3 นักแสดงไทย พูดคุยถึงการร่วมงาน Bangkok Dangerous
เปิดตัวภาพยนตร์ฮอลลีวูดแนวแอ็กชั่น "Bangkok Dangerous" หรือในชื่อภาษาไทยว่า ฮีโร่ เพชฌฆาต ล่าข้ามโลก กันไปแล้ว ที่ดัดแปลงจากภาพยนตร์ไทยเรื่อง "เพชฌฆาตเงียบ อันตราย" เมื่อวันที่ 1 กันยายน ที่ผ่านมา โดยในภาคฮอลลีวูดนั้น นำแสดงโดย "นิโคลัส เคจ" (Nicolas Cage) และยังได้ 2 พี่น้องฝาแฝด "อ๊อกไซด์ แปง" (Oxide Pang) และ "แดนนี่ แปง" (Danny Pang) กลับมารับหน้าที่ผู้กำกับอีกครั้ง นอกจากจะปักหลักถ่ายทำในประเทศไทยแล้ว ยังมีนักแสดงชาวไทยอีกหลายคนร่วมแสดงด้วย
บริเวณลานอินฟินิตี้ ฮอลล์ บนชั้น 5 สยามพารากอน สถานที่จัดงาน ถูกเนรมิตให้มีบรรยากาศคล้ายภายในสถานบันเทิงยามค่ำคืน ด้วยไฟสลัวเคล้าเสียงดนตรีในจังหวะเร้าใจ ก่อนจะเปิดงานด้วยการแสดงของนักเต้นทั้งชายและหญิง แต่ที่เรียกเสียงฮือฮาก็คือการปรากฏตัวของ "เป้ย - ปานวาด เหมมณี" ซึ่งในเรื่องรับบทเป็น อ้อม ออกมาวาดลวดลายเย้ายวนในมาดของโคโยตี้สาวสวย
นอกจาก เป้ย แล้ว ยังมี "ชาคริต แย้มนาม" ที่ได้เล่นประกบ นิโคลัส และ "ต๊ะ - นิรัตติศัย กัลย์จาฤก" ผู้กำกับละครชื่อดัง ที่โดดมารับบทมาเฟียในเรื่อง มาร่วมพูดคุยเกี่ยวกับภาพยนตร์ โดยคำถามแรก ถามถึงที่มาของแต่ละคนที่มารับเล่น และการคัดเลือกนักแสดง เริ่มจาก ชาคริต กล่าวว่า "จริงๆ แล้วเค้าจะมาถ่ายหนังที่เมืองไทย เค้าก็มีแอ็กติ้งทีมที่บ้านเราอยู่แล้ว แล้วเค้าก็เห็นว่าเราน่าจะมาแสดงเป็นตัวนี้ได้ ในขณะเดียวกันทางนู้นก็มีทีมแคสติ้งของเค้ามาด้วย ทางผู้สร้างอยากได้คนเอเชีย ที่เป็นชาติไหนก็ได้ ซึ่งเราได้มาก็ถือว่าฟลุกนะครับ
สำหรับการแคสติ้ง พอเข้าไปถึง เค้าก็จะมีกระดาษที่มีบทของซีนที่เราจะต้องเล่น มีเวลาอ่านแค่ 10 นาที พอถึงคิวเรา เราก็เล่นไป มีกล้องสองตัวถ่ายเราอยู่ พอแคสต์เสร็จ เราก็กลับบ้าน อีกวันสองวัน เค้าก็ให้เรากลับไปใหม่ ให้เราลองเล่นแบบต่างๆ ว่าเล่นได้ไหม เราก็เล่นไป เสร็จแล้วก็กลับบ้านไปอีก ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดมากว่าจะได้หรือไม่ได้ ถือว่าเป็นประสบการณ์มากกว่า เพราะบ้านเราไม่ค่อยมีการออดิชั่นกันสักเท่าไหร่
แล้วเค้าก็เรียกผมกลับมาครั้งที่สามครับ ให้ผมพูดภาษาอังกฤษทั้งแบบชัด แบบไม่ชัด หลังจากนั้นก็ให้ไปนั่งคุยกับโปรดิวเซอร์ ซึ่งก็คือคุณ วิลเลี่ยม ชีรัก (William Sherak) เค้าก็ถามเราว่าเรารู้สึกยังไงกับบทในสองหน้ากระดาษที่เราเล่น เราก็อธิบายไป ซึ่งเค้าจะอัดวิดีโอไว้ทั้งหมด จากนั้นก็ส่งไปให้นิโคลัสดู เพราะเค้าจะเป็นคนคัดเลือกนักแสดงเอง"
