นักแสดงนำ Dragonball Evolution ลัดฟ้ามาเปิดตัวในไทย
จากหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นที่ครองใจคนอ่านมาทั่วโลก ในที่สุดฮอลลีวูดก็นำเอาการ์ตูนเรื่อง ดรากอนบอล มาทำเป็นภาพยนตร์แอ็กชันที่ใช้คนแสดงในชื่อว่า "Dragonball Evolution" และในฐานะที่เมืองไทยเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีแฟนๆ ติดตามอ่าน ดรากอนบอล ภาคการ์ตูนกันอย่างเหนียวแน่น เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา จึงได้มีการแถลงข่าวเปิดตัวภาพยนตร์โดยใช้ชื่องานว่า "Dragonball Evolution Asian Stars Tour" ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมโอเรียนเต็ล ท่ามกลางสื่อมวลชนจำนวนมาก
งานนี้ทั้งผู้กำกับและนักแสดงนำตบเท้าเข้าร่วมงานกันอย่างคึกคัก ซึ่งได้แก่ ผู้กำกับภาพยนตร์ "เจมส์ หว่อง" (James Wong) พร้อมนักแสดงนำ "จัสติน แช็ตวิน" (Justin Chatwin) "เจมี ชุง" (Jamie Chung) "จุน ปาร์ก" (Jun Park) หรือ "ปาร์กจุนฮยอง" (Park Jun Hyung) "เอ็มมี รอสซัม" (Emmy Rossum) "เจมส์ มาร์สเตอร์ส" (James Marsters) และนักแสดงรุ่นเก๋า "โจวรุ่นฟา" (Chow Yun-Fat)
มาถึงการพูดคุยกับผู้กำกับและนักแสดง เริ่มจากผู้กำกับ เจมส์ ที่เคยผ่านงานอย่าง "Final Destination" และ "The One" มาแล้ว ได้พูดถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "จริงๆ แล้วถ้าจะพูดถึงดรากอนบอล แฟนการ์ตูน จะเข้าใจกันดีอยู่แล้ว แต่ก็หวังว่าหนังเรื่องนี้จะทำให้คนที่ไม่เคยอ่านหรือดูแอนิเมชัน จะเป็นแฟนเรื่องนี้ต่อไปครับ สิ่งที่สำคัญจะต้องทำให้แอนิเมชั่นเป็นหนังที่สมบูรณ์ มีความกดดันตรงที่จะต้องคัดเลือกนักแสดง ธีม และ พลอต ให้ถูกใจกับผู้ชม เพราะว่าหนังเรื่องนี้ไม่ได้เพื่อสนองตอบต่อแฟนๆ การ์ตูนเท่านั้น แต่ต้องทำให้ผู้ชมทั่วไปชอบ ต้องเน้นคาแรกเตอร์ด้วยครับ"
จัสติน ในบท โกคู พูดถึงบทบาทของตัวเองว่า "ถึงแม้จะเป็นบทบาทที่ค่อนข้างใหญ่มาก และถือเป็นความรับผิดชอบของผมที่ได้มารับบทนี้ แต่จริงๆ แล้วผมเป็นคนที่ชื่นชอบหนังสไตล์นี้ เช่นเรื่อง Batman หรือ Back To The Future มาตั้งแต่เด็กแล้ว ดีใจมากที่มีโอกาสได้มาร่วมงานกับนักแสดงเก่งๆ อีกหลายคน และหวังว่าคนดูจะชอบนะครับ" และ จัสติน ยังเสริมอีกว่า "โกคูไม่ใช่นักสู้ แต่สิ่งที่บ่งบอกความเป็นตัวเขามากที่สุด ก็คือเวลาที่ได้ประลองหมัดหรืออยู่ในการต่อสู้ครับ"
