1. สยามโซน
  2. ภาพยนตร์
  3. ข่าววงการภาพยนตร์

นำเสนอความแปลกใหม่ 5 มิติ ในภาพยนตร์ หมาอภินิหารฯ

นำเสนอความแปลกใหม่ 5 มิติ ในภาพยนตร์ หมาอภินิหารฯ

"หมาอภินิหารและขวดใส่มหาสมุทร" ภาพยนตร์สะท้อนสังคมที่เกิดจากความตั้งใจของผู้กำกับ "อมร หะริณนิติสุข" ที่ต้องการสร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการภาพยนตร์ไทย ทั้งเนื้อหา รูปแบบการฉายในระบบ 5 มิติ แถมในแต่ละรอบก็นำเสนอไม่เหมือนกัน ซึ่งจะเป็นการฉายภาพยนตร์ไปพร้อมๆ กับการแสดงสด ให้ผู้ชมได้ไปร่วมลุ้นว่าในรอบที่ตนเองชมนั้นจะได้พบเจอกับอะไรบ้าง มีทั้ง หมาผู้ยิ่งใหญ่ ขยะเดินได้ ขี้เมาเทศนา เศรษฐีนิพพาน อภินิหารทางออก และ จดหมายจากมหาสมุทร สลับหมุนเวียนกันไปทั้ง 30 รอบ

ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เปิดตัวไปแล้วเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ที่ผ่านมา ณ โรงภาพยนตร์ลิโด้ ซึ่งมี 2 นักแสดงนำอย่าง "จิ๊ก - ชนม์นิภา นาคมินทร์" และ "อิม - ภูริดา ปาลีวนิช" มาร่วมพูดคุยกับผู้กำกับถึงเรื่องราวในภาพยนตร์

ผู้กำกับบอกถึงจุดเริ่มต้นของการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "ผมคิดว่าจะทำหนังเรื่องหนึ่งที่เป็นสูตรใหม่ ไม่เหมือนหนังไทยทั่วไป รูปแบบก็ใหม่ไม่เหมือนหนังไทยทั่วไป แล้วก็เนื้อหา ปกติหนังไทยไม่ค่อยเน้นเนื้อหา ก็เลยคิดว่าถ้าหนังไทยเป็นรูปแบบใหม่แล้วเน้นเนื้อหาด้วย จะเป็นยังไงบ้าง แล้วก็ต้องการฉายในวิธีใหม่ด้วย คือฉายแบบ 5 มิติ หลักๆ อีกข้อหนึ่งก็คืออยากพิสูจน์ว่า หนังเรื่องนี้ฉายโดยที่รู้ตัวเลขแล้วว่าเจ๊งนะ เคาะตัวเลขแล้วว่าติดลบ แต่ว่าค่าบัตรก็จะแบ่งครึ่งไปช่วยเด็กและสัตว์พิการด้วย เพื่ออยากจะแชร์มุมมองให้คนอื่นเห็นว่าบางทีเราต้องรู้จักแบ่งให้คนอื่นบ้าง"

อมร กล่าวที่มาของชื่อเรื่องว่า "สังเกตจากชื่อเรื่องจะมีที่มาเกี่ยวกับเนื้อหา อย่างเรื่องหมาจะสัมพันธ์เกี่ยวกับเรื่องความซื่อสัตย์ สังคมปัจจุบันมีปัญหาด้านนี้ ขวดใส่มหาสมุทรเป็นบทกวีนิดๆ ให้สื่อความหมายว่า น้ำทั้งมหาสมุทรเข้าไปอยู่ในขวดได้ไหม มันไม่ได้ ไม่ได้เพราะอะไร ทำไมมันถึงไม่ได้ ซึ่งในหนังจะเฉลยว่าทำไมถึงไม่ได้"

ในส่วนของเนื้อเรื่องก็ต้องการสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาสังคม "หนังทุกวันนี้เขาทำๆ ไปก็ดูสนุกๆ ซึ่งก็ไม่ผิด ก็มีไว้ให้คนไทยพักผ่อน พี่คิดว่าน่าจะมีหนังแบบนี้บ้างให้คนมาตระหนักเนื้อหา สังคมที่มีปัญหาทุกวันนี้เรามีปัญหาเรื่องบ้านเมือง เรื่องผู้คน หนังเรื่องนี้เหมือนเพลงเพื่อชีวิต เพลงคาราบาวในยุคแรกๆ"

สำหรับกลุ่มเป้าหมาย อมร กล่าวว่า "เป้าหมายจริงๆ ก็กว้าง แต่พี่คิดว่าไม่ใช่กลุ่มที่ดูหนังตลาดทั่วไป ก็เป็นพวกนักศึกษากับคนทำงาน เป็นหนุ่มสาว เชื่อว่าหนุ่มสาวเนี่ยแหละที่จะเป็นคนในรุ่นต่อไปที่จะสำนึกได้ว่าความวุ่นวายในสังคมที่มันเละๆ เพราะผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ที่ดีๆ ก็มี แต่ผู้ใหญ่ที่แย่ๆ สำหรับพี่ ก็คงแก้อะไรไม่ได้ ก็เลยคิดว่าเราคุยกับคนหนุ่มสาวดีกว่าว่าเรามีตัวอย่างที่ไม่ดี แล้วเราจะสำนึก"

