1. สยามโซน
  2. ภาพยนตร์
  3. ข่าววงการภาพยนตร์

สร้างปรากฏการณ์ความมันอีกครั้งใน ต้มยำกุ้ง 2 แบบ 3 มิติ

สร้างปรากฏการณ์ความมันอีกครั้งใน ต้มยำกุ้ง 2 แบบ 3 มิติ

"ต้มยำกุ้ง" เป็นภาพยนตร์ที่สร้างความภาคภูมิใจให้คนไทย ประสบความสำเร็จในการออกฉายทำรายได้ในบ้านเราเกือบ 200 ล้านบาท และสำคัญไปกว่านั้นคือเป็นภาพยนตร์ไทยที่ติดอันดับภาพยนตร์ทำเงินในหลายๆ ประเทศมาแล้ว จากความสำเร็จดังกล่าวส่งผลให้เกิด "ต้มยำกุ้ง 2" ที่กำลังจะกลับมาสร้างความมันให้ผู้ชมอีกครั้ง และยิ่งใหญ่กว่าเดิมด้วยการเป็นภาพยนตร์แอ็กชัน 3 มิติเรื่องแรกของประเทศไทย งบประมาณการสร้างกว่า 500 ล้านบาท จากฝีมือการกำกับของ "ปรัชญา ปิ่นแก้ว" ร่วมด้วยการออกแบบฉากต่อสู้โดย "พันนา ฤทธิไกร" และนักแสดงนำ "จา - จาพนม ยีรัมย์" สุดยอดนักบู๊ของไทยเช่นเดิม นอกจากนี้ยังมีนักแสดงมาผนึกความมัน อาทิ "จีจ้า - ญาณิน วิสมิตะนันทน์" "เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา" หรือ "หม่ำ จ๊กมก" "หญิง - รฐา โพธิ์งาม" ความพิเศษเพิ่มเติมคือได้ "ริซา" (RZA) และ "มาร์รีส ครัมป์" (Marrese Crump) สองนักแสดงต่างชาติมาร่วมประชันความระ่ำห่ำ ซึ่งได้แถลงข่าวเปิดตัวภาพยนตร์ไปแล้ว เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2556 ณ โรงภาพยนตร์ เอสเอฟเวิลด์ ซีเนม่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

ปรัชญา ให้เหตุผลที่ทำ ต้มยำกุ้ง ภาค 2 เป็น 3 มิติว่า "เพราะว่าเทคโนโลยีของโรงภาพยนตร์มันเปลี่ยนไปอยู่แล้วครับ แล้วผมว่าหนังแอ็กชันกับหนังทรีดีเหมาะกัน มีโอกาสที่เราจะได้เล่นความลึกความตื้น เราใช้กล้องเซ็ตเดียวกับที่เมืองนอกใช้ แต่ว่าเป็นสองกล้องอยู่ ผมว่าในอนาคตผมว่าอาจจะเป็นกล้องเดียวสองเลนส์การทำงานอาจสะดวกกว่านี้ แต่ว่าปัจจุบันใช้สองกล้อง แล้วก็การทำงานอาจจะยุ่งยาก น้ำหนักของกล้องอาจจะมาก" ส่วนความแตกต่างจากภาคที่แล้วนั้น ผู้กำกับเผยว่า "ต้องมีความใหม่ เพราะว่าเราต้องถือว่าหนังเกี่ยวกับแอ็กชันมวยไทยเรามาถึงวันนี้สำหรับคนไทยด้วยกันจะรู้สึกว่าไม่ใหม่แล้ว เพราะฉะนั้นความใหม่ต้องเข้าไปอยู่ในส่วนอื่นๆ ที่เราจะต้องคิดใส่เข้าไปในหนังครับ แต่ว่าเนื้อหาเรามีความต่อเนื่องจากภาคแรก แต่ว่าสิ่งที่เราจะต้องใส่คือฉากแอ็กชันครับ ต้องดีไซน์อะไรใหม่ๆ ขึ้น ส่วนตัวผมเป็นคนชอบอะไรใหม่ๆ ผมเป็นคนที่เบื่ออะไรง่ายอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นหนังเรื่องนี้ ต้มยำกุ้ง ภาค 2 เนี่ย มั่นใจได้ว่าสิ่งใหม่ๆ อยู่ในหนังเพียบ"