ส่วนสาว เอ็มมี ซึ่งโด่งดังมาจากภาพยนตร์เรื่อง "The Phantom of the Opera" พูดถึงบทบาทที่ได้รับว่า "บทบาทของฉัน คือ บลูม่า เป็นนักวิทยาศาสตร์ นักสู้ด้วย ซึ่งถือเป็นการฉีกบทบาทของฉันเอง จากที่เคยเป็นสาวเรียบร้อย หวานๆ อย่างที่เคยเห็นกันมา และฉันก็ชอบมากเลยค่ะ"
ด้าน เจมส์ กับบทราชาปิศาจ พิคโกโร่ เล่าว่า "ผมเล่นเป็น พิคโกโร่ ในเรื่องนี้ผมเคยคิดว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว แต่พอถูกจับตัวไป อยากได้ความแข็งแกร่งนั้นกลับคืนมา ก็ต้องรวบรวมดรากอนบอล และพิคโกโร่ก็เป็นนักฆ่าที่ไม่กลัวอะไรเลย ผมต้องบอกเลยว่าเป็นการถ่ายทำที่สนุกมาก ผมชอบฉากแอ็กชันที่ต้องต่อสู้กับจัสตินมากๆ เพราะเราเข้าขากันได้ดีครับ"
ในขณะที่สาว เจมี บอกว่า "ฉันรับบทเป็น จีจี้ เป็นคนรักของโกคู เป็นผู้หญิงธรรมดาทั่วๆ ไป แต่ก็ชื่นชอบการต่อสู้ด้วย ก่อนจะเพิ่มเติมว่า " ันเคยร่วมแสดงแค่ในโชว์ของดิสนีย์ แต่ครั้งนี้ได้ร่วมเล่นในภาพยนตร์เรื่องยิ่งใหญ่ มีดาราดังๆ เงินลงทุนสูงๆ ทำให้ตื่นเต้นมากค่ " ส่วน จุน หนุ่มเชื้อสายเกาหลี พูดว่า " ป็นเกียรติมากที่ผมได้รับบท หยำฉา ครับ หยำฉาตัวนี้เป็นตัวละครที่แข็งแรงมาก ข้างนอกจะดูเหมือนแข็งๆ แต่ภายในอ่อนโยนครั "
ฟาก ผู้เฒ่าเต่า ซึ่งรับบทโดยนักแสดงเอเชียที่มีชื่อเสียงระดับฮอลลีวูดอย่าง โจวรุ่นฟา บอกว่า " ริงๆ แล้วผมก็ไม่เคยอ่านเรื่องนี้มาก่อน แต่ผู้กำกับก็บอกว่าเรื่องนี้ผมต้องเล่นเป็นคนแก่ที่หัวใจเด็ก ตลก ทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ อยากให้ตัวเองดูหนุ่มอยู่เสมอๆ และก็เป็นคนสามารถควบคุมทุกอย่างที่เกิดขึ้นในหนังเรื่องนี้ได้ครั "
ส่วนเรื่องภาคต่อนั้น ผู้กำกับเปิดใจว่า " ันนี้ขึ้นอยู่กับผู้ชม ถ้าชอบภาคแรก ก็ยินดีที่จะทำภาคต่ " ส่วน เจมส์ บอกว่า " าพยนตร์เรื่องนี้เป็นการดัดแปลงมาจากการ์ตูนเรื่องดรากอนบอล ถ้าเป็นของดั้งเดิมก็เป็นเรื่องโกคูตอนเด็กๆ ที่ต้องต่อสู้กับตัวร้าย ซึ่งผมก็อยากให้มีการทำภาคต่อเกิดขึ้นนะ น่าจะสนุกมากกว่าเดิ "
โจวรุ่นฟา ยังได้พูดถึงสิ่งที่เข้าเรียนรู้จากการแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า " รรมชาติเป็นสิ่งที่มีพลังมาก สถานที่ถ่ายทำในตอนกลางวันก็ร้อนมาก ส่วนตอนกลางคืนก็หนาวมาก ต่ำกว่าศูนย์องศา เพราะฉะนั้นมันยิ่งตอกย้ำให้เรารู้สึกว่าเราจะต้องต่อสู้และประสานกับธรรมชาติมากที่เดีย " ส่วนพระเอกหนุ่ม จัสติน บอกว่า " มได้เรียนรู้ว่า ถ้าเรามุ่งมั่นตั้งใจทำอะไรสักอย่าง เราก็จะสามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็นบทต่อสู้ หรือบทอื่นๆ อีกอย่างก็คือทำให้ผมตระหนักในชะตากรรมของมนุษย์ทุกคนในโลกจะต้องร่วมมือกันปกป้องโล "