อมร อธิบายถึงการเลือกฉายรูปแบบใหม่ในระบบ 5 มิติ เป็นเพราะ "ผมอยากเอาคนดูกลับมาเธียเตอร์ มาโรงหนัง เป็นการฉายหนังที่ทำให้เห็นว่าถ้าคุณดูดีวีดีจะไม่เจออย่างนี้ 5 มิติ ในความหมายคือต้องไปดูเองว่าเป็นยังไงในโรง มันเกิดในโรงเท่านั้น ดูที่บ้านจะไม่เกิดอย่างนี้ เหตุผลคืออยากพาคนกลับมาโรงหนัง เพราะผมเชื่อว่าการดูหนังในโรงคือการดูหนังที่สมบูรณ์แบบที่สุด เพราะคนมีสมาธิกับการดูหนัง การดูดีวีดี เดี๋ยวแฟนเรียก เดี๋ยวลูกร้อง เดี๋ยวเข้าห้องน้ำหรือกินอะไรไปด้วย มันไม่ได้สมาธิกับหนัง ก็เลยคิดว่าอยากพาคนมาโรงหนัง พาได้ไม่ได้ ไม่สำคัญเท่ากับพยายามทำรูปแบบให้เห็นว่าการฉายหนังที่มีอะไรมากกว่าการฉายหนังเนี่ย ทำให้คนได้ดูรักโรงหนัง กลับมารักโรงหนัง"

พร้อมเผยถึงความแตกต่างระหว่างภาพยนตร์ 3 มิติ กับ 5 มิติ ว่า "ไม่ต้องใส่แว่น แล้วก็มีสิ่งมีชิวีติอยู่ในโรงหนัง แต่มาตอนไหนไม่บอก เป็นสิ่งของที่เกิดขึ้นในโรงหนัง มาตอนไหนเราก็คงไม่บอก ต้องเข้าไปในโรงหนังเท่านั้น เป็นประสบการณ์เดียวที่ต้องดูในโรงหนังเท่านั้น" ความพิเศษอีกอย่างของภาพยนตร์เรื่องนี้ อยู่ตรงที่การฉายแต่ละรอบ ก็จะทำให้ผู้ชมได้อรรถรสในการชมที่ไม่เหมือนกัน "เพราะว่า 5 มิติที่เราทำมีหลายแบบ เราก็จะสุ่มไป คนดูไม่มีสิทธิ์รู้ว่าจะเจออะไร คนดูมาแล้วจะเจอไม่เหมือนกัน เพราะมีหลายแบบให้เล่น แล้วแต่เราจะเลือกแบบ เราไม่บอกคนดูก่อนเข้าโรง ไม่ให้คนรู้ คุณต้องไปเจอในโรง"

ด้าน จิ๊ก ที่ต้องมาประกบกับนักแสดงเด็กอย่าง อิม แสดงเป็นคู่แม่ลูกเร่ร่อน เล่าถึงการถ่ายทำว่า "เป็นประสบการณ์ที่บอกไม่ถูกเลยค่ะ เจอกันทั้งแม่ทั้งลูก เพราะเขาคิดว่าเราเป็นอย่างนั้นจริงๆ เป็นหนังประหลาดมากๆ เขาไม่รู้ว่ามีกล้องถ่าย ทำให้เรารู้ว่าจริงๆ คนไทยก็มีน้ำใจนะคะ ไม่แห้งแล้งน้ำใจทุกคน" อมร เสริมในเรื่องการถ่ายทำว่า "ทำแบบใช้ทุนต่ำ น้อยมาก มีกล้องตัวเดียว ไม่มีไฟ ไม่มีอุปกรณ์ช่วย ไปขโมยถ่ายโดยการหาโลเกชัน ซุ่มถ่าย เป็นวิธีการขโมยถ่าย กล้องตั้งอยู่ไกลๆ หนีเทศกิจ หนีตำรวจเอา ทั้ง 2 คนนี้ก็จะโดนคนช่วย บางทีเทศกิจก็มาเตือน"

