มะเดี่ยว ขนนักแสดง ครวญเพลงเอาใจชาว รักแห่งสยาม
อีกหนึ่งภาพยนตร์ที่หลายคนกำลังพูดถึงกันขณะนี้ คือ "รักแห่งสยาม" ผลงานชิ้นล่าของผู้กำกับหนุ่ม "มะเดี่ยว - ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล" ที่เปลี่ยนแนวหันมาทำภาพยนตร์รักดูบ้าง จากที่เคยฝากภาพยนตร์สยองไว้ 2 เรื่อง คือ "13 เกม สยอง" และ "คน ผี ปีศาจ"
หลังจากปล่อยตัวอย่างภาพยนตร์ออกไปยั่วน้ำลายให้อยากดูกันมาพักใหญ่ ในที่สุด รักแห่งสยาม ก็ได้เวลาฉายรอบสื่อมวลชนไปแล้ว เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โดยก่อนเริ่มการฉายได้มีการจัดมินิคอนเสิร์ต พรีเมียร์ คอนเสิร์ต : สยาม อิน เลิฟ ณ ลานดิสคัฟเวอรี่ พลาซ่า ซึ่งก็เรียกความสนใจจากชาวสยามได้เป็นอย่างดี
เริ่มเปิดคอนเสิร์ตกันด้วยวง "ออกัส" นำโดย "พิช - วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล" หนุ่มหน้าใสนักแสดงนำของเรื่องมากับเพลง "เพียงเธอ" จบเพลง พิช ทักทายชาวสยามบ้างว่า "สวัสดีทุกคนที่มาร่วมงานในวันนี้ รู้สึกดีใจมากๆ แล้วก็สัญญาว่าจะเต็มที่กับทุกๆ เพลงที่สื่อสารออกไป" ก่อนจะขอเสียงกรี๊ดดังๆ ในเพลง "รู้สึกบ้างไหม"
ต่อด้วย "คิว - สุวีระ บุญรอด" นักร้องนำวงฟลัว ออกมากล่อมเพลง "กันและกัน" เพลงประกอบจากภาพยนตร์ซึ่งกำลังเป็นที่ติดหูในขณะนี้ให้สาวๆ ได้กรี๊ดกันใหญ่ จากนั้นถึงคราวรุ่นเล็กอย่าง "เพชร - ภาสกร วิรุฬห์ทรัพย์" เจ้าของรางวัล เคพีเอ็น จูเนียร์ อวอร์ด 2006 และ นักร้องยุวชนยอดเยี่ยมแห่งประเทศไทย 2549 หนึ่งในสมาชิกวง ออกัส ออกมาร้องเพลง "คืนอันเป็นนิรันดร์" ซึ่งดูลีลาการร้องแล้วเรียกได้ว่าจิ๋วแต่แจ๋วจริงๆ
ขณะที่ มะเดี่ยว ขอสลัดมาดผู้กำกับมาจับไมค์คู่หนุ่ม พิช ในเพลง "Ticket" ตามด้วยเพลงซึ้งๆ อย่าง "ดินแดนแห่งความรัก" ที่ มะเดี่ยว อยากมอบให้ดินแดนแห่งความรักอย่างสยามสแควร์แห่งนี้ ก่อนจะเผยความในว่า "วันนี้เรามีความสุขกันมากๆ เพราะทำงานเหนื่อยกันมาทั้งปี และวง ออกัส ก็ซ้อมกันมาทั้งปีเช่นกัน ก็ดีใจมากๆ ที่ได้มายืนอยู่ตรงนี้"
มาถึงแขกรับเชิญสุดพิเศษอีกคนหนึ่ง "น้อย - กฤษดา สุโกศล แคลปป์" หรือ "น้อย วงพรู" ที่มาพร้อมเพลงดังของเขาอย่าง "ทุกสิ่ง" และแน่นอนว่าระดับ น้อยวงพรู มีหรือจะไม่มัน ช่วงท้ายเพลงท่าเพี้ยนมันๆ ของเขาจึงเริ่มออกฤทธิ์จนผู้กำกับอดใจไม่ไหวมาขอร่วมวงออกลีลาเด็ดด้วยอีกคน
