ซินดี้ ควงแฟนหนุ่มนอกวงการ ลั่นระฆังวิวาห์หวานสุดชื่นมื่น
"ซินดี้ - สิรินดา เจนเซ่น" สาวสวยลูกครึ่งไทย-เดนมาร์ก เจ้าของมงกุฎ มิสไทยแลนด์ เวิลด์ ประจำปี 2005 ถือฤกษ์งามยามดี ควงคู่เจ้าบ่าวหนุ่มนอกวงการ เจ้าของธุรกิจด้านการท่องเที่ยว "โจ - สุชิน สัจจาภิมุข" ลั่นระฆังวิวาห์หวาน เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ณ ห้องนภาลัย โรงแรมดุสิตธานี
บรรยากาศของงานเน้นประดับประดาไปด้วยสีขาวจากดอกกุหลาบกับดอกกล้วยไม้ และสีน้ำเงินซึ่งเป็นสีโปรดของเจ้าสาว นอกจากนี้ยังตกแต่งด้วยรูปภาพคู่หวานๆ ของทั้งสองคน ส่วนของชำร่วยเป็นกล่องเซรามิกรูปหัวใจไว้มอบให้แขกที่มาร่วมงาน และเมื่อถึงเวลาประมาณ 18.00 น. คู่รัก ซินดี้ และ โจ ก็จูงมือกันมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนด้วยสีหน้าชื่นมื่น
วันนี้รู้สึกยังไงบ้าง
ซินดี้ "ตื่นเต้นมากเลยค่ะ หลายเดือนที่เราตื่นเต้น จนมาถึงวันนี้ เมื่อคืนก็นอนไม่หลับ เพราะเรารู้ว่าวันนี้เป็นวันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตซินดี้"
โจ "ก็รู้สึกตื่นเต้นครับ ดีใจกันทั้งคู่ คุณพ่อคุณพ่อทั้งสองฝ่ายก็ดีใจ"
ทั้งคู่มาเจอกันได้ยังไง
โจ "ผมไปร้านอาหารกับเพื่อน เค้าเองก็ไปร้านอาหารกับเพื่อน แล้วผมรู้จักกับเพื่อนสนิทเค้า แล้วเราก็เลยได้มาเจอกัน ตั้งแต่วันนั้นเราก็ได้คุยกัน เป็นเพื่อนกันมา 2-3 เดือน หลังจากนั้นเราก็เริ่มถูกใจกัน เลยได้มาเป็นแฟนกัน"
ประทับใจอะไร
ซินดี้ "เค้าเป็นคนใจดีมาก เป็นคนอบอุ่น ทำให้ซินดี้หัวเราะได้ ยังไม่เจอปัญหาอะไรเลย โจทำให้ชีวิตซินดี้แฮปปี้ขึ้นมากเลย ตั้งแต่มาอยู่เมืองไทย"
โจ "เค้าเป็นผู้หญิงที่น่ารัก และเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์มาก สวย เพอร์เฟ็กต์ไปหมดทุกอย่าง และเป็นคนชอบเอาใจผมด้วย และเราสองคนก็ชอบเดินทาง ผมเองก็ทำบริษัททัวร์อยู่แล้ว ไปเที่ยวโน่นเที่ยวนี่ คือเราคลิกกัน"
คบกันมากี่ปีแล้ว
โจ "2 ปีกว่า"
ตอนขอแต่งงานเป็นยังไง
โจ "ที่สมุยครับ ที่ผมขอเค้าแต่งงานที่สมุยก็เพราะว่าเราเป็นแฟนกันครั้งแรกที่เกาะสมุย เราไปเที่ยวในฐานะเป็นเพื่อนกันแล้วก็ชอบกันและเริ่มเป็นแฟนกัน และหลังจากนั้นอีกประมาณปีครึ่งให้หลัง เราก็ไปเที่ยวสมุยกันอีกเมื่อนิวเยียร์ปีที่แล้ว และผมเห็นว่าเรามากันขนาดนี้แล้ว ผมเองก็ขอพ่อแม่เค้าก่อน แล้วก็ขอเค้าแต่งงานหลังเที่ยงคืน"
ความรู้สึกตอนนั้นเป็นยังไง
