เรื่องวุ่นๆ เสียดสี ของคนกับสุนัขในภาพยนตร์ ชิงหมาเถิด
ผู้กำกับ "อ๊อฟ - พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง" ขอส่งภาพยนตร์เรื่องใหม่ ที่มีชื่อเกือบจะไม่สุภาพว่า "ชิงหมาเถิด" กับเรื่องราวของคนหลากหลาย ที่ต้องมาวุ่นวาย เพราะแย่งชิงสุนัขเพียงตัวเดียว โดยได้นักแสดงนำอย่าง "บอย - ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์" "โอ้ - มาริโอ้ เมาเร่อ " ก๊ะตี๋ - เจริญพร อ่อนละม้า " และ " ยก - ณัฐปภัสร์ ธนาธนมหารัตน "
งานเปิดตัวภาพยนตร์ ชิงหมาเถิด มีขึ้นเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ที่ผ่านมา ณ บริเวณโรงภาพยนตร์ เอสเอฟ เวิลด์ ซีเนม่า เซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งนักแสดงนำรวมไปถึงผู้กำกับ ได้มาร่วมพูดคุยกันถึงบทบาท และเรื่องราวต่างๆ จากภาพยนตร์เรื่องนี้กันด้วย
เริ่มที่ โก๊ะตี๋ กับบทของ เด่น ที่เจ้าตัวอธิบายถึงบทนี้ว่า " ป็นคนชั้นกลางที่แบบว่าถูกเลย์เอาต์ออก เป็นพนักงานเงินเดือนแล้วก็ถูกเลย์เอาต์ออก แล้วปรากฏว่าประเทศของเรา ซึ่งอยู่ในหนังนะครับ อันนี้เป็นประเทศสมมติ ได้หมาหิมะมาตัวหนึ่ง แล้วทุกคนก็ดู สร้างห้องกระจกขึ้นมา ระบบรักษาความปลอดภัยห้าสิบกว่าล้าน ทุกคนก็เฝ้ารอดูหมาหิมะว่ามันจะทำอะไร จัดงานวันเกิดให้หมา แต่ลูกหนูไม่มีนมกิน หนูเอานมหมาให้กินได้ไหม หนูก็เลยไปเรียกร้องสิทธิประโยชน์ที่หนูจะต้องได้กลับคืนม "
ส่วนพระเอกหนุ่ม บอย ก็ได้รับบทที่ต้องเกลียดชังสุนัขตัวนี้เช่นเดียวกัน " ล่นเป็นลูกเจ้าของสวนสัตว์ที่มีหมาหิมะให้ดู ผมก็มีปมว่าตั้งแต่หมาตัวนี้เข้ามาเนี่ย พ่อผมก็ไม่เคยสนใจผมอีกเลย ไม่ว่าผมจะขึ้นโรงพัก ติดคุกอะไรก็ไม่สนใจ แล้วก็น้องหยกเนี่ยคือแฟนเก่าผม เคยคบกัน แล้วก็เขาไปเรียนต่างประเทศเพื่อศึกษาเฉพาะเรื่องหมาตัวนี้ ก็ยิ่งเกลียดหมาตัวนี้เข้าไปอี "
ด้านอีกหนึ่งหนุ่มอย่าง โอ้ ต้องมารับบทเป็นเด็กที่เก่งระดับประเทศ " องโอ้เนี่ยเป็นเด็กอัจฉริยะครับ ที่แบบเล่นคอมพิวเตอร์เก่งมาก แล้วก็ไปชนะระดับโลกครับ แล้วก็ผู้ใหญ่ในประเทศเราเนี่ยเขาบอกว่าเขาจะส่งเสียผมจนเรียนจนจบ จะพาไปนาซ่าครับ แต่พอเอาจริงๆ แล้วก็ยังอยู่เมืองไทยเหมือนเดิม แล้วก็ลืมไปเลยครับ ซึ่งมันเหมือนกับสังคมจริงๆ ที่ผู้ใหญ่เขาก็ลืม แล้วก็อยากจะขโมยหมาอ่ะครับ เพราะว่าอยากทำให้ผู้ใหญ่กลับมาสนใ "