ทางด้าน เจมส์ เผยว่า " ี่ผมรับเล่นหนังเรื่องนี้ก็เพราะลูกชายผม เขาชอบดูแอนิเมชันเรื่องนี้มากตั้งแต่เขาอายุ 7 ขวบ และสิ่งที่เด็กจะเรียนรู้ได้จากเรื่องนี้ ก็คือความหมายของการเป็นลูกผู้ชาย และเรื่องนี้ทำให้เรียนรู้ที่จะขจัดความกลัวออกไป เพราะต้องไปถ่ายทำกันที่ทะเลทรายเป็นเดือนๆ นี่คือสิ่งที่ผมได้จากเรื่องนี้ครั "
หลังจากการแถลงข่าวผ่านไปแล้ว ในช่วงบ่ายเราก็ได้พบกับผู้กำกับและบางส่วนของนักแสดง เพื่อพูดคุยกันอีกครั้ง โดยเริ่มต้นจากผู้กำกับ เจมส์ หว่อง
รู้สึกอย่างไรบ้างที่ต้องมากำกับเรื่องนี้
เจมส์ " ู้สึกตื่นเต้น เพราะว่าเรื่องนี้มีแฟนๆ ติดตามเยอะ เวลาเราอ่านการ์ตูน เรามีภาพของการ์ตูนอยู่ในหัว ทุกคนมีความคิดแตกต่างกัน เวลาผมทำออกมาก็คาดหวังว่าคนน่าจะชอ "
ตัวละครที่ชอบที่สุดใน ดรากอนบอล คือตัวอะไร
เจมส์ " ริงๆ แล้วมันสำคัญอยู่ที่โทนหนัง ผมอยากจะทำให้หนังมันสนุก เพราะฉะนั้นตัวคาแรกเตอร์จะเป็นไปในความรู้สึกสนุกสนาน แต่ละตัวก็จะไม่มีความรู้สึกซีเรียสสักเท่าไหร่ ถ้าจะดูว่าชอบตัวละครตัวไหนที่สุด ในฐานะคนทำก็ชอบหมด แต่ตัวที่ผมชอบมากที่สุด ก็คือ ผู้เฒ่าเต่า เพราะหนึ่งมีพลังสูง สองเป็นคนสนุกสนาน สามคือเขาชอบผู้หญิงครั "
ทำไมถึงเลือก โจวรุ่นฟา มารับบท ผู้เฒ่าเต่า
เจมส์ " จวรุ่นฟา เขาเป็นคนที่น่าร่วมงานด้วย ไม่เครียด และเป็นดาราที่แสดงได้ดี ตลกด้วย แต่นอกจากเหตุผลเหล่านี้แล้ว เหตุผลสำคัญแล้วผมต้องการคนที่เป็นไอคอน คนที่เป็นอะไรมากกว่าดารา และสื่อสารพลังในหนังไปให้กับคนดูได้ เพราะฉะนั้นคนๆ นี้ไม่เพียงแค่แสดงได้เท่านั้น แต่จะต้องมีความสามารถที่จะสื่อกับคนดูให้หนังมันยิ่งใหญ่ และ โจวรุ่นฟา เค้าสามารถทำทั้งหมดนี้ได "
รู้สึกกังวลไหมกับการนำการ์ตูนญี่ปุ่นมาทำให้คนทั้งโลกได้ดู
เจมส์ " ริงๆ แล้วเป้าหมาย มีสองกลุ่มใหญ่ๆ คนกลุ่มแรกคือคนที่เป็นแฟนการ์ตูนดรากอนบอล กลุ่มที่สองคือคนที่ไม่รู้อะไรเลย ไม่เคยอ่านการ์ตูนเรื่องนี้ แต่เมื่อมาดู เค้าควรจะรู้เรื่อง ดูแล้วสนุก ดังนั้นตรงนี้เป็นความท้าทายที่ค่อนข้างลำบาก เพราะคนที่เคยอ่านมา เป็นแฟนมาก็จะถามตลอดว่าตัวละครตัวนี้ ทำไมในหนังไม่เหมือนการ์ตูน ทำไมไม่เอาตัวนี้มาบ้าง วิธีการของผมก็คือต้องการให้หนังมันยืนอยู่ได้ด้วยขาของตัวเอง ไม่จำเป็นจะต้องพึ่งการ์ตูนอย่างเดีย "