ส่วนดาราสาว เป้ย ที่รับบทเป็นโคโยตี้ ตอบว่า "เหมือนกันค่ะ คือฝ่ายแคสติ้งก็เรียกเป้ยไป เราก็ไปแคสต์คล้ายๆ กับพี่ชาคริตหมดเลย พอครั้งที่สองเค้าก็บอกว่าอยากให้เรากลับไปคุยเรื่องบทกันอีกครั้งหนึ่ง แล้วเราก็ถามเค้าว่าเรามีสิทธิ์ไหม เค้าก็บอกว่าเรามีสิทธิ์ ครั้งที่สามก็เลยได้คุยกับโปรดิวเซอร์ เค้าถามเราว่าคุณรู้สึกยังไงกับคาแรกเตอร์ อ้อม คุณดีใจไหมถ้าได้เล่นเรื่องนี้ เราก็ตอบไป จนผ่านไปเดือนสองเดือน เค้าก็ติดต่อมาว่าให้ไปคุย จริงๆ แล้วเค้าเห็นเป้ยจากมิวสิกฯ คนใจง่าย ของไอซ์ (ศรัณยู วินัยพานิช) เราก็ลองเต้นให้ดู ซึ่งเค้าถูกใจนะ"
ในขณะที่ ต๊ะ ตอบแบบติดตลกว่า "ในฐานะนักแสดงใหม่นะครับ ถือว่าฟลุกกว่าชาคริตอีก คือผมได้ทราบข่าวมาจากเพื่อนผมว่ามีคาแรกเตอร์แบบนี้ สนใจไหม ผมก็เลยไปแคสต์ พอผ่าน เค้าก็โทรมาบอกให้ไปหาโปรดิวเซอร์ เค้าก็ถามผมว่ารู้หรือเปล่าว่าผมต้องเล่นเป็นมาเฟีย ผมก็บอกว่ารู้และผมน่าจะทำได้ แล้วเค้าก็ถามผมว่าทำงานอะไร ผมตอบไปว่ารับจ้าง แต่พอดีผู้กำกับ อ๊อกไซด์ เดินเข้ามาพอดี ซึ่งผมก็เพิ่งรู้ว่าเค้ากำกับเรื่องนี้ เค้าก็เลยบอกโปรดิวเซอร์ว่า คนนี้มาเฟียตัวจริง ให้เล่นไปเถอะ"
สำหรับในเรื่องของบทบาทที่ได้รับนั้น ชาคริต แม้จะพูดภาษาอังกฤษได้คล่อง แต่ก็เล่าถึงความยากในการพูดภาษาอังกฤษในภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "จริงๆ ก็คือต้องพูดเป็นและไม่เป็นในขณะเดียวกัน เพราะตัวก้องเองจะต้องหากินกับฝรั่งตามที่เที่ยวกลางคืน เพราะฉะนั้นก็เหมือนกับเด็กที่โตมาในย่านนั้น เราก็ต้องหัดพูดไม่ชัด แต่พอพูดๆ ไป มันเหมือนกับคนจีนที่พูดอังกฤษไม่ชัด เราก็เลยใส่คำสร้อยอย่าง นะ เข้าไปด้วย เพื่อให้ดูเป็นคนไทยมากขึ้น ซึ่งเค้าก็ให้โอกาสผมแก้ไขคำพูดของตัวเองให้เหมาะสมได้ครับ"
ในฐานะที่เป็นผู้กำกับเหมือนกัน ต๊ะ ได้พูดถึงการทำงานกับ อ๊อกไซด์ และ แดนนี่ ว่า "พวกเค้าทั้ง 2 คน เหมือนคนๆ เดียวกัน เค้าเลยสามารถทำงานแยกกันได้ เพราะความคิดเค้าจะเหมือนกันตลอด ซึ่งผมเคยร่วมงานกับเค้ามาก่อน ผมว่าแบบนี้ก็ดีนะ เวลาเราเหนื่อยก็จะมีคนอีกคนมาทำแทน"
