เปิดตัว ซามูไรอโยธยา ภาพยนตร์สานสัมพันธ์ไทยและญี่ปุ่น
"ซามูไรอโยธยา" ภาพยนตร์ผลงานการกำกับของ "มด - นพพร วาทิน" ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อร่วมเฉลิมฉลองการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีประวัติยาวนานมาถึง 123 ปี โดยผสมผสานเอกลักษณ์แม่ไม้มวยไทยและวิชาซามูไรเข้าไว้ด้วยกัน นำแสดงโดย "เซกิ โอเซกิ" (Seigi Ozeki) "ส้ม - ธรรมรส ใจชื่น" "ดำ - ธนาวุฒิ เกสโร" "ใบเงิน - ยลธิดา นาคอ่อง" และยังได้นักมวยมืออาชีพอย่าง "บัวขาว ป.ประมุข" หรือ "สมบัติ บัญชาเมฆ" กับ "ยอดแสนไกล แฟร์เท็กซ์" หรือ "ยอดทนงค์ โพธิ์รัตน์" มาร่วมแสดงด้วย
งานเปิดตัวภาพยนตร์เรื่องนี้มีขึ้นเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ณ ลานอินฟินิซิตี้ พารากอน ซีนีเพล็กซ์ ซึ่งได้รับเกียรติจาก "เรืออากาศเอกสุริยะ ศึกษากิจ" ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และ "เคียวจิ โคะมะชิ" (Mr. Kyoji Komachi) เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย มาร่วมเป็นประธานในการเปิดงาน
ผู้กำกับ มด บอกถึงเสน่ห์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "เสน่ห์อยู่ที่มวยไทย จริงๆ แล้วผมอยากจะนำพามวยไทยไปทั่วโลก อยากจะบ่งบอกว่าเรามีสิ่งที่ดีๆ สำหรับคนไทยเยอะมาก ภาพยนตร์เรื่องนี้บ่งบอกเลยนะครับว่าความเป็นไทยอยู่ตรงไหน มวยไทยคือมิตรภาพ มิตรภาพของสองแผ่นดินระหว่างไทยกับญี่ปุ่น นี่คือจุดเด่นของภาพยนตร์เกี่ยวกับเรื่องมิตรภาพระหว่างคนไทยกับคนญี่ปุ่นครับ
เนื้อเรื่องนี้เกี่ยวกับมิตรภาพของคน 2 คน ระหว่างคนญี่ปุ่นกับคนไทย ยามาดะ นางามาสะ เป็นเรื่องจริง เป็นเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช เป็นขุนพลซามูไรของสมเด็จพระนเรศวร เป็นจุดเด่นที่เราจะขายต่างประเทศได้ เพราะจริงๆ แล้วถ้าเราเอาคนไทยนำ ผมคิดว่าคนจะมองว่าเราเชียร์คนไทยไป แต่ว่านี่ผมเอาคุณเซกิ ซึ่งเป็นคนญี่ปุ่น ผมใช้คนญี่ปุ่นแต่ต้องเรียนมวยไทย ดาบไทย แล้วทำไมเขาถึงรักคนไทย รักวัฒนธรรมไทย นี่คือจุดขายครับ เป็นภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ครับ"
ผู้กำกับกล่าวถึงการจัดจำหน่ายในต่างประเทศที่ติดต่อเข้ามาว่า "ตอนนี้ก็มาประมาณสัก 20 กว่าประเทศแล้วที่ติดต่อมา มีทั้งญี่ปุ่น ฝรั่งเศส เยอรมัน เกาหลี อเมริกา ไปหลายประเทศ ก็รู้สึกดี เพราะว่าเราสามารถที่จะเผยแพร่สิ่งต่างๆ วัฒนธรรมไทย มวยไทย ได้ทั้งคุณบัวขาว คุณส้ม คุณเซกิมาเล่นก็เป็นสิ่งที่ดี แล้วทุกคนก็เล่นดีกันทุกคน อยากให้ทุกๆ คนได้ดู เพราะว่าเป็นสิ่งที่ดี"
ส่วนกระแสตอบรับที่ได้รับกลับมานั้น มด เผยว่า "เขาบอกว่าจริงๆ แล้วมันเป็นศิลปะมวยไทย เป็นอะไรที่ค่อนข้างเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่คิวบู๊ ไม่ใช่สไตล์ฮ่องกง เป็นเอกลักษณ์ของไทยจริงๆ ดูจากคิวบู๊ในภาพยนตร์ตัวอย่างก็จะมองออกเลยว่าเป็นสิ่งใหม่ มวยไทยผมอยากจะเรียนเลยว่าทั่วโลกยอมรับว่าเป็นกีฬาที่สวยงามและรุนแรงที่สุดในโลก นี่คือจุดเด่นของมวยไทยครับ"