ทำไมถึงเอานักแสดงทั้งฝรั่งและเอเชียมารวมกัน
เจมส์ " มอ่านการ์ตูนเรื่องนี้แล้ว รู้สึกว่าจริงๆ การ์ตูนเรื่องนี้รวมเอาวัฒนธรรมหลายๆ วัฒนธรรมมารวมกัน ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นเอเชียเท่านั้น เพราะมีตัวละครตั้งแต่แอฟริกัน อินเดียนแดงก็มี ทั้งโลกก็มีหลายเชื้อชาติรวมกัน ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้โดยที่ไม่มีปัญหา หนังก็จะไปในลักษณะนั้น และเพื่อให้คนดูคุ้นเคย ช่วงแรกผมก็จะปูเรื่องก่อน และค่อยๆ พาคนดูไปในโลกที่เต็มไปด้วยหลายวัฒนธรร "
ได้คุยกับ อากิระ โทริยามา (ผู้เขียนการ์ตูน) บ้างหรือเปล่า
เจมส์ " ม่ได้พูดคุยเป็นการส่วนตัว แต่ผ่านทางตัวแทนของฟ็อกซ์ ผมว่าถ้าผมเป็นเขา คนที่ให้กำเนิดเรื่องราวและตัวละคร แน่นอนที่สุดความรู้สึกแรกก็คงกระวนกระวาย เพราะคิดว่าเวลาออกมาก็คงไม่เหมือนเดิม ก็คงกังวลเล็กน้อย การทำออกมาเป็นหนังก็คือการดัดแปลง ซึ่งไม่มีทางเหมือนของเดิมเด็ดขาด เข้าใจว่าคุณโทริยามา (Akira Toriyama) ก็ได้พูดเรื่องนี้ผ่านทางตัวแทนมาด้วย ผมก็เลยบอกไปว่านี่คือสิ่งที่ผมกำลังจะทำ ผมเข้าใจว่าในตัวละครแต่ละตัว ไม่มีทางที่จะหยิบมาให้เหมือนกับการ์ตูนร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือโทน โทนที่มาจากการ์ตูน และนี่คือสาระสำคัญของมั "
จากนั้นเป็นการสนทนากับ เอ็มมี รอสซัม และ จุน ปาร์ก ในบทของ บลูม่า และ หยำฉา ตามลำดับ
ภาพยนตร์เรื่องนี้ยากตรงไหนบ้าง
เอ็มมี " ราฝึกหนักมากๆ ที่จะเป็นนักสู้แบบที่ เจมส์ หว่อง ต้องการ เขาอยากให้เราสามารถทำได้ในทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณเห็นในหนัง แต่ละวันฉันต้องฝึกสามชั่วโมง ซึ่งมันยากมาก และอีกสองสองชั่วโมงที่ต้องฝึกอีก มีทั้ง คาร์ดิโอ ไทชิ ศิลปะการป้องกันตัว ยิงปืน ขี่มอเตอร์ไซค์ แต่ก็สนุกและน่าสนใจมากๆ แถมเรายังต้องกินอาหารโปรตีนสูงเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อด้วยน "
รู้สึกยังไงบ้างที่ได้เล่นเรื่องนี้