เมื่อถามถึงความรู้สึกของแต่ละคน ที่ได้ทำงานร่วมกับดาราชื่อดังอย่าง นิโคลัส เคจ นั้น ชาคริต อาสาตอบเป็นคนแรกว่า "เค้าเป็นคนน่ารักมาก มีความเป็นเอเชียเยอะมาก และทำให้เราไม่เกร็ง เข้ามาชวนคุย เพราะเค้าคอยช่วยเราทุกอย่าง เค้าก็เป็นคนที่ทำงานจริงๆ ตอนทำงานก็เหมือนนักแสดงคนหนึ่ง ทั้งๆ ที่เค้าก็เป็นผู้สร้างหนังด้วยเหมือนกัน ซึ่งสิ่งที่เราได้มาจากเค้าก็คือวินัยในการทำงาน"
ส่วย เป้ย บอกว่า "ประทับใจมากค่ะ เพราะเค้าเป็นดาราในดวงใจของเราคนหนึ่ง ได้ร่วมงานกับเค้าก็รู้สึกสุดยอดมากๆ แต่เจอกันก็ไม่รู้จะพูดอะไรกับเค้าดีค่ะ ตื่นเต้น เป้ยก็นั่งมองเค้าอย่างเดียว ให้พี่ชาคริตคุยไป" ฟากต๊ะ เล่าอย่างอารมณ์ดีว่า "ในบรรดาพวกเราสามคน ผมได้ใกล้ชิดกับเค้าที่สุดนะ ลองไปดูในหนัง ผมยอมรับเลยว่า 30 ปี ที่ผมทำงานในวงการนี้มา ผมไม่เคยตื่นเต้นมากเท่ากับวันที่จะได้เจอเค้า ตอนที่เจอมันบอกไม่ถูกครับ เห็นเค้าเดินมาเหมือนภาพสโลว์โมชั่น พอเข้าฉากแรกด้วยกัน เค้าต้องเอามือมาแปะขาผม ถ้าผมเป็นผู้หญิงคงละลายไปแล้ว"
มาถึงช่วงท้าย นักแสดงชาวไทยทั้ง 3 คน ได้พูดฝากคนดูเอาไว้ เริ่มจาก ต๊ะ บอกว่า "ในฐานะดาราใหม่ ก็ขอฝากผลงานของผมด้วยนะครับ สิ่งที่ผมไม่เคยได้สัมผัส ผมก็ได้สัมผัส ผมได้เห็นงานของเค้าแล้วผมรู้สึกว่าต้องดู และยังให้รู้อีกอย่างหนึ่งว่านอกจากพวกเราแล้ว คนไทยที่อยู่เบื้องหลังทุกคนทำงานกันอย่างเต็มที่ เพื่อให้คนไทยไปสู่ฮอลลีวูดจริงๆ ซึ่งในเรื่องนี้ คนไทยเราก็ได้ก้าวไปอีกขึ้นหนึ่งแล้ว"
ขณะที่สาว เป้ย ฝากไว้ว่า "ยังไงก็ขอฝากภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยนะคะ อยากให้ไปเห็นความตั้งใจของนักแสดง เพราะน้อยครั้งมากๆ ที่จะมีโอกาสดีขนาดนี้เข้ามา และตอนนี้เป้ยก็ได้เป็นหนึ่งในนั้น อยากให้ได้เห็นความสามารถทางการแสดง เพราะเป็นหนังเรื่องแรกที่เป้ยถ่ายทำ และแดนนี่กับอ๊อกไซด์ เค้าก็ได้ถ่ายทอดความงามของบ้านเรา ให้เห็นแง่ดีๆ ของประเทศไทยด้วย ก็อยากให้ไปดูกันค่ะ"
ส่วน ชาคริต ทิ้งท้ายไว้ว่า "อยากให้ไปดูกันนะครับ ว่านักแสดงไทยหลายๆ คนอย่าง พี่ดอม (ดอม เหตระกูล) ที่วันนี้ไม่ได้มา เล่นได้ไม่แพ้ฝรั่งเลย และเค้าก็ถูกใจด้วยซ้ำที่ได้มาทำงานที่บ้านเรา ก็เลยกลายเป็นกองถ่ายที่สนุกมาก ร่วมงานกันอย่างดี ก็เลยอยากให้ทุกคนไปดูกันครับ"
ติดตามภาพยนตร์เรื่องใหม่ของ นิโคลัส เคจ และร่วมชื่นชมความสามารถของนักแสดงชาวไทย พร้อมทั้งสัมผัสภาพของกรุงเทพฯ ผ่านภาพยนตร์ฮอลลีวูด Bangkok Dangerous ได้ตั้งแต่วันนี้ ในโรงภาพยนตร์