กิ๊ฟ จูงมือสาวนอกวงการ ฉลองมงคลสมรสแบบเรียบง่าย
สละโสดไปอีกคู่แล้วสำหรับนักแสดงและพิธีกรมากฝีมืออย่างหนุ่ม "กิ๊ฟ - วรรธนะ กัมทรทิพย์" กับแฟนสาวนอกวงการ "ตาล - ผกาพันธุ์ เสถียรกาล" ที่เข้าสู่ประตูวิวาห์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ซุ่มคบหาดูใจกันนานเกือบ 5 ปี โดยได้มีพิธีผูกข้อมือที่บ้านเจ้าสาวกันไปเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
ทั้งคู่ถือฤกษ์งามยามดีวันที่ 7 เดือน 7 หรือ 7 กรกฎาคม 2556 ในช่วงค่ำ จัดพิธีเลี้ยงฉลองมงคลสมรสภายใต้บรรยากาศที่อบอุ่นเรียบง่าย ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ ด้านของชำร่วยนั้นเป็นเทียนหอม โดยก่อนหน้าพิธีการในช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. กิ๊ฟ และ ตาล ได้ควงคู่กันออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
แนะนำเจ้าสาวให้รู้จัก
กิ๊ฟ "เจ้าสาวชื่อน้องตาลนะครับ ผกาพันธุ์ เสถียรกาล ครับ"
รู้จักกันได้อย่างไร
กิ๊ฟ "หลายคนสงสัยว่าเรารู้จักกันได้ยังไงนะครับ คือน้องตาลเขาทำงานอยู่ที่บริษัท เวิร์คพอยท์ (เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์) นะครับ แล้วผมก็อยู่ที่ เจ เอส แอล (เจ เอส แอล โกลบอล มีเดีย) จริงๆ แล้วเราไม่ได้ทำงานแล้วมาเจอกันนะครับ คือน้องสาวผมเป็นคนแนะนำให้รู้จักนะครับ เพราะว่าน้องตาลเป็นเพื่อนสนิทของน้องสาว ก็เลยได้รู้จักกันแล้วก็ได้คบกันได้พูดคุยจนเป็นแฟนกันครับ"
คบกันมากี่ปีแล้ว
กิ๊ฟ "จากวันนั้นถึงวันนี้เกือบ 5 ปี แล้วครับ มกราฯ นี้ 5 ปีแล้วครับ"
อะไรที่ทำให้ขอแต่งงาน
กิ๊ฟ "ถามว่าอะไรที่ทำให้เราตัดสินใจแต่งงานกัน คือหลังจากที่เราได้คบรู้จักกันแล้วนี่นะครับ หลายๆ อย่างของน้องตาลทำให้เรารู้สึกว่าน้องคนนี้เขาสามารถใช้ชีวิตกับเราได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต เรื่องของอุปนิสัยแล้วก็โดยส่วนตัวผมเนี่ยเป็นคนที่ค่อนข้างจุกจิกอ่ะ เป็นคนจุกจิกเรื่องเยอะ เอาเข้าจริงๆ แล้วคนที่จะอยู่กับผมได้จริงๆ ต้องมีความอดทนสูง เขาก็จะเป็นคนนึงที่มีความอดทนสูงแล้วก็มีความเป็นผู้ใหญ่มาก ผมว่าหลายๆ อย่างที่ผมพูดมาก็คงจะเป็นปัจจัยที่ทำให้เราสองคนได้ใช้ชีวิตได้อยู่ด้วยกันในวันนี้อ่ะครับ"
วันที่ขอแต่งงาน
