สืบสานความเป็นไทยในภาพยนตร์เรื่องเข้มข้น คนโขน
"คนโขน" ภาพยนตร์ไทยจากค่าย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ที่ได้รับงบสนับสนุนจากกระทรวงวัฒนธรรม ตามโครงการส่งเสริมสนับสนุนการสร้างภาพยนตร์และวิดีทัศน์แห่งชาติภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ซึ่งนำเอาโขน ศิลปวัฒนธรรมของไทย มาถ่ายทอดลงบนแผ่นฟิล์มผ่านเรื่องราวที่สะท้อนให้เห็นถึงความรัก ชีวิต และมิตรภาพ ผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องที่สองของ "ตั้ว - ศรัณยู วงษ์กระจ่าง" ผู้กำกับและนักแสดงที่เคยฝากผลงานเรื่องแรก "อำมหิตพิศวาส" ไว้เมื่อปี 2549
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการประชันบทบาทของนักแสดงมากฝีมืออย่าง "เอก - สรพงษ์ ชาตรี" "หนิง - นิรุตติ์ ศิริจรรยา" "ต่าย - เพ็ญพักตร์ ศิริกุล" "กบ - พิมลรัตน์ พิศลยบุตร" รวมทั้งยังได้นักแสดงรุ่นใหม่ที่มีความสามารถทางด้านนาฏศิลป์มาร่วมถ่ายทอดเรื่องราว ประกอบด้วย "อาร์ - อภิญญา รุ่งพิทักษ์" "นัท - ขจรพงศ์ พรพิสุทธิ์" "กอง - กองทุน พงษ์พัฒนะ" และ "ตรี - นันทรัตน์ ชาวราษฎร์"
งานเปิดตัวภาพยนตร์เรื่องนี้มีขึ้นเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2554 ที่โรงภาพยนตร์ เอสเอฟเวิลด์ ซีเนม่า เซ็นทรัลเวิลด์ บรรยากาศภายในงานประกอบด้วยผู้ที่มาร่วมงานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสื่อมวลชน แฟนคลับ ผู้สนับสนุน และเพื่อนๆ นักแสดง เช่น "แหม่ม - คัทลียา แมคอินทอช" "ษา วรรณษา ทองวิเศษ" "โดโด้ ยุทธพิชัย ชาญเลขา" รวมถึงภรรยาสุดที่รักของผู้กำกับ "เปิ้ล - หัทยา วงษ์กระจ่าง" มาร่วมให้กำลังใจด้วย
เริ่มต้นงานด้วยการแสดงจินตลีลาประกอบเพลง "ทำไมเพิ่งบอก" ซึ่งเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ สื่อให้เห็นถึงการบอกรักเป็นภาษาท่าทางแทนคำพูด ทำให้ผู้ชมรู้สึกซาบซึ้งและเข้าใจในความหมายของความรักได้เป็นอย่างดี หลังจบการแสดงได้เข้าสู่ช่วงพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวในภาพยนตร์ โดยเน้นประเด็นไปที่จุดเด่นของเรื่อง คือ โขน ซึ่งจัดว่าเป็นการแสดงที่รวมศาสตร์และศิลป์ของศิลปะหลายแขนงรวมกันไว้ นักแสดงโขนไม่ใช่ถ่ายทอดเฉพาะศิลปะการร่ายรำอย่างเดียวเท่านั้น แต่ต้องถ่ายทอดศิลปะในแขนงอื่นด้วย เช่น การร้อง การเต้น ซึ่งต้องฝึกฝนอย่างหนักหน่วง ถือได้ว่าการแสดงแขนงนี้เป็นสิ่งที่มีคุณค่าและอยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน
