ไฮโซ ภาพยนตร์สะท้อนมุมมองสองความต่างของวัฒนธรรม
"ไฮโซ" ภาพยนตร์จากหนึ่งในโครงการจัดจำหน่ายภาพยนตร์อิสระ "2011 Director's Screen Project" ผลงานการกำกับภาพยนตร์ยาวเรื่องที่ 2 ของ "จุ๊ก - อาทิตย์ อัสสรัตน์" ผู้กำกับมือรางวัลที่ได้สร้างสรรค์ภาพยนตร์เรื่อง "วันเดอร์ฟูล ทาวน์" (Wonderful Town) จนกลายเป็นที่กล่าวขวัญถึงและพิสูจน์ความสามารถด้วยการคว้ารางวัลจากหลายๆ สถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศมาแล้ว คราวนี้ จุ๊ก ได้หยิบบทภาพยนตร์เรื่อง ไฮโซ กลับมาปัดฝุ่นใหม่สร้างเป็นภาพยนตร์อีกครั้ง หลังจากที่เจ้าตัวเคยตั้งใจจะสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว แต่ก็ต้องพับโครงการนี้ไปก่อน เนื่องจากได้นำไปเสนอค่ายภาพยนตร์ต่างๆ แล้วไม่ได้รับการพิจารณา
การหยิบบทภาพยนตร์กลับมาทำใหม่ครั้งนี้ จุ๊ก ยังคงเจตนารมณ์เดิม โดยเลือกพระเอกหนุ่ม "อนันดา เอเวอริงแฮม" ที่เคยวางตัวบทนี้เอาไว้ให้ตั้งแต่แรกมาถ่ายทอดเรื่องราว และ อนันดา ยังควบตำแหน่งผู้อำนวยการสร้าง เช่นเดียวกันกับ "เต้ง - พิชัย จิราธิวัฒน์" หัวเรือใหญ่แห่งค่ายเพลง สไปร์ซซี่ ดิสก์ ภาพยนตร์เรื่องนี้นอกจากจะได้รับทุนสนับสนุนจากต่างประเทศแล้ว ก็ยังได้รับงบการสนับสนุนจากกองทุนไทยเข็มแข็ง สำนักงานศิลปะวัฒนธรรมร่วมสมัย จากกระทรวงวัฒนธรรม อีกด้วย
ในเรื่องนี้ยังมี 2 สาวต่างเชื้อชาติอย่าง "ศจี อภิวงศ์" นักแสดงสาวไทยที่เคยร่วมงานกับ อนันดา ผ่านการแสดงภาพยนตร์สั้นผลงานการกำกับของ จุ๊ก มาแล้วในภาพยนตร์สั้นชุด "สวัสดีบางกอก" ตอน "บางกอก บลูส์" ที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส หรือ ทีวีไทย ซึ่งเนื้อหาใน บางกอก บลูส์ เป็นเรื่องราวภาคต่อของภาพยนตร์เรื่องนี้ และสาว "เชอริส เหลียง" (Cerise Leang) นักแสดง นางแบบ และนักดนตรีที่ส่งตรงมาจากประเทศสหรัฐอเมริกามาร่วมแสดง โดยเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ที่ผ่านมา ณ โรงภาพยนตร์เอสเอฟเวิลด์ ซีเนม่า เซ็นทรัลเวิลด์ ได้มีการเปิดตัวรอบสื่อมวลชน ซึ่งก็มีผู้กำกับ ผู้อำนวยการสร้าง และนักแสดงมาร่วมพูดคุยถึงเรื่องราวในภาพยนตร์
