นักแสดง Warlords ตบเท้ามาไทย ร่วมงานรอบปฐมทัศน์
"The Warlords" ผลงานเรื่องล่าสุดของ "ปีเตอร์ ชาน" ได้เปิดตัวพร้อมแถลงข่าวในประเทศไทยไปแล้วเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ที่ผ่านมา โดย ปีเตอร์ นำเหล่านักแสดงนำชื่อดังทั้ง 3 ได้แก่ "ทาเคชิ คาเนชิโร่" "หลิวเต๋อหัว" และ "เจ็ต ลี" มาร่วมสร้างสีสันให้งานแถลงข่าวและงานเปิดตัวด้วย โดยเริ่มจากการแถลงข่าวในช่วงบ่าย ซึ่ง ปีเตอร์ ผู้กำกับชาวฮ่องกงที่มาเติบโตในประเทศไทย ตอบคำถามเป็นภาษาไทยแบบชัดแจ๋วสุดๆ
อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้ฉีกแนวจากแนวดราม่ามาเป็นแนวสงคราม
ปีเตอร์ "ก็ทำหนังชีวิตหรือหนังเกี่ยวกับความรักมาตั้งสิบกว่าปีแล้ว แล้วอายุมากขึ้น ก็ไม่ค่อยมีความรัก ไม่ค่อยมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เรามีสตอรี่ใหม่ๆ แล้วแต่ก่อนก็ไม่เคยทำหนังแอ็กชั่น เป็นผู้กำกับฮ่องกงที่ไม่เคยทำหนังแอ็กชั่นแล้วรู้สึกประหลาดๆ ก็เลยอยากลองดู"
ทำไม เจ็ต ลี ถึงตัดสินใจรับเล่นเรื่องนี้
เจ็ต ลี "ผู้กำกับมีความกล้าหาญที่เล็งเห็นผม แล้วก็เนื้อเรื่องนี้ไม่ได็เป็นเพียงแค่สงคราม แต่เป็นเรื่องของวีรบุรุษ และก็เป็นหนังที่ยิ่งใหญ่มากด้วย"
รู้สึกยังไงบ้างได้ร่วมงานกับนักแสดงชั้นนำ
เจ็ต ลี "เป็นเกียรติมากที่ได้ร่วมงานกับทั้งสองคน อยู่ในวงการนี้มายี่สิบกว่าปีแล้ว ก็เป็นโอกาสดีที่ได้ทำงานร่วมกัน และในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาที่ได้ทำงานร่วมกันทำให้ทั้งหมดเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน และก็เหมือนกับในหนังที่เป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน"
หลิวเต๋อหัว "เป็นความรู้สึกที่พิเศษ อย่าง ทาเคชิ แม้ว่าเคยมีงานแสดงร่วมกัน แต่ก็เป็นเวลาอันสั้นก็รู้สึกว่างานนี้เป็นงานที่พิเศษมากๆ
ทำไม ทาเคชิ กลับมาร่วมงานกับ ปีเตอร์ อีกครั้ง
ทาเคชิ " มชื่นชมในตัว ปีเตอร์ ชาน อยู่แล้ว แล้วก็ดีใจมาก จริงๆ แล้วตอนแรกที่เขาไปหา ผมก็พยายามจะหลบเลี่ยง แต่ในที่สุด เขาก็พยายามให้ผมมาเล่นหนังเรื่องนี้ได "
ปีเตอร์ " ขาเป็นคนที่กลัวลำบาก ทนลำบากไม่ค่อยได้ (หัวเราะ) เขารู้สึกว่าถ่ายหนัง 4 เดือนที่หนาวลบ 10 กว่าองศา แล้วก็อยู่ในที่ๆ ไม่ใช่ในเมืองใหญ่ ไม่มีโรงแรมดีๆ เขาบอกว่าชีวิตเรามันสั้น 4 เดือนนี้มันยาวมากสำหรับชีวิตเขา เขาก็พยายามหลบแต่สุดท้ายผมก็สามารถ convince (โน้มน้าว) เขาได "
อีกสองคนล่ะ ชวนมาร่วมงานยากไหม
ปีเตอร์ " ับ หลิวเต๋อหัว นี่เป็นเพื่อนกันมา 20 กว่าปีแล้ว แต่ว่าไม่เคยทำงานด้วยกัน เรื่องนี้จริงๆ แล้ว 4 ปีก่อนคือคืนนึงเรานั่งดูหนังที่บ้านด้วยกัน เพราะเราอยู่ข้างบ้านกัน ดูไปดูมาก็คุยถึงเรื่องหนังกำลังภายในจีนสมัยก่อนของ จางเคอะ เรื่องนึงซึ่งชอบมาก ก็ตัดสินใจด้วยกันตอนนั้นว่าจะเขียนบทใหม่ แก้บทใหม่ แก้เสร็จแล้วก็จะทำงานด้วยกัน