ส่วนความคาดหวัง ผู้กำกับบอกว่า "เราอยากได้แค่กระแสของการที่ทำหนังสูตรใหม่จริงๆ วิธีฉายใหม่จริงๆ แล้วก็เนื้อหาสังคมจริงๆ เกิดเป็นผลให้คนทั่วๆ ไป อาชีพใดก็ได้ อยากให้รู้สึกว่าคุณควรทำอะไรให้แปลกใหม่ สูตรใหม่ กล้าออกมาทำและกล้าพูดอะไรเพื่อสังคมบ้าง ไม่ได้หวังแค่ในวงการหนัง หวังว่าคุณทำอาชีพอะไรก็แล้วแต่ กล้าทำ กล้าแสดงหรือเสนอวิธีใหม่ที่คนอื่นเขาไม่กล้า อยากให้กล้าทำ นั่นคือความหวัง" พร้อมทั้งฝากถึงภาพยนตร์ว่า "อยากให้มาดูกันจริงๆ เชื่อว่าเป็นประสบการณ์ที่ประหลาดมากๆ ผมก็อธิบายยาก ถ้าคุณมาดูคุณก็จะรู้เองว่ามีความประหลาดยังไง ตัวหนังเองก็พิลึกครับ"

หมาอภินิหารและขวดใส่มหาสมุทร พร้อมสร้างประการณ์แปลกใหม่ในการชมภาพยนตร์ เข้าฉายเฉพาะที่โรงภาพยนตร์ลิโด้เท่านั้น จำกัดวันละ 1 รอบ ในเวลา 18.30 น. ตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน จนถึง 10 ธันวาคม นี้ โดยรายได้ส่วนหนึ่งของการฉายภาพยนตร์จะนำไปสมทบทุนช่วยเหลือบ้านเด็กตาบอดผู้พิการซ้ำซ้อน (มูลนิธิธรรมิกชนเพื่อคนตาบอดในประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์) มูลนิธิบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการ (ในความอุปถัมภ์ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) และมอบให้กับ "สำรวย โตพฤกษา" และ "อนงค์ สีปัจฉิม" ผู้ที่รับเลี้ยงสุนัขและแมวจรจัด ที่ จ.ปทุมธานี

สงวนลิขสิทธิ์ © ห้ามคัดลอก ตัดต่อ
ดัดแปลงหรือเผยแพร่ในสื่อใดๆ ก่อนได้รับอนุญาต
กดเพื่อดูรูปใหญ่ ปัดซ้าย-ขวาเพื่อดูรูปถัดไป
  • รูปภาพ 1
  • รูปภาพ 2
  • รูปภาพ 3
  • รูปภาพ 4
  • รูปภาพ 5
  • รูปภาพ 6
  • รูปภาพ 7
  • รูปภาพ 8
  • รูปภาพ 9
  • รูปภาพ 10
  • รูปภาพ 11
  • รูปภาพ 12
  • รูปภาพ 13
  • รูปภาพ 14
  • รูปภาพ 15
  • รูปภาพ 16
  • รูปภาพ 17
  • รูปภาพ 18
  • รูปภาพ 19
  • รูปภาพ 20
  • รูปภาพ 21
  • รูปภาพ 22
  • รูปภาพ 23

ความคิดเห็น

ภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้อง

วันนี้ในอดีต

เกร็ดภาพยนตร์

  • Still Alice - ตอนที่ได้อ่าน Still Alice ฉบับหนังสือครั้งแรก ริชาร์ด แกลตเซอร์ และ วอช เวสต์มอร์แลนด์ ผู้กำกับทั้งสองคนรู้สึกว่าเรื่องราวของผู้หญิงที่ต้องเผชิญกับโรคสมองเสื่อมชนิดเกิดเร็วเป็นเรื่องที่ใกล้ตัว เพราะก่อนที่ทั้งคู่จะกำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ริชาร์ด ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือเอแอลเอส ที่เป็นสาเหตุให้พูดแล้วลิ้นพันกัน ซึ่งเป็นทำให้ทั้งสองคนต้องรับมือกับความเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลัน ทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ เหมือนตัวละคร อลิซ ที่แสดงโดย จูเลียนน์ มัวร์ อ่านต่อ»
  • Song One - สก็อตต์ อาเวตต์ จากวง ดิ อาเวตต์ บราเธอร์ส เคยมาทดสอบบท เจมส์ โดย สก็อตต์ เล่าว่า เขาอ่านบทกับ แอนน์ แฮตธาเวย์ ผู้รับบท แฟรนนี ในฉากสะเทือนอารมณ์ และ แอนน์ เริ่มน้ำตาคลอ ตอนนั้นผมรู้สึกว่า โอ้ พระเจ้า เธอทำอย่างนั้นได้อย่างไร และมันก็ชัดเจนเลยว่านี่ไม่ใช่ที่ของผม ซึ่งภายหลังบท เจมส์ นี้ก็ตกเป็นของ จอห์นนี ฟลินน์ อ่านต่อ»
เกร็ดจากภาพยนตร์สามารถดูได้ในหน้าข้อมูลภาพยนตร์แต่ละเรื่อง

เปิดกรุภาพยนตร์

เรื่องราวของ 2 เพื่อนรัก ฮารุ (มุกิ คาโดวากิ) และ เลโอะ (นานะ โคมัตสึ) ได้ร่วมกันฟอร์มวงดนตรีชื่อ ฮารุเลโอะ ขึ้นแล้วก็เ...อ่านต่อ»