ซินดี้ "ก็เซอร์ไพรส์มากเลยค่ะ เพราะเราไปฉลองนิวเยียร์กันอยู่แล้ว ก็แฮปปีอยู่แล้ว ตอนนั้นเค้าเขียนบนทรายว่า Will You Marry Me? ก็ตกใจมาก แต่ก็แฮปปี้แน่นอนเพราะว่าเรารู้อยู่แล้วว่าเราอยากแต่งงานกับโจ เรารู้ว่าเราอยู่ด้วยกันได้"
ซินดี้ เตรียมตัวเป็นแม่บ้านยังไงบ้าง
ซินดี้ "ยังไม่เป็นแม่บ้านค่ะ แต่งงานก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะเป็นแม่บ้าน (หัวเราะ) เราก็ยังอยากอยู่ในวงการบันเทิงอยู่แล้ว เพราะอายุก็แค่ 26 ปี ก็ยังไม่ได้หยุดทำงานค่ะ โจเค้าก็ยังมีทำบริษัท ซินดี้ก็ยังทำงานในวงการนี้อยู่ค่ะ"
โจ "ตรงนี้ก็ไม่ได้ซีเรียสอยู่แล้ว เพราะผมเห็นว่าถ้าเค้ามีโอกาสทางนี้ ก็ไปให้ถึงที่สุด สักวันถ้าเค้าอยากจะมาทำในด้านท่องเที่ยว ซึ่งเป็นสิ่งที่เค้าชอบอยู่แล้ว ผมก็ยินดีที่จะให้เค้าเข้ามาทำด้วย"
โจ ห้ามทำงานในวงการบันเทิงไหม
โจ "ไม่เคยเลยครับ ผมสนับสนุนเค้าตลอด บางทีผมก็หยุดงานไปช่วยเค้า ไปช่วยถ่ายรูปก็ไป"
ซินดี้ "เวลามีบทภาษาไทย เค้าก็ช่วยแปลให้ (หัวเราะ)"
โจ "คือช่วยทุกอย่าง อย่างบางทีเรื่องท่องเที่ยวผมก็ปรึกษาเค้า เพราะซินดี้เป็นคนชอบเดินทางไปนู่นไปนี่มาหลายประเทศ อะไรหลายๆ อย่างของเราเข้ากันได้ เราถึงอยู่กันได้มาถึงทุกวันนี้"
วางแผนเรื่องทายาท
ซินดี้ "ก็อยากมีน้องเหมือนกัน แต่ก็ยังค่ะ รออีกประมาณก่อนอายุ 30 ตอนนี้เรายังไม่ได้แพลนถึงเรื่องนี้ค่ะ"
แผนการดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์
โจ "ฮันนีมูนเราจะไปมัลดีฟส์"
ซินดี้ "ประมาณ 2 อาทิตย์"
โจ "น่าจะหลังกลางเดือนพฤศจิกาฯ ไปแล้ว เพราะว่ารอแขกผู้ใหญ่กลับไปก่อน เราจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงว่าใครจะยังอยู่ในเมืองไทย"
ทำไมถึงเลือกมัลดีฟส์
ซินดี้ "เพราะเรายังไม่เคยไป และเห็นว่าเราทั้งสองคนชอบทะเล ชอบดำน้ำ ที่เมืองไทยก็เคยไปแล้ว ก็อยากลองไปมัลดีฟส์ เพราะเพื่อนที่เคยไปแล้วเค้าก็แนะนำให้ไป ไม่รู้ว่าอีกสิบปีข้างหน้ามัลดีฟส์จะยังอยู่หรือเปล่า"
โจ "เราเดินทางไปโน่นไปนี่ด้วยกันมาหลายประเทศ มัลดีฟส์เป็นสถานที่ที่เรายังไม่เคยไป ก็เลยคิดว่าเราควรจะฉวยโอกาสตรงนี้"
วางแผนอนาคต
โจ "อีกหน่อยพอเราโตขึ้นมากกว่านี้ ซินดี้ก็อาจจะมาอยู่กับผมในฐานะทราเวลเอเจนต์ เพราะเป็นธุรกิจของครอบครัว ครอบครัวผมเองก็มีบริษัทถึง 7 บริษัทในเมืองไทย ผมว่าซินดี้เค้าก็มีบุคลิกดี และความสามารถเยอะ เหมาะกับทางด้านนี้ที่จะมาช่วยกันทำงานและให้บริษัทกว้างขึ้น"
สินสอด
โจ "เรื่องสินสอดขอไม่พูดได้ไหม (หัวเราะ)"
แหวนเพชรกี่กะรัต
โจ "ของซินดี้ ประมาณ 2 กะรัต ของผมจะเรียบๆ ครับ ไม่ชอบเพชรอะไรมากมาย"