ทางฝั่งผู้หญิงคนเดียวอย่าง หยก กับภาพยนตร์เรื่องแรก กล่าวถึงบทบาทของตนเองว่า " ยกก็รับบทเป็นสัตวแพทย์ค่ะ อย่างที่บอกว่าเป็นแฟนเก่าพี่บอยแล้วก็ทิ้งพี่บอยไปเรียนต่อเมืองนอก เพื่อกลับมาดูแลหมาหิมะตัวนี้ คือก็เป็นคนที่เรียกว่าเข้าใจโลกมากที่สุด แล้วก็อยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง เพราะว่าสามคนนี้เขาจะคอยหลอกตัวเองตลอด อยากให้คนอื่นมาสนใจ
สำหรับ อ๊อฟ ที่นอกจากจะกำกับแล้ว ก็ได้ร่วมแสดงในเรื่องนี้ด้วย โดยเจ้าตัวบอกว่าอันที่จริงแล้วบทนี้เป็นของ "อนันดา เอเวอริงแฮม" แต่สุดท้ายแล้วต้องมาเล่นเอง "จริงๆ บทนี้มารับเชิญ มีอยู่นิดเดียว แล้วก็คนที่อาสาเล่นบทนี้ คือ จ่อย อนันดา เขียนไปเขียนมามันเยอะมาก ก็บอกเฮ้ยอย่าเล่นเลย สุดท้ายก็พยายามหาคนที่หน้าตาคล้ายอนันดาไม่ได้ก็เลยต้องเล่นเอง"
นอกจากนี้หนุ่ม โอ้ ยังได้เล่าถึงความสนุกสนานในกองถ่ายด้วยว่า "บรรยากาศในกองถ่ายก็ตลกครับ คือพวกเราก็จะกินไหน นอนที่นั่นได้หมดทุกที่อ่ะครับ พี่โก๊ะเขามีเสื่อประจำตัวครับ พกในรถมา" ส่วนหนุ่ม บอย เผยถึงเรื่องมุกว่า บางครั้งไม่ได้เตรียม แต่คิดสดๆ กันเอง "มันเกิดขึ้นตอนเราซ้อมกันฮะ บางทีมุกส่วนตัวเนี่ยคือบอยเล่นกับพี่โก๊ะอย่างนี้ก็จะมีมุกแปลกๆ โผล่ขึ้นมา แบบว่าเป็นมุกที่สดๆ ตอนนั้นเลยก็มีครับ เยอะเหมือนกัน"
ท้ายสุด ผู้กำกับ ของฝากถึงภาพยนตร์ด้วยว่า "ก็ฝากถึงภาพยนตร์ที่มีแอ็กชัน แต่ก็ไม่ทิ้งตัวตนของผู้กำกับ ก็คือยังไงก็มีดราม่าฮะ เรื่องนี้ผมว่าโก๊ะเล่นตลกน้อยกว่าดราม่าเนอะ แล้วก็หนังเล็กๆ ซึ่งน่าจะมีอะไรให้กับคนดูได้เยอะพอสมควร อย่างน้อยก็น่าจะเป็นเรื่องราวของเด็กอัจฉริยะที่ถูกโลกลืม สิ่งที่เสียดสีในภาพยนตร์ก็เป็นคำถามไปถึงผู้ใหญในประเทศเราว่าเราก็มีเด็กอย่างนี้เยอะแยะ แล้วหายไปไหนหมด
ปรัชญาของหนังพูดถึงมนุษย์ที่เรียกร้องความสนใจ แค่ครอบครัวยูนิตที่เล็กที่สุด เอาตรงนี้ให้อบอุ่น เอาตรงนี้ให้พอเพียง เอาตรงนี้ให้พอใจ แล้วผมว่าสิ่งที่คุณอยากได้ ไม่ว่าจะเป็นความสนใจต่างๆ มันตามมาเองนะครับ ถ้าหากว่าเราหันมามองคนรอบๆ ข้างภายในครอบครัวแค่นี้ก็พอแล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องไปเอาทั้งประเทศให้มาสนใจเรา หรือต้องยอมรับเรา"
เรื่องราวของสุนัข ของรักของหวงของใครหลายๆ คน ที่ถูกมือดีมาแย่งชิงไป จะได้กลับคืนมาหรือไม่ ติดตามได้ใน ชิงหมาเถิด ตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2553 ในโรงภาพยนตร์