ตั้ว ได้ให้เหตุผลที่เลือกนำเรื่องโขนมาถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์ว่า "เป็นศิลปวัฒนธรรม เป็นนาฏกรรมชั้นสูงที่บรรพชนไทยค่อยๆ สร้าง ค่อยๆ รังสรรค์งานนี้มาช้านาน เมื่อมันเป็นของที่มีคุณค่า เราจะปล่อยให้เวลาที่ผ่านไปทำลายความงดงามเหล่านี้ หรือผลักดันสิ่งที่มีค่าเหล่านี้ให้อยู่ห่างจากคนรุ่นใหม่มากขึ้นทุกทีมันก็ดูไม่น่าจะงามนัก ดังนั้นในฐานะที่เราเป็นผู้สร้างงานภาพยนตร์ซึ่งเป็นสื่อหนึ่งสื่อ ก็เลยคิดว่าถ้าภาพยนตร์ของเราทำหน้าที่ลดช่องว่างระหว่างความงดงาม คุณค่าของศิลปวัฒนธรรมที่บรรพชนไทยสร้างไว้ ให้เข้ามาใกล้กับคนรุ่นใหม่มากขึ้น เพื่อต่อสู้กับกระแสวัฒนธรรมต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นตะวันตกหรือเกาหลีที่รุมเร้าเหลือเกิน มันก็น่าจะเป็นตัวเลือกทางสังคม"
ผู้กำกับให้ความเห็นเรื่องที่หลายคนมองว่าโขนเป็นเรื่องที่เข้าถึงยากว่า "ตรงนี้มันเลยกลายเป็นความท้าทาย ถ้าเราตั้งโจทย์กับตัวเองว่ามันเป็นของยาก แล้วมันไม่เหมาะกับจริตของคนสมัยใหม่ ก็แปลว่าเราปล่อยให้กาลเวลาได้ทำลายคุณค่าของสิ่งเหล่านี้ไปหมดสิ้น แต่ถ้าเราตั้งโจทย์ว่าความยากนั้นมันคือสิ่งท้าทายเราที่เราจะเข้าไปค้นคว้า แล้วเมื่อเราพบสิ่งดีสิ่งงาม เรานำสิ่งนั้นมาเผยแพร่ในภาพยนตร์ น่าจะเป็นสิ่งที่ดี ก็เลยเริ่มต้นตะลุยหาข้อมูล จนพบว่าเมื่อเรามีสติมีสมาธิ แล้วก็เพ่งพินิจดูจริงๆ เสพงานเหล่านี้จริงๆ มันไม่ใช่เรื่องที่ยาก มันเป็นเรื่องที่งดงามและมีคุณค่ามากครับ"
ทางด้านนักแสดงรุ่นใหญ่ เอก กล่าวถึงความรู้สึกที่ได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์ว่า "ความรู้สึกพอเขาติดต่อมา จะเล่นอะไร จะเห็นหน้าไหม เพราะใส่หัวโขน แต่พอได้มาแสดงแล้วดีมาก เราได้ดูหนังจีน งิ้วเยอะใช่ไหม เราได้ดูบัลเล่ต์ ที่นางเอกได้ออสการ์ เรื่อง Black Swan เรื่องนี้คงจะมีคนได้ออสการ์บ้าง (ยิ้ม) แต่แน่ๆ ว่าดีวีดีจะได้เข้าไปอยู่ในบ้านประชาชนทุกๆ ประเทศทั่วโลก ก็จะเอาวัฒนธรรมของประเทศไทยไปอยู่ในบ้าน ในครอบครัว ในครัวเรือน จะได้เห็นนะครับ"