ในส่วนของฉากบู๊ที่จะมาสร้างความมันให้ผู้ชมนั้น พันนา เล่าว่า "จริงๆ เป็นเรื่องใหม่สำหรับผมมาก สามมิติ การเคลื่อนไหวของกล้องไม่เหมือนกับการถ่ายธรรมดา การออกแบบคิวบู๊เราจะใช้วิธีการเดิมคือการต่อสู้แบบสมจริง หาคนต่อสู้ได้เก่งที่สุด ฉากเสี่ยงอันตราย แต่มันไม่พอไง โจทย์ของคุณปรัชญาไม่พอต้องเติมองค์ประกอบที่น่าดูแล้วก็ยิ่งใหญ่มากขึ้น โดยเฉพาะองค์ประกอบ อย่างเช่น ฉากมอเตอร์ไซค์นี่ยากมาก เสี่ยงตายมากมาผสมกับสามดี ซึ่งกล้องอยู่ขอบตึก 5 ชั้น แล้วกล้องตัวใหญ่มาก ไม่รู้ว่าคนหรือสตันต์จะตกก่อนกล้อง"

ฟากนักแสดงสาว จีจ้า เจ้าของฉายา เล่นจริง เจ็บจริง ต้องมารับบท ปิงปิง ฝาแฝดคนพี่ แน่นอนว่ายังคงความบู๊เช่นเดิม "แต่แรกเลยเนี่ยจ้าเล่นแอ็กชันมาก่อน ในเรื่องจะมีความยากขึ้น คือจ้าเล่นกับ วานวาน (ธีรดา กิตติศิริประเสริฐ) คนที่มาเล่นเป็นแฝดน้องเนี่ย มีความยากขึ้น เพราะว่าเราต้องซ้อมคิวทุกอย่างที่พี่ปรัชอยากได้เนี่ย จะต้องเป็นฝาแฝดที่เล่นแอ็กชันจังหวะสอดคล้องกัน รับส่งคู่กันได้ สังเกตดูเวลาเล่นแอ็กชันคือเราจะไปด้วยกันตลอด จ้าเตะปุ๊บวานวานเข้าต่อยปั๊บ คือจะมีรุกรับหลบพร้อมๆ กัน"

ส่วน หญิง ถือเป็นการพลิกบทบาทเป็นสาวนักฆ่าครั้งแรกในบทของ ทเวนตี โดยจะเห็นลักษณะการแต่งตัวที่แปลกตาขึ้น "พอคาแรกเตอร์เป็นนักฆ่า พี่ปรัชก็เลยมองอะไรที่ค่อนข้างเกินความจริงนิดนึง เหมือนกับซูเปอร์ฮีโร่ การแต่งตัวต้องเกินมนุษย์ขึ้นไปนิดนึง เพื่อคาแรกเตอร์ของตัวละครด้วย" นอกจากนี้ หญิง ยังเปิดใจที่ได้มาเล่นบทบู๊ว่า "ต้องบอกว่าหญิงอยากเล่นหนังแอ็กชันมานานแล้ว จริงๆ โดยนิสัยพื้นฐานหญิงไม่ค่อยเป็นผู้หญิงสักเท่าไร ก็จะแมนๆ เพียงแต่ว่าในชีวิตจริงหญิงคงจะไม่สามารถไปเตะต่อยกับใครได้ สำหรับตัวหญิงเองคาแรกเตอร์ของทเวนตี เป็นผู้หญิงที่นิ่งๆ แล้วก็ใช้เสน่ห์ของตัวเองในการฆ่าคน ก็เรียกได้ว่าเป็นเหมือนผู้ชายสุดท้ายก็ต้องแพ้ผู้หญิง ก็ใช้เสน่ห์ส่วนหนึ่งแล้วก็ใช้เรื่องความแข็งแรง แล้วก็จะมีลักษณะของผู้หญิงที่มีอะไรแล้วเก็บไว้ในใจลึกๆ แต่ว่าในความลึกเธอก็มีความอ่อนไหวบางอย่างซ่อนอยู่"