จุ๊ก เผยเหตุผลที่ทำภาพยนตร์นอกกระแสว่า "ผมรู้สึกว่าในบ้านเราเนี่ยหนังจะมีไม่กี่แนว ตลก ผี แอ็กชัน แล้วก็วัยรุ่น ถ้าเกิดเราจะทำหนังดราม่าหรืออะไรก็ตามที่ไม่ได้อยู่ใน 4 แนวนี้ เขาก็จะกวาดว่าเป็นอาร์ตหมดเลย เป็นหนังที่ดูยาก ถามกลับ เราควรจะมีหนังแบบนี้ให้คนเขาดูหรือเปล่า มีให้เขาเลือกหรือเปล่า ผมรู้สึกว่าควรจะมี แต่ถ้าเราจะเดินถนนนี้แล้ว เราก็ต้องเข้าใจว่าเราอาจจะไม่ได้ตรงเป้าตลาดมากเท่าไร ก็ต้องทำในวิธีที่สมเหตุสมผล สำหรับโปรเจกต์นี้เราก็เลยหาทุนมาจากต่างประเทศก้อนนึง แล้วค่อยมาคุยกับอนันดา คุณเต้ง ว่าเรามาลองลงทุนทำกันไหม จริงๆ รู้สึกว่าโชคดี เพราะว่าทุกอย่างมาเจอกันพอดีเลย แล้วมีคนอย่างพี่เต้งสนใจ สนับสนุนอะไรที่เล็กๆ ไม่ได้แมส แล้วเป็นอะไรที่ใหม่ ที่ไม่เคยลอง ไม่มีใครเคยทำครับ"
อนันดา กล่าวในฐานะผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "จริงๆ เป็นสิ่งที่ผมคุยกับพี่จุ๊กบ่อยมาก เรื่องภาวะของหนังอาร์ตที่บางทีเขาทำงานกันด้วยใจอย่างเดียว ระหว่างที่เขาทำงานด้วยใจเขาก็ต้องกินแกลบไปด้วย ก็รู้สึกอยากให้มีสักครั้งหนึ่งที่เราทำเป็นอัลเทอร์เนทีฟฟิล์มที่มีบัดเจตที่สมเหตุสมผลหน่อย แล้วก็มีหน้าหนังที่มีการชักจูงมากขึ้น ส่วนของพี่จุ๊กก็ได้ทุนมาระดับนึงจากเมืองนอก ผมรู้สึกว่าถ้าจะทำหนังที่ไม่ได้กดดันมากเกินไปในแง่ไฟแนนเชียล ควรจะมีทุนของฝั่งไทยเข้ามาสมทบด้วย ก็คิดหนักมากก่อนที่จะคุยกับพี่เต้งนะครับ"
เต้ง พูดถึงการตัดสินใจร่วมทุนในภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "เรานั่งคุยกันแล้วก็เล่าเรื่องว่ามู้ดจะเป็นอย่างนี้ โทนจะเป็นอย่างนี้ ก็พอจะนึกออกว่าเนื้อเรื่องจะมาประมาณนี้ ไม่รู้ว่ามาจากเรื่องจริงของคุณอนันดาหรือเปล่านะครับ เดี๋ยวเราต้องเข้าไปดูกันนะครับ" ด้านหนุ่ม อนันดา ก็รีบตอบทันทีว่า "ผมเล่นเป็นตัวเอง แต่เป็นเรื่องจริงของผู้กำกับซะมากกว่าครับ แต่สิ่งที่แปลกมากก็คือตอนผมเสนอไปให้พี่เต้ง ความรู้ใหม่ที่ผมได้มาก็คือพี่เต้งเป็นคนที่ชอบดูหนังมาก เขามีรสนิยมเรื่องหนังที่ค่อนข้างลึกมาก มีความรู้ที่ลึกมาก นั่นคือเหตุผลหลักที่พอผมเห็นมุมด้านนี้ของพี่เต้ง ผมรู้สึกว่าผมมั่นใจที่จะให้พี่เต้งเจอกับพี่จุ๊ก เพราะว่าในแง่รสนิยมหนังเขาค่อนข้างคล้ายกัน แล้วก็จับจุดนั้นค่อยๆ สร้างขึ้นมาเป็นบิสซิเนสซอร์สโมเดลที่ทำมาเพื่อวินวินในทุกด้านครับ"