หนิง เล่าถึงการแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "ก็เล่นมาทุกแขนงแล้ว แต่ว่าพอมาถึงเรื่อง คนโขน นี้ ก็ทำให้เราได้เข้าใจสิ่งที่พี่ตั้ว สหมงคลฟิล์มฯ ท่านผู้มีอุปการคุณต่างๆ ที่สนับสนุนการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ แล้วเรามาตีความว่าคนโขนคืออะไร ก็ลองมานึกๆ ดูว่าที่ชื่อเรื่องว่า คนโขน เนี่ย มันตกไปตัวหนึ่งครับ มันตกคำว่าหัวครับ อยู่ตรงกลางโขนครับ คืออยากจะให้ลองคิดว่าถ้าเราไม่มีหัวโขนสวมอยู่เนี่ย ทุกสิ่งทุกอย่างมันจะราบรื่นไปกว่านี้หรือไม่ เพราะตราบใดที่เราใส่เข้าไป เราจะเป็นยักษ์ เราก็นึกว่าเรามีอำนาจมีอานุภาพมากมาย แต่พอถอดออกมาแล้ว เราก็คือคนธรรมดาเท่านั้นเอง พอได้มาร่วมงานกับพี่ตั้วแล้วเราก็ค่อยๆ เข้าไปสู่ความมีสติและทำให้เกิดปัญญา การแสดงเรื่องนี้ทำให้เราได้คิดถึงความหมายของคำนี้จริงๆ แล้วมันเตือนสติเรา"
อีกหนึ่งนักแสดงที่สำคัญคือ กบ พูดถึงการแสดงในครั้งนี้ว่า "เป็นบทบาทอีกลักษณะที่เราไม่เคยได้เห็น มีทั้งรักโลภโกรธหลงเลย กบก็เป็นตัวละครอีกตัวหนึ่งที่ค่อนข้างท้าทายความสามารถนะคะ เพราะว่าตัวกบเองก็ไม่เคยรับบทแบบนี้มาก่อน เป็นตัวละคนที่มีลักษณะความเป็นมนุษย์ค่ะ มีความอยากได้ มีความอยากเป็น มีตัณหาและราคะ"
ในส่วนของนักแสดงรุ่นเล็ก ตรี ได้เล่าถึงการทำงานครั้งแรกร่วมกับนักแสดงมืออาชีพว่า "พอรู้ว่าได้มาเล่นกับผู้ใหญ่ทุกท่าน ก็ตื่นเต้นมากค่ะ เพราะว่าผู้ใหญ่ทุกท่านจัดเป็นคนที่มีชื่อเสียง มีผลงานทางการแสดงที่โดดเด่น เราก็ถือว่าเป็นเด็กใหม่ก็ตื่นเต้นเป็นธรรมดา แต่พอได้มาสัมผัสจริงๆ นะคะ ไม่ว่าจะเป็นคุณอานิรุตติ์ คุณอาสรพงษ์ พี่กบ และก็พี่ต่าย เพ็ญพักตร์ ทุกคนให้กำลังใจให้คำแนะนำเป็นที่ปรึกษาอย่างดี หนูประทับใจผู้ใหญ่ทุกคนจริงๆ ค่ะ"
นัท กล่าวว่า "แรกๆ กลัวมากครับ เพราะว่าพี่ตั้วดุมาก แต่ก็คือการทำงานทุกอย่างก็ต้องคุมทุกอย่างให้อยู่ และพี่ตั้วเป็นคนที่ละเอียดทุกอย่าง อยากให้งานออกมาดี ก็เลยต้องออกมาในสภาพแบบนี้ แล้วเป็นเหมือนกับว่าเราได้อะไรจากพี่ตั้วเยอะมาก เพราะว่าการแสดงผมไม่เคยแสดงผ่านจออะไรอย่างนี้ ปกติผมจะแสดงบนเวที แสดงนาฏศิลป์ไทย แต่พอได้มาเล่นหนังเรื่องนี้ ผมก็ตื่นเต้นมาก เพราะต้องเจอกับนักแสดงระดับปรมาจารย์ทุกท่านนะครับ ผมก็เลยเกร็งๆ มาก แต่พอเราได้สัมผัสได้ทำงานร่วมกัน ผมเข้าใจเลยครับว่าความเป็นมืออาชีพเป็นอย่างไร ทำให้เราได้สบายและก็ผ่อนคลาย และก็ทำงานออกมาได้ดีที่สุด"