กิ๊ฟ "เคยคุยกันเหมือนกันว่าถ้าเกิดเราแต่งงานกันแล้วการขอแต่งงานจะยังไง น้องเขาก็บอกว่าอย่าทำเป็นสร้างสถานการณ์เหมือนคู่อื่นๆ นะ แบบไปตามร้านอาหารแล้วก็เซอร์ไพรส์ใหญ่ๆ โดยมีคนเยอะๆ เขาอาย เขาไม่ค่อยชอบคนเยอะๆ เขาเป็นคนง่ายๆ เรียบง่าย ทีนี้ก็คือผมก็เลยขอเขาแต่งงานที่บ้านของผม ง่ายๆ เหมือนกับวันหนึ่งที่เขามาที่บ้านแล้วก็ขอเขาแต่งงาน แต่กว่าจะมีวันนั้นได้ก็ยังไม่ยอมขอตั้งนาน แม้กระทั่งเตรียมโรงแรมเตรียมอะไรทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็เพิ่งมาขอช่วงหลังๆ นี่เองครับ เขาก็มีแอบงอนไปแป๊บนึงว่าทำไม นี่จะไม่ขอฉันแต่งงานแล้วใช่ไหม"
รู้สึกอย่างไรตอนขอแต่งงาน
ตาล "ก็ตกใจค่ะ เซอร์ไพรส์ค่ะ เพราะไม่คิดเลย คืออยู่บ้านธรรมดาค่ะ แวะไปที่บ้านแล้วอยู่ดีๆ ก็ขอ จากที่ไม่ยอมขอมานานมาก"
อะไรที่ทำให้ไว้ใจ
ตาล "คือต้องเล่าก่อนว่าตาลรู้จักพี่กิ๊ฟเนี่ยมานานมากแล้วค่ะ เพราะว่ารู้จักครอบครัวพี่กิ๊ฟอยู่แล้ว เป็นเพื่อนสนิทกับน้องสาวเขา เวลาน้องเขาจะมาปรับทุกข์หรือเล่าเรื่องที่บ้านให้ฟัง ก็พอจะทราบอยู่แล้วว่าพี่กิ๊ฟเป็นคนยังไง แล้วก็พอมาได้คุยกัน ไลฟ์สไตล์เราก็เหมือนกันมากๆ ค่ะ นิสัยเหมือนกัน"
กิ๊ฟ "การที่เขารู้มาก่อนไม่ใช่ว่าเรื่องดีนะครับ (หัวเราะ) เขาเป็นเพื่อนสนิทน้องสาวผม เวลาน้องสาวผมไปมีเรื่องอะไรในบ้านแม้กระทั่งเรื่องผม เขาก็จะไปบ่นให้กับเพื่อนเขาฟัง วันหนึ่งเพื่อนสนิทเขาคนนั้นก็มาเป็นแฟนผม ที่บอกไม่ใช่ว่าดี คือเขาก็จะรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเรามาตั้งแต่ไหนแต่ไร แฟนคนนั้นเป็นยังไงคนนี้เป็นยังไง ท้ายที่สุดคือเขารู้เรื่องเราแต่เราไม่ค่อยรู้เรื่องเขา เขาจะรู้เรื่องเรามากกว่าผมรู้เรื่องเขาอ่ะครับ แต่ทั้งนี้ถามว่ามันก็เป็นเรื่องดีการที่พอเราเริ่มเปิดใจคบกันคุยกันแล้วเนี่ย พอเขารู้เรื่องราวของเรามันเหมือนมันก็จูนกันไปได้ง่าย ไม่ต้องมีอะไรเฟกกันมาก เราเคยคุยกันว่าคู่เราไม่เหมือนกับเป็นคู่อื่นๆ ที่มีโปรโมชันเยอะมาก แต่เราสองคนรู้สึกเหมือนกันได้ว่าเวลาคบกันแล้วจากวันนั้นถึงวันนี้เกือบ 5 ปี ด้วยความที่เริ่มต้นจากไม่มีโปรโมชันมาก วันนี้มันเริ่มมากขึ้นในแต่ละปีมากขึ้นในแต่ละปี มันก็รู้สึกดีกว่าที่ตอนแรกมีโปรโมชันดีๆ แล้วก็อยู่ดีๆ ก็เริ่มจางลงจางลงครับ"
มีอุปสรรคเรื่องของความรักบ้างไหม