เจ็ต ลี เป็นดาราคนนึงที่ผมแทบจะไม่รู้จัก แทบจะไม่เคยเจอ เพราะว่าไม่เคยทำหนังกำลังภายใน แล้วทีนี้พอเขียนบทเสร็จก็รู้สึกว่าบทของพี่ใหญ่เนี่ยเป็นบทที่เข้มข้น แล้วก็ต้องมีประสบการณ์ชีวิตมากทีเดียว เพราะว่าเป็นบทที่มีเลเยอร์มาก แล้วก็ประสบการณ์ชีวิตของ เจ็ต ลี อาจจะเพราะว่าเขามาจากเมืองจีน แล้วก็ไปอเมริกา แล้วก็กลับมาฮ่องกงอีก แล้วก็ไปฮอลลีวู้ดอีก ก็รู้เรื่องการเมืองของคนระหว่างคนเยอะมาก เขาเป็นคนเดียวที่สามารถเล่นบทบาทที่มีเลเยอร์มากนี้ออกมาได "
ความยากง่ายในการทำภาพยนตร์เรื่องนี้
ปีเตอร์ " ากที่สุดตรงที่เราจะทำให้หนังเรื่องนี้เหมือนความจริง แทนที่จะเหมือนหนังกำลังภายในที่จะมีคนบินไปบินมา แล้วก็มีของแปลกๆ เหมือนหนังจีนธรรมดาๆ ที่มีอยู่ แต่จะเหมือนมนุษย์ธรรมดาตามจริง ผมอยากทำให้ออกมาสมจริงมาก อยากให้คนดูรู้สึกเหมือนอยู่กลางสงคราม ความยากก็คือจะทำยังไงให้ยังมีความงามโดยไม่ได้ใช้เทคนิคพิเศษอะไรเกินไ "
ทำไมถึงเลือก ซูจิงเล่ย ซึ่งเป็นหน้าใหม่มาเป็นนางเอกของเรื่อง
ปีเตอร์ " างเอกหนังจีนส่วนมากต้องต้องหุ่นดี ต้องดูเซ็กซี่มาก แต่เรื่องนี้ผมอยากได้คนที่ดูเหมือนชาวบ้านจริงๆ ซูจิงเล่ย นี่เซ็กซ์แอพพีลเค้าจะค่อยๆ ออกมา แล้วเค้าเป็นคนมีความคิดมาก เป็นนักแสดงที่มีความสามารถ เป็นผู้กำกับแล้วก็เป็นคนเขียนบล็อกที่มีคนเป็นล้านๆ คอยอ่านบล็อกเขา ก็คิดว่าเธอเหมาะสมกับบทนี้มา "
ทำไมวันนี้ เจ็ต ลี ถึงใส่เสื้อเหลืองมา
เจ็ต ลี " ราบว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่คนไทยกำลังเฉลิมฉลอง 80 พรรษาของในหลวงแล้วอีกเหตุผลนึงก็คือว่าพระเอก 2 คนนี้หล่อมาก แล้วตัวผมเสื้อผ้าก็ไม่ได้เยอะ ก็เลยใส่เสื้อเหลืองมา และผมหวังว่าในหลวงจะมีอายุยืนยาว 90 ปี 100 ป " (สื่อมวลชนปรบมือให้กันทั้งห้อง)
นักแสดงแต่ละคนได้อะไรจากภาพยนตร์เรื่องนี้บ้าง
เจ็ต ลี " ทบาทแบบนี้ผมไม่เคยแสดงมาก่อน เรื่องนี้ภายนอกจะดูเป็นหนังที่รุนแรง แต่จริงๆ แล้วเป็นหนังที่ต่อต้านสงคราม ปัจจุบันนี้หนังของประเทศจีนก็จะมีภาพที่โรแมนติกสวยงาม แต่จากเรื่องนี้จะสะท้อนว่าสงครามโหดร้าย คนเรานี่แม้กระทั่งหมั่นโถวลูกเดียวหรือข้าวจานนึงก็สามารถฆ่ากันได้ จากเรื่องนี้ผมก็เลยได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องของความเอื้ออาทรซึ่งกันและกั "
หลิวเต๋อหัว " รื่องนี้จะมีคำในภาษาจีนที่มีความหมายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนในด้านบวก แต่เรื่องนี้กลับกลายเป็นเรื่องของการทรยศหักหลังกัน ผมก็อยากสื่อให้ทุกคนรู้ว่าคนเราควรจะต่อต้านความโหดร้าย ความโหดเหี้ย "
ทาเคชิ " นช่วงแรกผมยังไม่ทราบว่าใครจะมาแสดงหนังเรื่องนี้ ในระหว่างการทำงานก็ได้เห็นการทำงานของ หลิวเต๋อหัว และ เจ็ต ลี ก็รู้สึกว่าทั้งสองเข้าใจในบทและแสดงออกมาได้ดี ผมก็ได้เรียนรู้ตรงจุดนี้ และการร่วมงานกับ ปีเตอร์ ชาน ก็รู้สึกว่าดีมา "