จุ๊ก ยอมรับว่าได้แรงบันดาลใจในการเขียนเรื่องนี้มาจากตัวเอง "ก็ต้องยอมรับว่าหนังเรื่องนี้ก็เป็นส่วนตัวค่อนข้างเยอะค่อนข้างมาก คือจริงๆ แล้วผมเขียนบท ไฮโซ ตั้งแต่เรียนภาพยนตร์ที่อเมริกาเป็น 10 ปีแล้ว ตอนที่กลับมาประเทศไทยใหม่ๆ ก็อยากจะทำโปรเจกต์นี้ ก็ไปเสนอค่ายแล้วค่ายก็ไม่เอา เราก็เลยเก็บไว้ แต่ว่าช่วงนั้นก็เริ่มหานักแสดงแล้ว มีเพื่อนแนะนำให้ไปคุยกับอนันดา ผมก็เลยไปคุย แต่ตอนนั้นอนันดายังไม่ได้เป็นอนันดาเหมือนทุกวันนี้ ยังไม่ได้เป็นซุปเปอร์สตาร์ ตอนที่เจอใหม่ๆ ประมาณ 22 ก่อนที่จะถ่ายหนังเรื่องชัตเตอร์ฯ (ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ) ที่ทำให้เขากลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ เราก็คุยกัน วันแรกเลยผมก็รู้ว่าคนนี้เหมาะที่สม คนเนี่ยจะเป็นพระเอก ไฮโซ แต่ทำไปทำมาก็ไม่ได้ทำ ก็เลยเก็บเข้าตู้ไปแล้วก็ไปทำอย่างอื่น"
ผู้กำกับเผยที่ได้หยิบบทนี้กลับมาทำสมความตั้งใจ เพราะรางวัลจากภาพยนตร์ วันเดอร์ฟูล ทาวน์ "ตอนที่ วันเดอร์ฟูล ทาวน์ ชนะรางวัล ผมก็เลยมีโอกาสทำเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ 2 ก็เลยดึงเอาบทนี้ออกมา แล้วก็กลับมาคุยกับอนันดาอีกทีนึงว่าเราจะทำโปรเจกต์นี้ยังสนใจอยู่หรือเปล่า แล้วอนันดาก็บอกว่าสนใจ ก็เลยเกิดหนังเรื่องนี้ขึ้นมาครับ" พร้อมทั้งอธิบายที่มาของชื่อเรื่องว่า "ชื่อของเรื่อง ไฮโซ ผมก็รู้สึกว่าเป็นชื่อที่น่าสนใจ เพราะว่าเป็นคำที่คนไทยทุกคนรู้อยู่แล้ว แล้วก็มีความคิดเห็นเกี่ยวกับทางนี้ อาจจะไปทางบวกหรือว่าไปทางลบ รู้สึกว่าเอามาเป็นชื่อหนังก็เก๋ดี ก็น่าสนใจ"
ศจี พูดถึงการร่วมงานกันอีกครั้งระหว่าง จุ๊ก และ อนันดา ว่า "จะเป็นความเคยชินจากเรื่อง บางกอก บลูส์ เป็นหนังสั้นที่พี่จุ๊กให้เล่นเป็นเรื่องแรก ก็เจออนันดากับ หลุยส์ สก๊อตต์ การทำงานก็เริ่มง่ายขึ้น เจอกันกับพี่อนันดากับพี่จุ๊กก็สบายแล้ว ในการทำงานของพี่จุ๊กเขาก็ให้เราแสดงความคิดเห็นทุกครั้งว่าบทโอเคไหม จะพยายามผ่อนคลาย ชิลๆ บทที่ให้มาถ้าเป็นหนู หนูโอเคป่ะ โอเคค่ะพี่ ไม่โอเคไม่ได้ ก็จะถามทุกครั้งเลยค่ะ ก็เลยไม่ได้ยากอะไร"
เชอริส เล่าถึงการรับแสดงภาพยนตร์ไทยเรื่องนี้ว่า "ฉันเคยรับงานมาเดินแบบที่เมืองไทย ทางทีมงานของคุณจุ๊กก็ไปเจอ ก็เรียกเข้ามาออดิชัน แล้วก็ได้รับเลือกให้มาเล่นในหนังเรื่องนี้ค่ะ ถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ เพราะว่ายังไม่เคยเล่นหนังมาก่อน รู้สึกดีที่ได้มาอยู่เมืองไทยนานๆ" พร้อมทั้งบอกว่าถ้ามีโอกาสก็อยากจะกลับมาเล่นภาพยนตร์ไทยอีก "ฉันคิดว่าการแสดงหนังถือว่าเป็นงานที่ค่อนข้างจะหนัก โดยเฉพาะฉากเศร้า ฉากที่ต้องร้องไห้ เป็นฉากที่แสดงค่อนข้างยาก แต่ถ้ามีการติดต่อเข้ามา อ่านบทแล้วชอบก็จะกลับมาเล่นหนังที่เมืองไทยอีกค่ะ"