กิ๊ฟ "มีครับ อย่างที่ผมบอกไป ผมเป็นคนที่เวลาคิดอะไรแสดงอะไรผมก็พูดออกมาตรงๆ ผมไม่ได้เป็นคนเก็บอะไรมากเพราะฉะนั้นเวลาการที่เขามารู้จักผมใหม่ๆ ผมเป็นคนดียังไงไม่ดียังไงผมก็แสดงออกเลย ช่วงแรกเขาก็อาจจะปรับตัวลำบากนะครับ ก็มีทะเลาะมีเถียงกันบ้างแล้วก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่เราเป็น แต่พอเราเริ่มรู้จักกันมากขึ้นๆ เหมือนความเป็นตัวของตัวเองที่เราไม่สนใจคนอื่นก็เริ่มน้อยลง มันก็เริ่มแชร์ความรู้สึกของเขามากขึ้น ในขณะเดียวกันเขาก็เริ่มปรับตัวเข้าหาผม สิ่งนี้ถามว่าอะไรที่ทำให้เราปรับตัวเข้าหากันได้ มันคงเป็นเรื่องของวันเวลาที่ผ่านๆ มา แล้วก็การเอาใจใส่ดูแลซึ่งกันและกันนี่นะครับ ก็เลยทำให้เรารู้สึกว่าวันหนึ่งเราจะได้อยู่ด้วยกันจริงๆ แล้วมันก็จะยอมให้เราสองคนลดทิฐิที่เราคิดว่าเป็นเหตุผลส่วนตัวเกินไป เราก็จะเข้าใจอีกคนหนึ่งมากขึ้นครับผม"
ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กันที่ไหน
กิ๊ฟ "เราสองคนวางแผนกันไว้ว่าจะไปทางยุโรปนะครับ เพราะว่าเราก็ยังไม่เคยไปเที่ยวทางยุโรปก็จะเป็นสวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี ฝรั่งเศส ช่วงเดือนตุลาฯ นี้ครับ เราคุยกันไว้ ประมาณ 10 กว่าวันครับ 12 วันประมาณนี้ครับ"
วางแผนเรื่องลูกไว้อย่างไร
กิ๊ฟ "ยังครับ คงจะใช้เวลาเที่ยวกันใช้ชีวิต 2 คนก่อน วางแผนเอาไว้ว่าน่าจะเป็นปีหน้าครับ ปีหน้าค่อยเริ่ม"
อยากมีลูกกี่คน
กิ๊ฟ "ผมอยากมีคนเดียว แล้วก็อยากมีสองคน คือผมอยากได้ลูกสาว เขาอยากได้ลูกชาย"
มูลค่าของสินสอด
กิ๊ฟ "สินสอดก็พอผมรู้ว่าเริ่มจะมีวันนี้แล้วผมก็เริ่มเก็บ แล้วก็บางส่วนที่สะสมมาตั้งแต่เริ่มเข้าวงการครับ ก็จะมีแหวน มีนาฬิกา มีเงินสดบ้างประมาณหนึ่งนะครับ พอหอมปากหอมคอครับ เป็นหลักล้านอ่ะครับ แต่ตัวเดียวนะครับ (หัวเราะ)"
แหวนกี่กะรัต
กิ๊ฟ "แหวนของน้องเขา 2 กะรัตกว่าครับ ก็เป็นแหวนที่เขาชอบแล้วก็ไม่เคยพาเขาไปซื้อด้วยนะครับ ตัดสินใจเอง ตัดสินใจซื้อไปก่อนแล้วก็แอบวัดไซส์นิ้วเขาแล้วก็ไปสั่งทำแหวน แล้วก็ปรากฎว่าแหวนก็ใหญ่ไป (หัวเราะ) ท้ายที่สุดก็เลยต้องไปปรับแหวนฮะ แต่เขาก็ชอบมากเขาไม่คิดว่าเราจะซื้อวงนี้ให้เขาอ่ะครับ"
ใช้ที่ไหนเป็นเรือนหอ
กิ๊ฟ "คงจะเป็นบ้านที่ผมทำมาตั้งแต่แรกนะครับ หลังนี้ก็เป็นหลังเก่า 7 ปีแล้วครับแถวเกษตร (เกษตร-นวมินทร์) เลียบทางด่วนเอกมัย (เอกมัย-รามอินทรา) ครับ"
คำมั่นสัญญาที่มีต่อกัน
กิ๊ฟ "เราสองคนเป็นคนเรียบๆ ง่ายๆ เราจะไม่เอาเรื่องอะไรที่เป็นข้อผูกมัดของเราสองคน บอกอย่างนั้นอย่างนี้นะ น้องตาลถามว่าหลังจากคบไปแล้วเนี่ย เรื่องในอนาคตยังไง ผมบอกเขาตรงๆ ผมก็ไม่ได้วางแผน เป็นคนใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายไปเรื่อยๆ แล้วก็ทำวันนี้ให้ดีที่สุด พยายามห่วงใยเขา มองไปทีละสเต็ป ผมไม่อยากไปสร้างภาพที่บางทีใหญ่เกินไปเหมือนภาพความฝัน แล้วทำไม่ได้ ผมขอให้คู่ของเราค่อยเป็นค่อยไป และผมก็เชื่อว่าเขาก็เป็นแบบผม คืออาจจะใกล้เคียงกัน นิสัยคล้ายเคียงกัน ก็เลยทำให้เราอยู่ด้วยกันได้ไปด้วยกันได้"