อีกหนึ่งตัวละครที่เรียกได้ว่าสร้างเสียงหัวเราะในเรื่อง คือ จ่ามาร์ค รับบทโดย หม่ำ จ๊กมก เจ้าของบทนี้เผยความบู๊ในภาค 2 ว่า "ก็ประมาณหนึ่งครับ ก็โอเค เป็นสไตล์ของผม เอาเหมือนเขาไม่ได้ ก็ต้องเป็นแบบเอาฮาๆ แต่ก็มีบ้าง เหนื่อยเหมือนกัน แต่ดีผมเล่นได้ทีเดียวก็มีดับเบิลมาแทน ผมไม่ไหวหน้ามืด อายุมากแล้ว" หม่ำ ยังแง้มว่าภาคนี้เข้มข้นกว่าเดิม "ผมรู้สึกว่าเรื่องจะเข้มข้นมากกว่าเดิมครับ รู้สึกว่าผมไปภาคซ่อมมาผมดูแทบจะครึ่งเรื่อง ประมาณครึ่งเรื่องเกือบจบเหมือนกัน รู้สึกว่าเรื่องน่าติดตามกว่าภาคแรกมาก"

ส่วนบทของ แอลซี พ่อค้าอาวุธข้ามชาติ ได้ ริซา มาแสดง ผู้กำกับเล่าถึงที่มาว่า "คือเขาชื่นชอบผลงานของพวกเราตั้งแต่ตอน องค์บาก เขาเหมาโรงหนังที่นั่นแล้วฉาย องค์บาก แล้วเรียกเพื่อนๆ เขามาดู ตอนนั้นเราไปโปรโมตพอดีก็เชิญ จา พนม เชิญทีมงานพวกเราไปเซอร์ไพรส์เพื่อนๆ เขา แล้วเขาชอบการต่อสู้ถึงขนาดไปเรียนที่เส้าหลิน คลั่งไคล้เส้าหลินมาก ตอนนี้เขาชอบมวยไทย จากตรงนั้นทำให้ผมพอมาทำหนังเรื่องนี้ก็เลยคิดถึงว่าน่าจะลองชวนเขามาเล่น ตอนแรกไม่แน่ใจว่าเขาจะเล่นเป็นตัวร้าย เขาบอกยินดีมากแต่ขอให้สู้กับ จา พนม สิ่งนี้เป็นความฝันของเขา ก็เลยง่ายครับ ผมใส่คาแรกเตอร์ความบ้าคลั่ง ความคลั่งไคล้ในพวกศิลปะการต่อสู้ใส่ไปในคาแรกเตอร์เขา ในบทของนักค้าอาวุธ ซึ่งเป็นการแสดงที่แนบเนียนมากแล้วก็ดีมาก"

ปรัชญา พูดถึงนักแสดงจากต่างประเทศอีกคน คือ มาร์รีส ว่า "ก็มีนักสู้หรือว่าคนที่มีความสามารถในด้านการต่อสู้จากหลายที่ทั่วโลกติดต่อมาอยู่เป็นประจำ แล้วก็มาร์รีสเขาติดต่อทางเฟซบุ๊กครับ แล้วก็โชว์รีวิวของเขาให้ดู ซึ่งเขาก็ทำงานอยู่ที่ฮอลลีวูดอยู่แล้ว ก็อาจจะเป็นหนังที่เรายังไม่ค่อยได้ดู ก็ทำหน้าที่ออกแบบการต่อสู้ แล้วก็ตัวเขาเองก็มีความสามารถที่ดูดีมาก ผมเอาวิดีโอให้พันนาดูบอกว่ารู้สึกว่าพันนาบอกว่าเป็นคนที่เร็วมากๆ เป็นนักต่อสู้ที่ดูเร็วมาก เราก็เลยคิดว่าเล่นกับจาน่าจะสนุก"