ฉากไหนที่ประทับใจหรือยากที่สุด
ทาเคชิ " ากที่ต้องแสดงความโหดร้าย และแสดงความรู้สึกที่ต้องเค้นออกมาจากภายใ "
ปีเตอร์ " ือมันจะลึกซึ้งมาก หลายฉากจะมีบทบาทที่อีโมชั่น คือไม่ถึงกับร้องไห้ แต่นักแสดงก็ร้องแล้ว อาจจะมาจากว่าบทนี้เป็นบทที่เข้มข้นที่สุดที่ผมเคยทำมา มันเป็นเรื่องจริงเมื่อ 150 ปีก่อน คือภายใน 14 ปีมีคนจีนตายไป 70 ล้านคน เหมือนกับอัฟกานิสถานในสมัยนี้ แล้วเวลารวมกับทีมงานเนี่ยไม่ถึง 2 อาทิตย์ทุกคนก็เข้าบทกันแล้ว อาจจะเพราะว่าบทเรื่องนี้ถ่ายตามคิว คือเริ่มตั้งแต่จุดเริ่มต้นของหนัง ถ่ายตามเนื้อเรื่องเลย
ทีนี้เราก็เปลี่ยนบทกันทุกวันเลย เพราะนักแสดงมีไอเดียเยอะมาก เราก็มานั่งคุยบทกันทุกคืนเป็นงานที่เปลี่ยนบทมากที่สุด แล้วพอเปลี่ยนบทมาก ทุกคนก็เป็นเหมือนคนเขียนบทไปด้วย ความลึกซึ้งในการแสดงเลยอาจจะมากขึ้น แล้วมีหลายฉากที่ประทับใจ หลิวเต๋อหัว คือเป็นฉากที่ตามบทไม่ได้ลึกลับซับซ้อนอะไรแล้วอยู่ดีๆ พอถ่ายแล้วเขาก็ร้องไห้ออกมา ทุกคนก็ประทับใจจนลืมสั่งคัตเล "
พูดฝากภาพยนตร์เรื่องนี้
ทาเคชิ " รื่องนี้มีเนื้อเรื่องเดียวกันกับ Blood Brothers แต่ว่าก็มีส่วนที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง และคนที่ชื่นชมผลงานของ ปีเตอร์ ชาน ก็แนะนำให้มาดูหนังเรื่องนี้ เพราะว่าจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มากมาย จากประสบการณ์ของ ปีเตอร์ ชาน เอ "
หลิวเต๋อหัว " นังเรื่องนี้อาจจะมีคนรู้สึกว่าเป็นหนังผู้ชาย ผู้หญิงก็จะรู้สึกว่าไม่น่าไปดู แต่ว่าจริงๆ แล้วผู้หญิงควรไปดูมากๆ เลย เพราะว่าเราจะได้เรียนรู้แล้วก็เข้าใจผู้ชายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความรัก เรื่องของมุมมองของเขาที่มีต่อโลก ก็แนะนำว่าผู้หญิงต้องไปด "
เจ็ต ลี " นังเรื่องนี้เกิดจากผู้กำกับที่เกิดในเมืองไทย แล้วก็มีดาราจากทั้งฮ่องกง ไต้หวัน แล้วก็แผ่นดินใหญ่มาจับมือร่วมกัน เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เป็นหนังดีที่ควรไปดู โดยเฉพาะคนไท "
ส่วนในช่วงค่ำของวันเดียวกันทั้ง 4 ก็มีตารางมาร่วมเปิดตัวภาพยนตร์เรื่องนี้ ณ โรงภาพยนตร์เอสเอฟ เวิลด์ ซีเนม่า โดยงานนี้มีเหล่านักแสดงมาร่วมงานกันด้วย ซึ่งระหว่างที่รอการมาถึงของทั้ง 4 ก็มีการเล่นเกมแจกรางวัลโดยเหล่าดาราขึ้นมาเป็นผู้ถามคำถามเกี่ยวกับภาพยนตร์ให้แฟนๆ ได้ตอบชิงรางวัลกัน จนในที่สุด หลิวเต๋อหัว ทาเคชิ และ เจ็ต ลี พร้อมด้วย ปีเตอร์ ชาน ก็ปรากฏตัวเดินผ่านพรมแดงที่ปูไว้จนถึงเวที ท่ามกลางแฟนคลับทั้งหลายที่รุมล้อมถ่ายรูปและขอจับมือกัน