จุน " มชอบเรื่องนี้นะ ชอบตั้งแต่ตอนเล่นวิดีโอเกม อ่านการ์ตูน มันยอดเยี่ยมมาก ที่ได้ทำงานกับนักแสดงชื่อดัง ได้เป็นส่วนหนึ่งในภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยเฉพาะ โจวหยุนฟะ ผมดีใจมากที่ได้เล่นเรื่องเดียวกันกับเขา ตอนแรกผมคิดว่าเขาเป็นนักแสดงตลก แต่ไม่ใช่ เขาสอนผมหลายๆ อย่าง และเป็นคนที่เรียบง่ายมาก "
ทำไม เอ็มมี ไม่ค่อยเล่นภาพยนตร์มากเหมือนนักแสดงรุ่นเดียวกัน
เอ็มมี " ันเป็นคนช่างเลือก และจะไม่ทำอะไรที่ไม่ต้องการ ฉันได้รับคำแนะนำจาก ฌอน เพนน์ (Sean Penn) เขาบอกว่าอย่าเล่นหนังทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามา มีตั้งหลายเรื่องที่หญิงสาวอายุเท่าฉันน่าจะเล่น แต่ฉันเลือกเล่นหนังที่จะทำให้ฉันสนุกและตื่นเต้น และแตกต่างจากตัวเอง ได้ทำงานที่สามารถบอกทุกคนได้ว่าฉันมีความสุขมากๆ ที่ได้เล่นเรื่องนี้ และก็อยากให้ทุกคนดูหนังเรื่องนี้ เพราะมันเยี่ยมมาก และฉันก็คิดว่าหนังเรื่องนี้ก็เยี่ยมมาก บทบาทก็น่าตื่นเต้ "
เตรียมตัวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ยังไงบ้าง
จุน " ริ่มแรก เรามีความคิดหลากหลายมาก ทั้งเสื้อผ้า หน้า ผม ตัวผมเองก็ต้องไปย้อมสีผม ในหนังบิ๊กโปรเจ็กต์แบบนี้ เราไม่ค่อยจะมีทางเลือกมากนัก เราต้องเตรียมร่างกายให้พร้อม พวกเขาไม่สนใจหรอกว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เราฝึกหนักมากๆ แต่ว่าพอเราได้ถ่ายทำเรื่องนี้กันแล้ว เราก็รู้ว่าสิ่งที่ผ่านมาทำให้เราทำมันสำเร็จ ถ้าคุณได้ฝึกในยิมที่อากาศดีๆ มันก็เยี่ยมนะ แต่ถ้าต้องฝึกในเม็กซิโก ซึ่งมันร้อนมาก เป็นอะไรที่ลำบากสุด "
เอ็มมี " หมือนกับเราได้เปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่ และคนที่ช่วยเราได้มากที่สุด ก็คือ โจวรุ่นฟา ที่คอยช่วยผลักดันและให้คำแนะนำ เขาคอยบอกเราว่าเราต้องเป็นนักสู้ได้จริงๆ เราต้องทำได "
เคยอ่านการ์ตูนมาก่อนหรือเปล่า
เอ็มมี " รื่องนี้ก็มีเวอร์ชันภาษาอังกฤษนะ ฉันได้อ่านครั้งแรกตอนสักประมาณ 9 หรือ 10 ขวบ แต่ก็ไม่ใช่แฟนตัวยง แต่พอได้มาเล่นเรื่องนี้ ฉันก็หาข้อมูลของเรื่องราวทั้งหมด และก็ได้รู้ว่าเรื่องนี้มีคนติดตามเยอะมากๆ ได้รู้เรื่องราวของบลูม่า เธอเป้นคนตลกและสนุกสนาน ซึ่งฉันไม่เคยได้เล่นเป็นตัวละครแบบนี้มาก่อ "
จุน " มเคยอ่านมาก่อน ผมชอบโกคูนะ ถ้ามองตัวละครอย่างผู้เฒ่าเต่าหรือโกคูแล้ว หยำฉาก็เหมือนคนขี้แพ้ แต่พอได้มาเล่นตัวนี้ผมก็ชอบน "
อยากจะพูดอะไรถึงแฟนหนังสือ