ผู้กำกับเผยความตั้งใจในการทำงานและอยากให้ทุกคนมาชมภาพยนตร์ "หนังแอ็กชันผมรับรองเป็นหนังที่ทำยากกว่าหนังแนวอื่นๆ ครับ เพราะว่ามันต้องประกอบไปด้วยสเปเชียลลิสต์หลายด้าน การแสดงเสี่ยงอันตราย แล้วก็ที่สำคัญคือต้องมีเงินเยอะ ยิ่งเงินเยอะยิ่งทำให้เราสนุกสนานกับมันได้มาก ตอนนี้เราก็ใช้เงินประมาณ 500 (ล้าน) ซึ่งทะลุไปแล้ว ไม่รู้จะจบตรงไหน เพราะงานงบซีจีมันบานด้วย ก็หวังว่าเป็นหนังที่สร้างความสนุกให้กับทุกคน แล้วก็ทุกคนตั้งใจกัน 111 คิว เกือบ 2 ปี ผมมั่นใจว่าหนังเรื่องนี้น่าจะออกมาเต็มที่ แล้วเราก็รวบรวมจากคำติชมจากภาค 1 เรามีจุดอ่อนตรงไหน มีจุดอะไรตรงไหนที่ต้องปรับปรุง เรามาปรับปรุงแล้วก็ตั้งใจกับงานชิ้นนี้มากๆ ครับ โดยเฉพาะในเรื่องบทภาพยนตร์เราได้คุณเอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ มาเขียนให้ ก็มั่นใจครับ ตอนแรกเลยก็พยายามคิดโจทย์แรกตอนนั่งคุยเขียนบทว่าเรื่องนี้จะสร้างเรื่องยังไงดี ข้อแรกเลยว่าไม่เอาช้าง เราคิดบทไปเปลี่ยนไปหลายพล็อตฮะ มีพล็อตหนึ่งเขียนบทไปแล้วด้วยแล้วไปได้ไกลด้วย พอสุดท้ายถอยหลังมามันต้องช้าง ไม่รู้เพราะอะไรรู้สึกมันต้องช้าง ก็เลยกลับมาที่ช้าง แต่จะช้างอย่างไรที่ให้คนดูคาดเดาไม่ถึง ต้องลองดูครับ"

ภาพยนตร์แอ็กชันที่จะสร้างประวัติศาสตร์ให้โลกต้องจับตาอีกครั้ง ต้มยำกุ้ง 2 ในระบบ 3 มิติ พร้อมลุ้นระทึกไปกับความมันนี้ได้วันที่ 23 ตุลาคม 2556 เป็นต้นไปในโรงภาพยนตร์

สงวนลิขสิทธิ์ © ห้ามคัดลอก ตัดต่อ
ดัดแปลงหรือเผยแพร่ในสื่อใดๆ ก่อนได้รับอนุญาต
กดเพื่อดูรูปใหญ่ ปัดซ้าย-ขวาเพื่อดูรูปถัดไป
  • รูปภาพ 1
  • รูปภาพ 2
  • รูปภาพ 3
  • รูปภาพ 4
  • รูปภาพ 5
  • รูปภาพ 6
  • รูปภาพ 7
  • รูปภาพ 8
  • รูปภาพ 9
  • รูปภาพ 10
  • รูปภาพ 11
  • รูปภาพ 12
  • รูปภาพ 13
  • รูปภาพ 14
  • รูปภาพ 15
  • รูปภาพ 16
  • รูปภาพ 17
  • รูปภาพ 18
  • รูปภาพ 19
  • รูปภาพ 20
  • รูปภาพ 21
  • รูปภาพ 22
  • รูปภาพ 23
  • รูปภาพ 24
  • รูปภาพ 25
  • รูปภาพ 26
  • รูปภาพ 27
  • รูปภาพ 28
  • รูปภาพ 29
  • รูปภาพ 30
  • รูปภาพ 31
  • รูปภาพ 32
  • รูปภาพ 33
  • รูปภาพ 34
  • รูปภาพ 35

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น

ภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้อง

วันนี้ในอดีต

เกร็ดภาพยนตร์

  • Predestination - สร้างจากเรื่องสั้น All You Zombies ของ โรเบิร์ต เอ. ไฮน์ไลน์ อ่านต่อ»
  • The Riot Club - สร้างมาจากบทละครเรื่อง Posh เขียนโดย ลอรา เวด อ่านต่อ»
เกร็ดจากภาพยนตร์สามารถดูได้ในหน้าข้อมูลภาพยนตร์แต่ละเรื่อง

เปิดกรุภาพยนตร์

จุดเริ่มต้นของทีม เจี่ยซือ ทีมอีสปอร์ตระดับพระกาฬ ที่ขับเคลื่อนด้วยสองขุนพลอย่าง ซูมู่ซิว (Bian Jiang) และ เยี่ยซิว (Ji...อ่านต่อ»