หลังจบเพลง มะเดี่ยว เผยถึงเหตุผลที่เชิญ น้อย มาเป็นแขกพิเศษของวันนี้ว่า "ประทับใจในตัว พี่น้อย มาก ทั้งงานหนังและงานเพลง เราก็นับถือ พี่น้อย เหมือนพี่ชายคนนึง วันนี้ที่น้องประสบความสำเร็จแล้วก็เลยอยากให้ พี่น้อย ได้มาชื่นชม" ด้าน น้อย ก็เผยถึง รุ่นน้องของตนว่า "ดีใจสำหรับเค้า ภูมิใจในตัวเค้ามาก เพราะเค้าเป็นผู้กำกับที่ไม่เหมือนใครจริงๆ แค่เห็นแค่นี้ก็เข้าใจแล้วใช่มั้ยครับ (หัวเราะ)"
จบท้ายคอนเสิร์ตด้วยเหล่านักแสดงของเรื่อง ทั้ง "นก - สินจัย เปล่งพานิช" "พลอย - เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์" "โอ้ - มาริโอ้ เมาร่อ" "ตาล - กัญญา รัตนเพชร์" "เบสท์ - อธิชา พงศ์ศิลป์พิพัฒน์" "หนักแน่น - อาทิตย์ นิยมกุล" และ "เก้า - จิรายุ ละอองมณี" ออกมาร่วมกันร้องเพลง "กันและกัน" จบเพลง มะเดี่ยว ออกมากล่าวขอบคุณเหล่าทีมงานทั้งหลาย "ตื้นตันมาก มาถึงทุกวันนี้คือหนังเรื่องนี้ผ่านการเดินทางมามากมายและยาวนาน ก็อยากจะขอบคุณทีมงาน รักแห่งสยาม ทุกคน วงออกัส และก็มีอีกเยอะแยะที่อยากจะขอบคุณ ก็อยากจะขอบคุณทุกๆ คนที่ทำให้หนังเรื่องนี้เกิดขึ้น"
ขณะที่ พลอย ก็ขอย้อนขอบคุณผู้กำกับบ้างว่า "ขอบคุณ พี่มะเดี่ยว ที่เปิดโอกาสให้ พลอย มาเล่นหนังเรื่องนี้ ก็ขอบคุณมากๆ เป็นหนังที่ พลอย อ่านบทปุ๊บ พลอย รู้สึกอิน แล้วก็รักกับหนังเรื่องนี้มากๆ เลย แล้ว พลอย คิดว่าหลายคนถ้าดูหนังเรื่องนี้แล้ว จะรักหนังเรื่องนี้มากๆ แล้วก็จะไม่มองข้ามความรักที่อยู่ข้างๆ ตัวเอง เพราะ พลอยเชื่อว่าหลายคนมักจะมองข้ามความรักที่อยู่ใกล้ตัวเรามากที่สุด ก็คือพ่อแม่ เพื่อน หรือคนสนิท พลอย เชื่อว่าถ้าดูหนังเรื่องนี้กลับไปจะรักคนข้างๆ ตัวเรามากขึ้นเลยค่ะ"
ปิดท้ายด้วยรุ่นใหญ่อย่าง นก สินจัย ขอกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า "จริงๆ แล้วก็ตั้งใจจะขอบคุณทางบาแรมยู ที่ติดต่อ นกให้แสดงเรื่องนี้ และขอบคุณ มะเดี่ยว ดีใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ รักแห่งสยาม มันเป็นภาพยนตร์ที่สวยงาม พูดถึงความรักในหลายรูปแบบ ในหลากหลายวัย หลากหลายความรู้สึก คิดว่านี่จะเป็นภาพยนตร์รักอีกเรื่องนึงที่ให้อะไรดีๆ กับทุกคน ทุกๆ วัยด้วย ก็ขอให้มีความสุขกับการชมภาพยนตร์เรื่องนี้ค่ะ"
จากนั้นเราได้โอกาสดึงตัว มะเดี่ยว ผู้กำกับของเรื่องมาให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้กันบ้าง
หน้าหนังคล้ายกับหนังค่ายจีทีเอช กลัวโดนเปรียบเทียบบ้างไหม
"เป็นเรื่องธรรมดาที่จะถูกเปรียบเทียบ เพราะว่าต้องหาเรฟเฟอเรนซ์เวลาคนจะไปดูหนัง การไปเหมือนหนังจีทีเอชก็ไม่ได้น่าเกลียด หนังเค้าก็ดี แต่คืองานของเรามันแตกต่างอยู่แล้ว ก็ต้องรอการพิสูจน์ในโรงภาพยนตร์ คือทุกคนจะเคยชินจากการที่ มะเดี่ยว ทำหนังแอ็กชั่น หนังเขย่าขวัญ แต่พอ มะเดี่ยว มาทำหนังรักคนดูก็ยังนึกภาพไม่ออก ก็ไม่แปลกที่เค้าจะเปรียบเทียบ แต่ว่าก็แตกต่างนะครับ"