อาร์ ได้เล่าถึงความประทับใจในการได้รับคัดเลือกมาเป็นตัวเอกในภาพยนตร์ว่า "รู้สึกประทับใจทุกๆ ท่านเลยครับ และก็ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย ซึ่ง อาร์ ได้พูดถึงความยากง่ายในการแสดงว่า " ากมาก เพราะว่าเราไม่มีประสบการณ์ด้านการแสดงมาก่อน แต่ก็ได้การฝึกฝนจากพี่ตั้ว ผู้กำกับ และก็จากนักแสดงทุกท่านเลยที่ช่วย เป็นกันเอง และให้กำลังใจผมตลอดมา ขอขอบคุณทุกท่านครับ ขอบคุณจริงๆ ครั " ด้าน กอง เผยความรู้สึกว่า จริงๆ แล้วก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ที่ได้ทำงานกับพวกท่านหลายๆ ท่าน ดีใจมากครับ จริงๆ ภาคภูมิใจมากที่ได้มาเล่นเรื่องนี้ด้วย เพราะเกี่ยวกับศิลปะวัฒนธรรมของบ้านเราด้วย"
ตั้ว เผยความคาดหวังที่มีต่อภาพยนตร์ว่า "คาดหวังแค่ให้คนมาดูนะครับ คือภาพยนตร์หนึ่งเรื่องมันเปลี่ยนแปลงสังคมไม่ได้แน่นอน แต่ว่าภาพยนตร์เรื่องเดียว มันบอกกล่าวสิ่งดีๆ ให้ได้สะกิดใจนะครับ ดังนั้นขอแค่คนมาดู เมื่อมาชมแล้วผมเชื่อว่าภาพยนตร์จะนำพาเขาไปเองในโลกแห่งความสุขของภาพยนตร์ อีกทั้งคนโขน ชื่อโขน และภาพชุดโขน ภาพเครื่องดนตรีไทย สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นอุปสรรคให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ดูยากแต่อย่างใดนะครับ ขอความเข้าใจว่าหนังเรื่องนี้ไม่ต้องมีพื้นความรู้เรื่องโขนก็เข้ามาดูและสนุกได้ ภาพยนตร์จะพาคุณไปรู้จักความงดงามและคุณค่าของโขนเอง ส่วนใครที่เป็นแฟนโขน 100 นาทีของโขนในภาพยนตร์เรื่องนี้ คุณจะเห็นโขนครบทุกรูปแบบและทุกตอนที่สำคัญของรามเกียรติ์"
ท้ายที่สุด อาร์ นักแสดงหน้าใหม่ ได้ฝากถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "อยากจะขอฝากภาพยนตร์เรื่องนี้ไว้ด้วยนะครับ เพราะว่านอกจากจะเห็นถึงศิลปะวัฒนธรรมแล้ว ก็ยังเสนอแง่คิดดีๆ ให้กับท่านผู้ชมด้วย จริงๆ แล้วผมเชื่อว่าท่านผู้ชมก็คงอยากจะชมภาพยนตร์แบบนี้ เรื่องที่จะแสดงถึงเอกลักษณ์ของชาติ แสดงถึงความภาคภูมิใจของชาติ เพื่อที่จะบอกกับคนอื่นเขาว่าแม้เราจะรับเอาวัฒนธรรมของคนอื่นมาบ้าง แต่ว่าจริงๆ แล้ว ในใจลึกๆ เราก็ยังคงจะหวงแหน อยากจะรักษาสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของไทยไว้อยู่ ก็อยากขอฝากไว้ด้วยครับ เราคนไทยอยู่ในแผ่นดินไทย อย่าปล่อยให้ศิลปะไทยหรือศิลปะของชาติพ่ายแพ้ไปกับกาลเวลา"
เรื่องราวชีวิตสุดเข้มข้นของคนและโขน ที่มีทั้งความรักโลภโกรธหลง การชิงดีชิงเด่น การทำดีทำชั่ว ผลสรุปสุดท้ายจะจบลงเช่นไร สามารถติดตาม คนโขน ได้ในโรงภาพยนตร์ วันที่ 25 สิงหาคม นี้เป็นต้นไป