เอ็มมี " ันหวังว่าพวกเขาจะชอบกัน ต้องบอกว่าเรื่องนี้ดัดแปลงจากการ์ตูนมาเป็นภาพยนตร์ ฉันรู้ว่าอาจจะทำให้คนที่ชอบการ์ตูนผิดหวัง อยากให้แฟนๆ การ์ตูนเข้าใจด้วยว่าเวลานำเรื่องราวจากหนังสือการ์ตูนมาเป็นภาพยนตร์ มันย่อมมีความแตกต่างกัน แต่เราก็ตั้งใจทำหนังเรื่องนี้กันมากๆ และหวังว่าแฟนๆ จะชอบเวอร์ชันนี้ด้วยเหมือนกัน
ต่อมาเป็นการสัมภาษณ์ จัสติน แช็ตวิน ในบทของ โกคู และ เจมี ชุง ในบทของ จีจี้
กังวลไหมกับการต้องมารับบทเป็น โกคู
จัสติน "แน่นอน ตอน เจมส์ หว่อง โทรมาบอกผมว่าอยากให้ผมเล่นเป็นโกคู ผมคิดว่าคุณแน่ใจจริงๆ เหรอ ในความคิดของผม โกคูไม่ใช่คนเอเชีย ไม่ใช่คนอเมริกัน ในการ์ตูนเขาเป็นเอเลียน มันยากมากเลยที่จะมารับบทนี้ ผมก็พยายามอย่างดีที่สุดที่จะรับผิดชอบบทบาทนี้ และผมก็ชอบบทบาทโกคูนะ ผมว่า โกคูเป็นเด็กเนิร์ดที่ต้องมาเป็นนักสู้ เหมือนกับผมที่ไม่ได้เป็นนักสู้มาก่อน"
เรียนรู้อะไรบ้างจาก โจวหยุนฟะ
เจมี "ฉันตื่นเต้นมากที่ได้ร่วมงานกับดาราดังอย่างเขา แต่จริงๆ แล้ว เขาเป็นคนเรียบง่าย ใจดีกับทุกคนในกองถ่าย ดูแลเทกแคร์คนอื่นเท่าเทียมกันหมด ฉันว่าเขายอดเยี่ยมมาก"
เรื่องนี้ให้อะไรคุณบ้าง
จัสติน "ผมว่าทุกคนก็รู้สึกดีใจที่ได้รับบทในเรื่อง ได้เรียนรู้อะไรมากมายที่เคยรู้มาก่อน และได้ฝึกการต่อสู้หลากหลายแบบ การเล่นเป็นโกคู ทำให้ผมดึงเอาส่วนที่ดีที่สุดของตัวเองออกมาใช้ ผมชอบที่ได้เรียนรู้การต่อสู้ สนุกไปกับอันตรายต่างๆ จากการต่อสู้ ท้าทายความสามารถของตัวผมเอง"
เจมี "มันเป็นสิ่งที่น่าจดจำมาก ทั้งคนที่ฉันได้ร่วมงานด้วย การฝึกฝน ประสบการณ์ต่างๆ มากมาย"
รูปแบบการต่อสู้ในเรื่องนี้เป็นอย่างไรบ้าง
เจมี "ก็มีศิลปะการต่อสู้แบบทั่วๆ ไป แต่ละบทบาทก็จะมีท่าทางการต่อสู้ที่เป็นจุดเด่นของตัวเอง ส่วนจีจี้จะถนัดเตะแบบเทควันโดค่ะ"
จัสติน "สำหรับโกคู เป็นการต่อสู้แบบ บราซิลเลียน จูจิตซึ ผสมผสานกับสไตล์ของ บรูซ ลี (Bruce Lee)"
ฉากที่ชอบที่สุดในเรื่อง
จัสติน "ผมชอบฉากการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของพิคโกโร่กับโกคู มันยากแต่ก็เท่มากๆ"
ถ้าขอพรจากดรากอนบอลได้ จะขออะไร
เจมี "ถ้าแบบทั่วๆไป ก็คงจะขอให้โลกสงบสุขและมีความสุข แต่ถ้าเป็นคำขอแบบเห็นแก่ตัวก็คงจะบอกว่าอยากจะมี Dragonball Evolution 2 (หัวเราะ) ฉันจะได้กลับมาทำงานกับเพื่อนนักแสดงอีกครั้งหนึ่ง"
Dragonball Evolution จะถูกใจคอการ์ตูนและคอภาพยนตร์สักแค่ไหน พิสูจน์ได้วันที่ 12 มีนาคม นี้ ในโรงภาพยนตร์