แตกต่างกันอย่างไร
"เป็นคนละแนวกัน คือหนังเรายาวกว่า (หัวเราะ) คือเป็นหนังดีเหมือนกัน แต่มุมมองในความคิดเรื่องความรักแตกต่างกันไปเฉยๆ อันนี้เรามองความรักในมุมที่ลึกและซึ้ง คือเป็นเรื่องของคนธรรมดาๆ นี่แหละครับ หนังเรื่องนี้ไม่มีพล็อตไม่มีอะไรเป็นพิเศษเลย จะเห็นได้ว่าตั้งแต่วันแรกที่เปิดตัวจนถึงวันนี้นี่เรื่องย่อยังอ่านกันไม่หมด คือเป็นเรื่องธรรมดาๆ ของคนธรรมดา เพียงแต่ว่าเราหยิบขึ้นมาเล่า เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน เราหยิบขึ้นมาเล่ามุมที่เรามองข้ามไปก็เท่านั้นเอง ดูแล้วเราอาจจะสะกิดใจที่ส่วนนึงอาจจะตรงกับเรานะ หรือเราเคยพลาดอะไรไปในชีวิตบ้าง นี่คือที่ว่าลึกและซึ้งล่ะครับ"
คิดว่าคนที่ดูจะได้อะไรกลับไป
"ได้มากมายเลย ได้สิ่งที่คาดไม่ถึงจากหนังวัยรุ่น ได้ความรู้สึกดีๆ กลับไป"
แล้วคาดหวังแค่ไหนกับภาพยนตร์เรื่องนี้
"ก็คิดว่าเป็นหนังที่คนน่าจะชอบ คาดหวังมากที่สุดคืออยากจะให้ทุกคนมีหนังเรื่องนี้เป็นหนังในดวงใจก็พอแล้ว"
ตัวเลขล่ะ
"ก็คาดหวัง แต่ไม่กล้าพูด (หัวเราะ) ก็ยังคาดหวังอยู่ล่ะครับ"
ถ้า 100 ล้านนี่คิดว่ายากไหม
"ด้วยความยาวของหนัง และปัจจัยหลายอย่างก็อาจจะเป็นอุปสรรคนิดนึง แต่เชื่อว่าเรื่องนี้คนจะชอบได้ไม่ยาก ถ้าเกิดชอบก็อยากจะให้ไปอุดหนุนไปดูกัน จะได้ทำหนังดีๆ ทำหนังที่อบอุ่นใจแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ"
ตัวเลขที่เท่าไหร่ถึงคิดว่าประสบความสำเร็จแล้ว
"ซัก 50 ล้านก็ดีใจแล้วนะ"
ถ้าให้จำกัดความแนวหนังของเรานี่จะจำกัดไว้อย่างไร
"โรแมนติกดราม่าครับ"
อยากให้พูดแนะนำและฝากภาพยนตร์เรื่องนี้ไว้ด้วย
"เรื่องนี้เป็นหนังที่เล่าเรื่องย่อไม่ได้ เพราะเป็นหนังหลายชีวิต แต่ที่แน่ๆ คือมันพุ่งไปสู่ประเด็นเดียว นั่นคือ เราพูดกันว่าความรักสำคัญยังไงกับชีวิต อย่างหนังรักหลายๆ เรื่อง มันคือความโรแมนติก ความฝัน ความโหยหา คือดูจบออกมาแล้วอยากมีแฟน แต่เรื่องนี้บางคนที่ไม่มีแฟน ดูออกมาแล้วก็ไม่ถึงขั้นจะต้องอยากมีแฟน คนที่ไม่มีแฟนคนเหงาเข้าไปดูก็ไม่ได้รู้สึกว่า เฮ้ย เราก็ไม่ได้ขาดความรัก เราก็ไม่ได้อยู่คนเดียวนะ คือหนังเรื่องนี้มันเป็นเพื่อนของคุณ ก็อยากให้ไปดูกัน"
ใครอยากรู้ว่าภาพยนตร์รักในมุมมอง มะเดี่ยว เป็นอย่างไร ไปพิสูจน์กันได้กับ รักแห่งสยาม เข้าฉายแล้วตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน นี้