บอกรักกันทุกวันไหม
กิ๊ฟ "ไม่ เราสองคนไม่ได้เป็นคู่สวีต ต้องบอกรักเช้าเย็น แต่เราเหมือนกับเป็นอะไรที่แสดงออก แต่ไม่ได้พูดฉันรักเธอ เธอรักฉันไหมอะไรทุกวันอย่างนี้นะฮะ แต่ทีนี้เราเหมือนกับแสดงความห่วงใยมากกว่า เรื่องความห่วงใยเรื่องการถามอะไรต่างๆ พวกนี้มากกว่าคำว่าฉันรักเธอนะครับ"
อยากบอกอะไรกันและกัน
กิ๊ฟ "ตั้งแต่เรารู้จักกันมาก็ไม่ใช่ว่าปีสองปี ถึงแม้ว่าผมเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเอง คนอื่นมองอาจจะผมเป็นคนเรื่องเยอะ อาจจะเป็นคนเรื่องมาก แต่เขารู้ว่าตั้งแต่เราคบกันมาจนถึงวันนี้ เขารู้ว่าทุกอย่างที่ผมทำเพื่อเขาคนเดียว ถ้าตัดจากครอบครัวผมคือเขาคนเดียวนะครับ แล้วก็หลายๆ อย่างในงานผมก็ให้เขาเป็นคนดูแล เขาอยากได้อะไรเขาอยากทำอะไรขอให้บอก ถ้าเราทำได้เราก็จะทำให้"
ตาล "ก็ขอบคุณพี่กิ๊ฟค่ะ แล้วก็ขอบคุณครอบครัวของพี่กิ๊ฟด้วยที่ดูแลแล้วก็ให้การต้อนรับตาลอย่างดี ตั้งแต่เป็นเพื่อนน้องสาวจนถึงตอนนี้เปลี่ยนสถานะมาเป็นแฟนอาเฮียแล้ว ก็ขอบคุณมากค่ะ" เจ้าสาวได้ไหว้ขอบคุณเจ้าบ่าว ฝ่ายเจ้าบ่าวก็รับไหว้พร้อมกับจุ๊บที่หน้าผากของเจ้าสาวเรียกเสียงฮือฮา
กิ๊ฟ "บางทีเราไม่ได้พูดว่าฉันรักเธอ แต่เราจับมือกันโอบกันหอมกันผมจะเป็นคนแบบนั้นอ่ะฮะ"
อายุต่างกันกี่ปี
กิ๊ฟ "8 ปีครับ ปีนี้ผม 38 ครับ เขา 30"
ตอนที่เป็นเพื่อนน้องสาวแล้วตอนที่เป็นแฟนต่างกันไหม
ตาล "เหมือนเดิมค่ะ เขาเป็นคนเสมอต้นเสมอปลายเป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้น เขาเป็นคนชัดเจน เขาไม่เฟกตั้งแต่วันแรกที่เจอที่ลองคุยดูค่ะ เราคุยกันชัดเจน เพราะเราค่อนข้างคบกันตอนที่เราอายุพอสมควรแล้ว รู้ว่าเป้าหมายข้างหน้าที่คบกันจะเป็นยังไงค่ะ"
กิ๊ฟ "มันผ่านช่วงวัยรุ่นมากันแล้วอ่ะนะครับ แล้วก็ผ่านชีวิตมาพอสมควร วันหนึ่งเหมือนเราจะมาคบกันเป็นแฟนกันจริงๆ เนี่ย ผมก็อย่างที่บอกไปคือผมเป็นคนยังไงเขาเป็นคนยังไง มันก็เหมือนต่างคนต่างแสดงความเป็นตัวตนของตัวเองให้ได้มากที่สุด แต่ครั้งนี้อะไรที่มันขัดกับความรู้สึก อะไรที่เรารู้สึกว่าน่าจะปรับมาตรงกลางได้ พอเราเห็นแล้วเนี่ยเราก็จะพูดคุยกันแต่ละเรื่อง ก็เลยทำให้ความคิดความเข้าใจตรงกันมากขึ้นเรื่อยๆ ครับ"