จากนั้น ปีเตอร์ ชาน นำทีมกล่าวทักทายทุกคนเป็นภาษาไทยอีกเช่นเคย " วัสดีครับทุกคนยินดีต้อนรับ ขอบคุณมากที่มาร่วมงานในคืนนี้ ขอให้ดูหนังสนุกแล้วก็ชอบหนังเรื่องนี " ต่อด้วย เจ็ต ลี " วัสดีครับ (ภาษาไทย) ยินดีมากที่มีเพื่อนๆ มาดูหนังเรื่องนี้กัน ขอให้ทุกคนมีความสุ " ขณะที่ หลิวเต๋อหัว ขอพูดไทยทั้งประโยคให้แฟนคลับได้กรี๊ดชอบใจกันยกใหญ่ว่า " วัสดีครับ ผมรักคนไท " ต่อด้วย ทาเคชิ กล่าวทักทายเป็นคนสุดท้าย " วัสดีครับ (ภาษาไทย) หวังว่าทุกคนคงชอบหนังเรื่องนี้นะครั "
ซึ่งในงานช่วงค่ำนี้ เจ็ต ลี ก็ยังคงแนวคิดเดิมใส่สูททับเสื้อเหลืองไว้ข้างใน พร้อมกับพูดเอาใจชาวไทยกันอีกรอบ " ราบว่าเป็นวันเกิดของในหลวงก็เลยใส่สีเหลืองมาขอถวายพระพรอยากจะให้พระองค์ท่านมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน 99 ปีเลยจะได้ใส่สีเหลืองมาทุกป "
ปิดท้ายกันที่การพูดฝากภาพยนตร์ทุนสูงเรื่องนี้ เริ่มจากกำกับรุ่นเก๋า " ทบาทของสามคนนี้เข้มข้นมาก แล้วก็การแสดงแตกต่างจากหนังแต่ก่อนมากเลยทีเดียว ถือว่าเป็นการแสดงที่ดีที่สุดในอาชีพของพวกเขาเล " ตามด้วย เจ็ต ลี " รื่องนี้ถือว่าผู้กำกับใจกล้ามากที่เชิญผมมาเล่นในบทที่ไม่เคยเล่นมาก่อน แล้วก็ขั้นตอนโพสต์โปรดักชั่นทั้งหมดเป็นฝีมือคนไทยทั้งหมดเลย หนังจะเป็นยังไง ไปดูก็จะรู้เองครั "
ส่วน หลิวเต๋อหัว ขอฝากคำโฆษณาคมๆ ไว้ว่า " ้าเผื่อคนมาดูหนังเรื่องนี้ต้องการมาดูการแสดงล้วนๆ ก็ต้องดู เจ็ต ลี ถ้าจะดูหนุ่มรูปหล่อก็ต้องดู ทาเคชิ ถ้าจะดูบู๊ๆ ก็ต้องดู หลิวเต๋อหั " ลงท้ายที่ ทาเคชิ " มยังไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้ทั้งหมดแต่ดูเป็นตอนๆ แล้ว ถ้าเอาหนังเรื่องนี้มารวมเป็นเรื่องแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแสง เรื่องเสียงบทเอยอะไรเอยก็รับรองว่าสนุกมากๆ ครับ"
ในเวลา 20.00 น. ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จมาถึงบริเวณงาน เพื่อเป็นองค์ประธาน จากนั้น คุณเตือนใจ เตชะรัตนประเสริฐ รองประธานกรรมการบริษัท สหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ขึ้นกล่าวรายงานถึงความเป็นมาของงานครั้งนี้ ที่จัดขึ้นเพื่อเป็นการนำรายได้จากการจำหน่ายบัตรรอบพิเศษจากภาพยนตร์ The Warlords และจากการประมูลของจากนักแสดงมอบให้กับมูลนิธิ To be Number 1
จากนั้น ปีเตอร์ ผู้กำกับภาพยนตร์ ได้ขึ้นถวายรายได้จากการประมูลจำนวน 232,000 บาท ให้กับมูลนิธิ To be Number 1 ส่วน เจ็ต ลี ได้ขึ้นถวายรายได้จากการจำหน่ายบัตร จำนวน 1,095,500 บาท ให้กับ มูลนิธิ To be Number 1 เช่นกัน และเนื่องจากมูลนิธิ To be Number 1 และ The One Foudation ของ เจ็ต ลี มีแนวทางในการช่วยเหลือสังคมเช่นกัน ทางทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี จึงมอบรายได้ส่วนหนึ่งให้กับมูลนิธิ The One Foudation ของ เจ็ต ลี
เตรียมพบการประชันบทบาทครั้งสำคัญของ 3 ดาวเด่นแห่งวงการบันเทิงเอเชียได้แล้วใน The Warlords เข้าฉายวันที่ 13 ธันวาคม นี้เป็นต้นไป