อนันดา แง้มบทที่ จุ๊ก เขียนค่อนข้างตรงกับชีวิตจริงของตัวเอง "เรื่องของ ไฮโซ อาจจะใกล้ตัวผมมากเป็นพิเศษ หนึ่งผมเล่นเป็นตัวเอง สองภาวะของตัวละครเป็นภาวะที่ผมจำได้ตอนที่ผมเป็นเด็ก ผมรู้สึกว่าผมไม่ค่อยแน่ใจว่าผมเป็นฝรั่งหรือว่าเป็นคนไทยมากกว่า แล้วไม่ใช่แค่นั้นผมเป็นคนลาวด้วย ก็เลยรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่ไม่ค่อยมีจุดยืนในสังคม คราวนี้พอเราได้อ่านบทเรื่องนี้มันค่อนข้างกระทบผมค่อนข้างมาก ผมรู้สึกว่าการหลงของตัวละครนี้ จะเป็นสิ่งที่คนหลายคนน่าจับต้องได้ ยิ่งคนที่อยู่ในเมืองใหญ่แล้วผมรู้สึกว่าบางทีสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เสน่ห์เล็กๆ น้อยๆ ของความรักคนเรามักจะมองข้าม ซึ่งในหนังผมว่าหลายๆ คนจะจับต้องตรงนี้ได้ อยากบอกว่าเปิดใจแล้วดูหนัง อย่าคิดมาก แล้วก็มีความสุขครับ"
จุ๊ก บอกถึงสิ่งที่จะได้รับจากการชมภาพยนตร์ว่า "ไม่ต้องคิดอะไรมาก ดูเพลินๆ ในฐานะผู้กำกับ คนทำหนัง สุดท้ายแล้วเราไม่ได้เป็นหมอหรือเป็นนักวิทยาศาสตร์อะไรที่จะเปลี่ยนอะไรเยอะขนาดนั้น ผมรู้สึกว่าอาชีพผม ศิลปินทุกคนแค่บันทึกประสบการณ์เอาไว้ แล้วผมรู้สึกว่าประสบการณ์ของผม ของอนันดา การที่เราเรียนอินเตอร์ฯ ไปเรียนเมืองนอก เรารู้สึกว่าเราเป็นคนไทย พอกลับมาที่นี่เรากลับเป็นคนฝรั่ง ความที่เราไม่ค่อยรู้สึกว่าเราลงตัวที่ไหนสักที่นึงเนี่ย เป็นภาวะในอนาคตที่เด็กหลายๆ คนจะรู้สึกอย่างนี้"
ศจี ฝากถึงภาพยนตร์ว่า "เป็นเรื่องแรกของหนูนะคะ ก็อยากให้มีคนดูเยอะๆ ความรู้สึกของหนูก็รู้สึกว่าออกแนวประชดประชันสังคมนิดนึง เนื้อเรื่องเป็นมุมของลูกครึ่ง โดยส่วนตัวแล้วหนูไม่เคยผ่านตรงนั้นมาก่อน หนูเรียนโรงเรียนไทย เจอเพื่อนไทย ไม่มีเพื่อนฝรั่ง พอมาเล่นหนังเรื่องนี้เหมือนกับเรียนรู้ว่ายังมีคนอีกสังคมนึงที่เขามีความรู้สึกอย่างนี้ เขารู้สึกว่าเหงาๆ ดูแตกต่าง อยากให้มาดูค่ะ"
จุดยืนและความพอดีของการผสม 2 วัฒนธรรมจากฝั่งตะวันตกและตะวันออกจะอยู่ที่ตรงไหน ติดตามได้ในภาพยนตร์เรื่อง ไฮโซ เข้าฉาย 13 ตุลาคม นี้ ที่โรงภาพยนตร์ในเครือเอสเอฟ 3 สาขา ได้แก่ โรงภาพยนตร์เอสเอฟเวิลด์ ซีเนม่า เซ็นทรัลเวิลด์ โรงภาพยนตร์เอสเอฟเอ็กซ์ ซีเนม่า เซ็นทรัล ลาดพร้าว และสาขาใหม่ที่โรงภาพยนตร์เอสเอฟ ซีเนม่า ซิตี้ เทอร์มินอล ทเวนตี้วัน