรากลัวสิ่งที่เราจินตนาการไปเอง ยิ่งเราได้อยู่ในที่แคบๆ เวลาที่เราอยู่ในที่มืดๆ สิ่งที่เราเห็นบางทีมาจากจินตนาการเรา ก็เลยคิดว่าเราทำหนังผีที่มันอยู่สเปซแคบๆ ดีไหม น่าจะเป็นแนวทางใหม่ให้กับคนที่ดูหนังไทยได้เลือกครับผม"
The Room ห้อง/หลอก/หลอน แบ่งเนื้อหาออกเป็น 3 ตอน เริ่มจาก "โซนาต้า สีเขียว" ที่ถูกถ่ายทอดผ่านตัวละครสามีภรรยาคู่หนึ่ง รับบทโดย "โอซา แวง" (Ase Hui Min Wang) กับ "เป้ - ทวีฤทธิ์ จุลละทรัพย์" โดย ปี๊ด ผู้กำกับตอนนี้เล่าว่า "ผมพยายามบอกคุณผู้ชมว่าจริงๆ แล้วความรักเป็นสิ่งที่สวยงามและบริสุทธิ์ ถ้าเกิดเมื่อไรก็ตามที่เราทำในสิ่งที่ผิด สิ่งนั้นก็จะเป็นผลกลับมาสู่ตัวเรา ซึ่งอาจไม่ใช่ความน่ากลัวอย่างเดียว ในชีวิตจริงอาจจะเป็นเรื่องของความแตกร้าวความร้าวฉานก็ได้" ด้าน โอซา แง้มความรู้สึกที่ได้แสดงภาพยนตร์ว่า "ฉันมีความสุขมากที่ได้ทำงานกับพี่ปี๊ด แล้วก็เป็นเรื่องที่สองที่ได้เจอกัน (ถัดจาก ชัมบาลา) พี่ปี๊ดได้สอนในเรื่องของการแสดง สำหรับบทของฉัน คือ แอนนา เธอเป็นคนที่มีความเชื่อในความรักมากและศรัทธาคุณหลวง (รับบทโดย เป้) มาก แล้วมันมีบางอย่างที่เกิดขึ้นในระหว่างนั้น มีการผิดพลาดเกิดขึ้น สุดท้ายแล้วแอนนาก็เปลี่ยนไป"
อีกหนึ่งตอนที่ได้ นิว มากำกับ เรื่องราวสยองขวัญที่มีความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง หวานตั้งแต่ชื่อตอน "ฮันนีมูน สวีท" เรื่องราวของโชคชะตาที่นำพาหนึ่งหนุ่มกับหนึ่งสาวมาพบกัน โดยมี "พิ้งกี้ - สาวิกา ไชยเดช" มาประกบกับพระเอกน้องใหม่ "อติล่า อาร์เธอร์ อภิชาติ กานโยซ์" ซึ่งนางเอกสาวเผยเรื่องราวในตอนนี้ว่า "รับบทเป็น เปิ้ล ค่ะ เป็นสาววัยรุ่นที่อกหักจากความรักแล้วก็ไปเที่ยวกับเพื่อน ก็ไปเจอพระเอกเขาที่ร้านแห่งหนึ่ง ก็เลยพบรักกัน สุดท้ายแล้วของเรื่องนี้ค่ะ มันก็จะเหมือนว่าคนเราถ้าเกิดมาคู่กันแล้วก็ไม่แคล้วกัน สุดท้ายก็ต้องอยู่ด้วยกัน"
และห้องสุดท้ายของภาพยนตร์ คือตอน "17.00 น." ที่ได้ โดม มากำกับ อีกทั้งยังมีสองนักแสดงที่บุคลิกต่างกัน คือ "โต้ - สุหฤท สยามวาลา" และ "บีม - กวี ตันจรารักษ์" มาประชันบทบาท ซึ่ง ปี๊ด พูดแทนผู้กำกับและนักแสดงของตอนนี้ที่ไม่สามารถมาร่วมงานได้ว่า "เป็น 17 นาฬิกา เพราะเรื่องเกิดตอน 17 นาฬิกา สิ่งที่น่าสนใจคือเคมีของคน 2 คนนี้ โต้ สุหฤท เป็นดีเจ เป็นผู้บริหารธุรกิจระดับบิ๊ก บีม กวี เป็นนักแสดงระดับพระเอก ซึ่งด้วยไลฟ์สไตล์ด้วยทุกอย่างแล้ว มันไม่มีทางจะเข้ากันได้หรอก แต่พอเขาอยู่กันในหนัง 17 นาฬิกา มันก็เป็นเคมีบางอย่างที่น่าสนใจเหมือนกัน เราก็เลยเลือกเขาสองคนมาเล่น ซึ่งมันเป็นเรื่องของคนหลายๆ คนที่เข้าไปอยู่ในห้องนี้แล้วไม่รู้ว่าตัวเราเองอยู่ในสถานะไหน ในช่วงเวลา 17 นาฬิกาของทุกวัน"
ก่อนจบ ปี๊ด เผยถึงความรู้สึกบางอย่างว่า "ผมและน้องๆ ทุกคนที่ผมเรียกมาทำงานในโปรเจกต์นี้นะครับ เราเป็นคนทำหนัง สิ่งที่เราทำเราทำด้วยความรู้สึก เราเต็มที่กับมันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราต้องการคือผลตอบรับจากผู้ชม วันก่อนผมอ่านในนิตยสารอยู่เล่มหนึ่ง และหนังไทย 5 เรื่องที่ได้รายได้น้อยที่สุด อยู่ที่ 29,000 บาท ผมแบบนี่เหรอประเทศไทย ศิลปะคือดัชนีของการวัดว่าประเทศนี้มีวัฒนธรรม มีความศิวิไลซ์ขนาดไหน ตอนนี้มีโอกาสดูหนังไทยเถอะครับ ถึงตั๋วจะแพงบ้าง มันก็เลือกวันได้ แล้วก็เวลาเข้าไปก็อย่าเปรียบเทียบกับหนังต่างประเทศ เพราะว่าทุนไม่เหมือนกัน เวลาไม่เหมือนกัน ลองเอามาเท่าๆ กันแล้วให้ผู้กำกับไทยทำสิครับ แล้วถ้าไม่ดีค่อยมาบอกกัน เพราะฉะนั้นอยากให้ลองมาสัมผัสดูก่อน เปิดใจเข้าไปโดยเฉพาะเรื่อง The Room คุณอยากดูหนังอีโรติกมี คอเมดีมี คุณอยากดูผีเหรอมี ในเชิงลึกมี มีจนครบหมดแล้ว ทั้ง 3 ห้อง เพราะฉะนั้นเนี่ยฝากไว้ด้วยละกัน 5 มิถุนายน ก็ซื้อตั๋วเข้าไปชมในโรงภาพยนตร์ก่อน ถ้าชอบค่อยซื้อดีวีดีทีหลัง"
The Room ห้อง/หลอก/หลอน 3 เรื่องราวที่เกิดขึ้นในสถานที่ที่เรียกกันว่า ห้อง บริเวณที่ทุกคนคิดว่าปลอดภัย แต่ครั้งนี้อาจกลายเป็นความผวา ชวนทุกคนมาสัมผัสความน่าสะพรึงกลัวที่ปนเปด้วยความใคร่ ความหวาน และความฮา ที่โรงภาพยนตร์ตั้งแต่วันที่ 5 มิถุนายน 2557 เป็นต้นไป