เจ้าบ่าวมีของขวัญพิเศษอะไรให้เจ้าสาวบ้าง
โจ "เรียกว่าแทบจะมีทุกอย่างที่เจ้าสาวควรจะมี ผมก็มีของขวัญหลายๆ อย่าง และรองเท้าที่ซินดี้อยากได้มานานแล้ว"
พิธีตอนเช้าเป็นยังไงบ้าง
โจ "เราเชิญพระมาทำบุญตักบาตร หลังจากนั้นเราก็มีพิธีสวมแหวน ซึ่งจริงๆ เราหมั้นกันแล้ว แต่ว่าตามธรรมเนียมเราจะมีแหวนอีกอันหนึ่ง และมีผู้ใหญ่มาให้พร กราบขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ และมีพิธีรดน้ำ แบบไทยๆ"
งานกลางคืนเป็นแบบไหน
โจ "ก็จะค่อนข้างเอ็นเตอร์เทนหน่อย เพราะแขกต่างประเทศมากันเยอะ คิดงานนี้ยังไงๆ ก็ต้องให้เฮฮา สนุกสนานกันทุกคน ก็เลยจัดให้ออกเฮฮา ไม่อยากให้ดูทางการเกินไป ผมถือว่ามันเป็นเซเลเบรชันอย่างหนึ่ง"
บรรยากาศภายในงานคึกคักไปด้วยแขกที่มาร่วมฉลองงานมงคล แต่สำหรับคนในวงการบันเทิง มีเพียงรุ่นพี่นางงามเวทีเดียวกันอย่าง "ซินดี้ - สิรินยา เบอร์บริดจ์" ที่อุ้มท้องลูกคนแรกมากับคู่ชีวิต "ไบรอน บิชอพ" และสาวสวย "นิ - นิกัลยา ดุลยา" มิสไทยแลนด์ เวิลด์ ปี 2004 มาร่วมแสดงความยินดี ในส่วนของพิธีการ เริ่มด้วยการฉายภาพวีทีอาร์ของ ซินดี้ และ โจ ตั้งแต่สมัยเด็กๆ จนถึงปัจจุบัน ปิดท้ายด้วยภาพคู่รักหวานๆ จากนั้นเหล่าเพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาวก็เดินนำคู่รักเข้ามาในงาน พร้อมทั้งเต้นรำอย่างสนุกสนานไปจนถึงเวที
เริ่มพิธีมงคลด้วยการเชิญประธานในพิธี "พล.ต.อ.สวัสดิ์ อมรวิวัฒน์" มาคล้องพวงมาลัยให้บ่าวสาว และ "พล.อ.อ.กันต์ พิมานทิพย์" มากล่าวคำอวยพร พร้อมทั้งดื่มฉลองให้คู่รัก ต่อด้วยตัวแทนเพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาวขึ้นมาอวยพรให้ทั้งคู่ครองรักกันอย่างยั่งยืน หลังจากนั้น โจ ได้พูดถึง ซินดี้ ว่าไม่ได้สวยเฉพาะภายนอก แต่ภายในจิตใจก็งดงาม เป็นคนที่คอยสนับสนุนและดูแลเขามาตลอด และ ซินดี้ ยังเป็นเหมือนเพื่อนและพี่น้อง นอกจากนั้น เจ้าบ่าวยังบอกรักเจ้าสาวบนเวที ซึ่งทั้งคู่ก็ออกอาการซึ้งจนน้ำตาคลอ
หลังจากนั้น ซินดี้ และ โจ ก็กล่าวขอบคุณแขกผู้มีเกียรติ คุณพ่อคุณแม่ของทั้งคู่ และเพื่อนๆ ทุกคนที่มาร่วมเป็นสักขีพยาน ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินไปจุดเทียนชัยและตัดเค้ก แล้วนำไปมอบให้กับแขกผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย ต่อด้วยการเปิดเวทีเต้นรำเป็นคู่แรก จากนั้นจึงได้เวลาที่สาวโสดในงานรอคอย เมื่อเจ้าสาวได้ฤกษ์โยนช่อดอกไม้ ปรากฏว่าผู้คว้าช่อดอกไม้ไปได้ คือสาว นิ นางงามรุ่นพี่นั่นเอง