มด บอกถึงความยากในการถ่ายทำที่กินเวลานานกว่า 2 ปีว่า "อยู่ตรงที่ว่าแอ็กชันแล้วไม่มีอะไรที่ต้องใส่เสื้อ ถอดเสื้อหมด เราเลยไม่มีเซฟตี้ การถ่ายทำก็เลยยาก โดนตรงไหนบาดเจ็บหมดเลย โดนจริง เจ็บจริง เย็บตลอด ต้องพักตลอด บางทีต้องพยายามหามุมถ่าย หาการถ่ายทำที่ค่อนข้างจะเซฟ มันจะยากหน่อย ส่วนมากคนที่ทำแอ็กชัน เขาก็จะใส่เสื้อผ้ากัน มีเรื่องนี้ที่ต้องถอดเสื้อผ้าหมดเลยครับ"
ด้าน เซกิ ที่ต้องมาเรียนมวยไทย ก็ยอมรับว่ายาก "ยากมากครับ ทุกอย่างครับ" ส่วนเรื่องเจ็บตัว หนุ่มญี่ปุ่นก็บอกว่า "เจ็บมากด้วยครับ เจ็บจริงด้วยครับ โดนจริงด้วยครับ เจ็บทุกครั้งครับ" มด ช่วยเสริมว่า "ซี่โครงร้าว เซกิไปเตะบัวขาวตรงไหน เซกิก็เจ็บหมดครับ เตะบัวขาวตรงไหน เซกิขาบวม ต่อยบัวขาวตรงไหน เซกิมือบวม"
ส้ม พูดถึงผลงานการแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกของตัวเองว่า "รู้สึกภูมิใจและดีใจมากๆ ก็ต้องขอขอบคุณพี่มดที่ให้โอกาส ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่อิงประวัติศาสตร์ แล้วก็ความสัมพันธ์ไทยกับญี่ปุ่น ซึ่งไม่ได้มีแค่ในหนัง มีทั้งเรื่องจริง เพราะว่าส้มเองได้ไปจังหวัดชิซูโอกะ ที่ประเทศญี่ปุ่นมานะคะ วันนี้คนที่ชิซูโอกะก็ได้มาให้กำลังใจด้วย ก็ต้องขอบคุณสำหรับมิตรภาพดีๆ ยังไงก็อยากให้ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติมาชมภาพยนตร์เรื่องนี้กันค่ะ"
ทางด้าน บัวขาว บอกถึงความยากง่ายในการแสดงครั้งแรกว่า "การได้เล่นภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็เป็นครั้งแรกที่ได้มาเล่นนะครับ ก่อนเล่นก็คิดว่ายาก พอได้มาเล่นจริงๆ ก็ไม่ยาก เพราะว่าส่วนหนึ่งก็เป็นทางที่เราถนัดด้วย ศิลปะเกี่ยวกับแม่ไม้มวยไทย ตรงนี้เราก็พอถนัดอยู่แล้ว พอเล่นได้ก็รู้สึกว่าตัวเองทำได้ ที่ยังไม่ถนัดก็คือตรงคิวมากกว่าครับ ท่าทางเราก็เป็นอยู่แล้ว แต่ว่าเรื่องคิวก็ยากนิดหนึ่ง บางครั้งเล่นกับเซกิ เราได้เซกิยังไม่ได้ ในเรื่องรับบทเป็นครูเสือ เป็นครูมวย หัวหน้ากองทนายเลือกครับ"
ส่วนเรื่องการจัดระดับผู้เข้าชม ผู้กำกับเผยว่า "ได้เรตทั่วไปครับ จริงๆ แล้วเป็นหนังประวัติศาสตร์ ถ่ายทอดวัฒนธรรม ทางกระทรวงวัฒนธรรมและทางเซ็นเซอร์เขามองว่าเนื้อเรื่องไม่ใช่ความรุนแรง" เซกิ กล่าวทิ้งท้ายชวนดูภาพยนตร์ว่า "เรื่องนี้เราตั้งใจเล่น โนสแตนอิน โนสตันต์ เจ็บจริงด้วย เรื่องนี้มีความเชื่อมกันเรื่องเกี่ยวกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นกับวัฒนธรรมไทยด้วยนะครับ มาดูนะครับ"
ติดตามภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ เรื่องราวมิตรภาพและความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับญี่ปุ่น ได้ใน ซามูไรอโยธยา ตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม นี้ ในโรงภาพยนตร์