เปิดตำนานรัก แม่นาค และความหลอนใหม่ในแบบสามมิติ
"แม่นาค" เรื่องราวตำนานความรักสุดอมตะระหว่างคู่สามีภรรยาแห่งพระโขนง ที่ถูกเล่าขานมาเป็นเวลานาน และหยิบยกเรื่องราวนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ ละคร ละครเวที รวมไปถึงละครวิทยุหลายต่อหลายครั้ง โดยล่าสุดผู้กำกับและผู้อำนวยการสร้างอย่าง "โชติพันธุ์ นิธิวัชร" และ "หลอ - พิชัย น้อยรอด" ผู้กำกับรุ่นเก๋าที่มาทำหน้าที่ที่ปรึกษาบทภาพยนตร์ ก็นำเรื่องราวนี้มาสร้างเป็นภาพยนตร์อีกครั้งในรูปแบบใหม่ เพิ่มความหลอนทะลุจอในรูปแบบสามมิติ ซึ่งได้ "ตั๊ก - บงกช คงมาลัย" มาสวมบทเป็น นางนาค ประกบคู่กับ "เอก - รังสิโรจน์ พันธุ์เพ็ง" ที่รับบทเป็น นายมาก
งานเปิดตัวภาพยนตร์ แม่นาค มีขึ้นเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ณ บริเวณชั้น 6 ของโรงภาพยนตร์ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน โดยได้รับเกียรติจาก "สันติ พร้อมพัฒน์" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ "อลงกรณ์ พลบุตร" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ "ปวีณา หงสกุล" ประธานมูลนิธิ ปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรี มาร่วมงาน อีกทั้งยังมีการบรรเลงเพลง "เอ่อ เออ เฮ่อ เอ่ย (คอย)" จากวง "สีหยด" ขับร้องโดย "น้ำ - อัญชลี อิสมันยี"
โชติพันธุ์ บอกถึงจุดที่น่าสนใจของเรื่องราวจนนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ในรูปแบบสามมิติว่า "ถ้าเราจะทำสามมิติเนี่ย สามมิติก็คือภาพที่มันทะลุจอได้นะ เราก็พยายามนึกว่าเป็นหนังอะไรมันน่าสนใจมากกว่า สมมติว่าเราไปทำมวยเหมือนกับ องค์บาก มันก็คงจะเกินไป ทีนี้ก็เลยนึกไปนึกมาว่าต้อง แม่นาค สิ เพราะว่าเรานึกถึงตอนหยิบมะนาวไง ก็ใช่เลย ก็แค่นั้นแหละ"
ผู้กำกับเผยแตกต่างของภาพยนตร์ แม่นาค ปี 2555 กับฉบับก่อนหน้านี้ว่า "การดำเนินเรื่องจะเปลี่ยนหมด แล้วก็จะเน้นในเรื่องของความรักที่เป็นอมตะจริงๆ ที่เราบอกว่าความรักสร้างโลกได้ ภาคนี้จะได้เห็น การเล่าเรื่องในลักษณะเดิมๆ ที่เราเคยดูก็ยังคงอยู่ แต่เราจะเน้นเหตุและผลมากขึ้นว่าทำไมแม่นาคถึงต้องออกมาอาละวาด ซึ่งเคยมีเรื่องราวจากพระเกจิอาจารย์ชื่อดังที่สุพรรณฯ ท่านบอกว่าแม่นาคไม่ได้อาละวาดเพราะว่าผัวนะ ท่านอาวะวาดเพราะว่ามีคนจะเอาลูกท่านไปทำกุมารทอง แล้วท่านก็เล่าให้ฟังว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ซึ่งเรื่องแม่นาคเป็นเรื่องเล่าต่อๆ กันมา เมื่อเราไปถามผู้รู้ ผู้รู้ก็ไม่ยืนยัน รู้แต่ว่ามีแม่นาคอยู่ที่พระโขนง แต่เหตุการณ์ที่เกิดคืออะไรทุกคนยืนยันไม่ได้ แต่เรื่องที่เราเอามาทำภาคนี้คือเรื่องที่เราได้ยินจากพระเกจิที่มีชื่อมากในสุพรรณฯ"
สำหรับการทำภาพยนตร์เป็นสามมิติ ผู้กำกับเล่าว่า "ตอนแรกเราก็คิดว่ามันยากมาก พอทำไปสักระยะนึง พอเราได้ศึกษา ความยากของสามดีไม่ได้อยู่ที่การถ่าย มันอยู่ที่การแมตซ์ภาพ ใช้ทั้งภาพที่ถ่ายจากกล้องและการทำแอนิเมชัน การทำซีจีตรงนั้นเป็นเรื่องที่ยาก ต้องดีไซน์และมีเวลามากกว่านี้" เผยนอกจากประเทศในแถบเอเชียแล้ว ยังมีทางฝั่งยุโรปสนใจนำภาพยนตร์ไปฉาย "ตอนนี้ที่ฉายพร้อมประเทศไทย มีสิงคโปร์ 8 โรงเป็นสามมิติทั้งหมด มีไต้หวัน เวียดนาม เขมร ก็จะฉายสามมิติ 3 โรง นอกนั้นก็จะมีลาว พม่า ทางยุโรปก็มาดูแล้ว ก็คิดว่าคงจะมากกว่า 6 ประเทศ แต่คงใช้เวลาหน่อย"