พิธีการเป็นอย่างไรบ้าง
กิ๊ฟ "คือจริงๆ แล้วผมผูกข้อไม้ข้อมือแต่งงานกันไปแล้วนะครับ ผมหาฤกษ์วันนี้ตั้งแต่รู้สึกจะเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว เพื่อที่จองโรงแรมเตรียมงานในวันนี้ แต่คุณแม่ผมก็มาเสียชีวิตก่อน เสียแบบกะทันหัน เส้นเลือดในสมองแตก ระหว่างที่คุณแม่ยังมีลมหายใจอยู่ ญาติๆ คุณพ่อก็บอกว่าให้เราสองคนไหนๆ ปีหน้าจะแต่งงานกันแล้ว ก็เลยให้สองคนผูกข้อไม้ข้อมือ เพราะว่าตามธรรมเนียมถ้าเกิดรอให้คุณแม่เสียหมดลมหายใจยังจัดพิธีมงคลไม่ได้ ก็ต้องรอไปประมาณ 3 ปี โดยธรรมเนียมก็เหมือนเราผูกข้อไม้ข้อมือแต่งงานกันไปแล้ว เพราะฉะนั้นในวันนี้จากกำหนดการเดิมที่ช่วงเช้าจะเป็นพิธีหมั้นและแต่งงาน เราก็เลยตัดช่วงเช้าออกไป วันนี้ก็เลยเหลือพิธีช่วงกลางคืนช่วงเย็นนี้อย่างเดียวครับ"
จดทะเบียนสมรสกันหรือยัง
กิ๊ฟ "ยังไม่ได้จดครับ คงจะหลังจากนี้หลังจากวันงาน เพราะว่าช่วงนี้ผมวุ่นมากเลย หลังจากวันงานก็คงจะจดทะเบียนกันครับ"
ครอบครัวฝ่ายหญิงได้ฝากฝังลูกสาวอย่างไรบ้าง
กิ๊ฟ "เขาเป็นลูกสาวคนเดียวของที่บ้านแล้วก็เป็นหลานคนโต ตอนแรกที่คบกันกว่าจะไปเจอคุณพ่อคุณแม่ก็น่าจะประมาณปีนึงได้ แต่ที่นี้พอไปเจอเสร็จปั๊บ พอเขารู้ว่าจะมีวันนี้จริงๆ คุณแม่กับพี่สาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องเขาก็บอกว่า ช่วยดูแลตาลด้วยนะ ตาลเป็นลูกคนเดียว คือคุณพ่อเขาก็เสียใช่ไหมครับ (เสียงเริ่มสั่น) มันเหมือนกับโมเมนต์ของเราที่ไปเจอในสถานการณ์อย่างนั้น เราก็รู้สึกว่าแฟนเราคนที่เรารักเวลาเขาเจอเรื่องราวอะไรไม่ดีในชีวิต แล้วพี่เขาคุณแม่เขาฝากฝังกับเรา มันเหมือนกับความรับผิดชอบที่เราต้องมีมากขึ้นที่เราต้องดูแลเขาให้ได้ มันมากกว่าความรักครับ"
หลังจากนั้นคู่บ่าวสาวก็ได้จูงมือกันออกมาต้อนรับแขกผู้ใหญ่ รวมถึงเหล่านักแสดงที่มาแสดงความยินดี อาทิ "ต้อย - เศรษฐา ศิระฉายา" "ปิ่น - ณัฏฐนันท์ ฉวีวงษ์" "ดู๋ - สัญญา คุณากร" "เสนาลิง - สมเกียรติ จันทร์พราหมณ์" "กระแต - ศุภักษร ไชยมงคล" "อุ๋ม - อภิสรา ฉวีวงษ์" "มิษ - ชินมิษ บุนนาค" เพื่อนนักแสดงจากละครเรื่อง "ขุนศึก" อย่าง "น็อต - วรฤทธิ์ เฟื่องอารมย์" และ "โดนัท - มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล" ฟาก "จิน - จรินทร์ ธรรมวัฒนะ" ก็มาพร้อมกับภรรยา "หนิง - ปณิตา ธรรมวัฒนะ" รวมถึงครอบครัว "บรู๊ค - ดนุพร ปุณณกันต์" "กบ - สุวนันท์ ปุณณกันต์" และลูกสาว "ณดา - ปุณณดา ปุณณกันต์"