ด้าน ตั๊ก ได้เล่าถึงอาถรรพ์ที่เกิดขึ้นในกองถ่ายว่า "ก็มีเจอบรรยากาศ เจอเป็นแบบว่าย่านาคก็เหมือนมาหา มาเข้า เหมือนมาทำให้กองถ่ายเราร่ำรวยขึ้น มีถูกหวยกันเยอะแยะเลย" สำหรับเรื่องการแต่งหน้าเพิ่มความน่ากลัวเข้าไปนั้น ตั๊ก บอกว่าบางทีก็ตกใจตัวเองเหมือนกัน "ใช่ บางทีแต่งหน้าอยู่หรือแสดงอยู่แล้วขอเข้าห้องน้ำ เห็นตัวเองแล้วตกใจ ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะแต่งได้เหมือนขนาดนี้ เอฟเฟกต์สุดยอดมาก แต่งที 3 ชั่วโมงค่ะ บางครั้งเราก็ยังรู้สึกว่าไม่เหมือนเราเลย"
ส่วน เอก กล่าวถึงในส่วนภาพที่เป็นข่าวว่ารูปปั้นแม่นาคเหมือนเหลือบมองว่า "ที่เป็นข่าว ตอนนั้นตัวผมเองก็ไม่ได้เห็น ผมกับตั๊กก็นั่งอยู่ข้างๆ รูปปั้นของแม่ย่านาค แต่เราสองคนไม่เห็นภาพนั้น ไปเห็นก็คือกล้องนักข่าวที่ลงหนังสือพิมพ์ ก็ตกใจเหมือนกันแล้วก็ขนลุกเหมือนกันที่ได้เห็นภาพ ก็ยังไม่รู้ว่าจะออกมาเป็นยังไง ผมขับรถกลับบ้านคือปกติก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอมีเรื่องราวอาถรรพ์เกิดขึ้นก็ระแวงเหมือนกัน ขับไปก็เริ่มมอง แต่ก่อนก็ไม่ได้คิดอะไร" พร้อมบอกแอบขอให้แม่ย่านาคช่วยให้ภาพยนตร์ประสบความสำเร็จ "ก็มีบอกเล่าให้แม่ย่านาคช่วยเรียกเรตติ้งหน่อยก็มีบ้าง เชื่อว่าทุกคนในทีมงานก็จะขอหมด แต่ว่าเรื่องกำหนดตัวเลขไม่ได้กำหนดอะไร ขอให้คนดูประทับใจก็โอเคแล้ว"
ตั๊ก พูดถึงความหลอนในแบบสามมิติว่า "ตั๊กว่าเป็นเรื่องของวิธีหลอกแบบใหม่ๆ ค่ะ การหลอกแบบสามมิติจะเป็นการหลอกแบบใหม่ที่เราคิดขึ้น อย่างเสกข้าวสารปาแม่นาค เราจะเห็นเป็นเม็ดๆ เลย สนุกกว่าเดิม เหมือนได้เข้าถึงในสถานการณ์ด้วยเม็ดฝน มะนาว หรือมือ คนดูจะรู้สึกเข้าไปร่วมกับอารมณ์นั้นด้วย" ด้านผู้กำกับกล่าวถึงความสนุกในการชม แม่นาค สามมิติที่สร้างใหม่ในยุคนี้ว่า "ความสนุกก็คือจะรวมเรื่องตั้งแต่เรื่องความรัก เรื่องความตื่นเต้น แอ็กชันแล้วก็เรื่องดราม่า จะมีครบทุกรสเลย แม่นาค ภาคนี้เหมือนกินส้มตำไทยใส่ปู แซ่บจริงๆ"
เอก ฝากถึงภาพยนตร์ว่า "แม่นาคสามมิติ ชาวต่างชาติก็ได้ดูพร้อมๆ กับเราเหมือนกัน ยังไงแล้วคนไทยก็ฝากชมกันด้วย อย่าให้แพ้ต่างชาตินะครับ" ส่วนสาว ตั๊ก บอกว่า "ขอฝากภาพยนตร์เรื่อง แม่นาค สามมิตินี้ไว้ด้วยนะคะ อยากให้มาดูกันเยอะๆ เพราะคาดว่าจะสนุกและก็น่ากลัวมากๆ แน่นอน มาดูกันเยอะๆ นะคะ"
และสุดท้ายที่ผู้กำกับ พูดว่า "ก็อยากจะเรียนท่านผู้ชมนะครับ ว่าที่ผมทำ แม่นาค เวอร์ชันนี้ คือเราพยายามที่จะสอดแทรกความเป็นไทยให้ออกสู่สากล ในการที่จะออกสู่สากลได้ คือหนึ่งหนังผีเนี่ยมันเป็นสากล ซึ่งก็รู้ว่าผีเป็นยังไง สองก็คือความเป็นสามมิติน่าจะช่วยดึงดูดได้ และสามก็คือวรรณกรรมแม่นาค ผมว่าคนรู้จักครึ่งโลก เพราะฉะนั้นผมอยากให้คนไทยมาดู ดูว่าสามมิติแบบไทยๆ เนี่ยมันสนุกแค่ไหน และก็ชักชวนกันมาดูเยอะๆ หน่อย เพราะว่าผมจะเอาเงินรายได้ส่วนหนึ่งเนี่ยทำนุบำรุงศาลพระโขนงนะครับ ขอบคุณครับ"
ติดตามตำนานความรัก ความผูกพัน และความน่าสะพรึงกลัวได้ในภาพยนตร์เรื่อง แม่นาค เริ่มเข้าฉายตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม นี้ ทั้งในโรงภาพยนตร์ระบบสองมิติและแบบหลอนทะลุจอในระบบสามมิติ ซึ่งรายได้จากรอบแรกที่ภาพยนตร์เข้าฉาย จะนำไปสมทบทุนช่วยเหลือเด็กและสตรี โดยมอบให้กับมูลนิธิ ปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรี