เปิดตัวสงครามของมารและมนุษย์ใน โอปปาติก เกิดอมตะ

ได้เวลาฉายเปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยสำหรับ "โอปปาติก เกิดอมตะ" ภาพยนตร์แอ็กชั่นแฟนตาซีที่นำนักแสดงแถวหน้าของวงการบันเทิงมารวมไว้ถึง 8 คน ได้แก่ "เต๋า - สมชาย เข็มกลัด" "ชาคริต แย้มนาม" "ลีโอ พุฒ" "บอล - อธิป นานา" "เร แม๊คโดแนลด์" "เชอร์รี่ - เข็มอัปสร สิริสุขะ" "หนิง - นิรุตติ์ ศิริจรรยา" และ "อ๊อฟ - พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง" ผลงานกำกับของ "อั๋น - ธนกร พงษ์สุวรรณ" เจ้าของผลงานอย่าง "โกหก...ทั้งเพ" และ "เอ็กซ์แมน แฟนพันธุ์เอ็กซ์"

โอปปาติก เรื่องราวของเหล่าโอปปาติก สิ่งมีชีวิตคล้ายภูติผีปีศาจที่ใช้ชีวิตปะปนอยู่กับผู้คนทั่วไป แต่ละคนที่เป็นโอปปาติกนั้น จะได้รับพลังพิเศษบางอย่างที่ทำให้มีความสามารถเก่งกาจเหนือคนอื่นๆ หลังจากใช้เวลาถ่ายทำนานกว่า 3 ปี โดยทุ่มทุนสร้างกว่า 80 ล้านบาท ในที่สุดก็ได้เวลาฉายรอบสื่อมวลชนไปแล้วเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ที่ผ่านมา

เริ่มเปิดงานด้วยการแสดงสดฉากต่อสู้ของเงา ทั้งเตะ ต่อย ยิง กันกระจาย เป็นการเรียกน้ำย่อยก่อนเข้าชม จากนั้น "ดีเจภูมิ - ภูมิใจ ตั้งสง่า" รับหน้าที่พิธีกรบนเวที กล่าวทักทายสื่อมวลชน ตามมาด้วย อั๋น ผู้กำกับของเรื่องรวมทั้งนักแสดงนำอีก 3 คน ได้แก่ เต๋า เชอร์รี่ และ บอล มาเป็นตัวแทนให้สัมภาษณ์

เริ่มจาก เต๋า กล่าวแนะนำภาพยนตร์เรื่องนี้ว่าเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับชีวิตหลังความตาย ที่มาอยู่ในโลกของคนเป็น โดยรับบทเป็นโอปปาติกที่มีความสามารถพิเศษคือทุกครั้งที่ตายจะลอกคราบและผุดขึ้นมาใหม่ เป็นอมตะ แต่ทุกครั้งที่ผุดขึ้นมาใหม่จะรู้สึกเจ็บปวดทรมานมาก ส่วน บอล รับบทเป็นโอปปาติกที่มีหน้าตาดีและสามารถบังคับให้ภูติอัปลักษณ์ในตัวออกมาสร้างความชั่วได้ แต่ทุกครั้งที่ใช้ร่างก็จะเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ เชอร์รี่ รับบทเป็น ปราณ ซึ่งเป็นเหมือนลมหายใจของเหล่าโอปปาติก เป็นศูนย์รวมที่ทำให้โอปปาติกทุกตัวมารวมกันได้

ด้านผู้กำกับพูดถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ว่าเป็นภาพยนตร์แอ็กชั่นแฟนตาซีในแบบไทยๆ ที่นำเอาคำว่า โอปปาติก ในพระพุทธศาสนามาตีความใหม่ โดยจะไม่ได้มุ่งเน้นไปในทางพระพุทธศาสนา ส่วนการเลือกนักแสดงนั้น เลือกนักแสดงชุดนี้เพราะคิดว่าเหมาะสมกับตัวละครมากที่สุด และเป็นการพลิกบทบาทของแต่ละคนด้วย

สำหรับเรื่องของการใช้เทคนิคพิเศษและการแต่งหน้านั้น บอล ซึ่งรับบท รามิล เผยว่า เขาต้องใช้เวลาแต่งหน้านานกว่า 3 ชั่วโมง เพื่อเข้าฉาก ขณะที่ตัวละคร จิรัสย์ ของเต๋า จะเป็นเรื่องของการลอกคราบ ต้องใช้น้ำเมือกในการถ่ายทำ ซึ่งก็โหดเอาการเพราะต้องใช้น้ำเมือกที่เพิ่งอุ่นเสร็จใหม่ๆ มาราดที่ตัว

ส่วน เชอร์รี่ สาวคนเดียวของเรื่อง เล่าถึงการแสดงของเธอในเรื่องว่า "เล่นเป็นคนนิ่งๆ ใครเข้าไปดูอย่าคิดว่าไม่ได้เล่นนะคะ คือเล่นอยู่ แต่มันต้องเล่นแบบนิ่งจริงๆ คือใครจะฉุดกระชากลากถูยังไงก็ต้องนิ่ง ซึ่งก็ยากมากเหมือนกัน" นอกจากนี้ เชอร์รี่ เสริมถึงความยากของการแสดงในเรื่องนี้ว่า "คำพูดเป็นคำพูดที่เรารู้สึกไปกับมัน เราเศร้าไปกับมัน แต่เราไม่สามารถมีน้ำตาได้ มันต้องรู้สึกอยู่ข้างใน แล้วสื่อสารไปให้คนดูรู้ด้วยว่าเรารู้สึกอยู่ ไม่ใช่นิ่งเหมือนจะหลับ แบบกลวงๆ"

มาถึงความรู้สึกของแต่ละคนที่กำลังจะได้เห็นผลงานของตัวเองเป็นครั้งแรก บอล เผยว่า "รู้สึกตื่นเต้น แล้วก็อยากดูมากๆ " ด้าน เต๋า บอกว่า "ดีใจ เพราะทุกคนก็ตั้งใจ แล้วงานนี้ก็เป็นการรวมตัวกันของพระเอกนางเอกแถวหน้าของเมืองไทย 8 คน ซึ่งก็ถือว่าเป็นการรวมตัวที่ยาก และ เราก็ทำด้วยใจ ทำจากความรู้สึกของพวกเรา" ส่วน เชอร์รี่ กล่าวว่า "รอจะดูหนังเรื่องนี้มานาน ก็รู้สึกดีใจที่จะได้ดูแล้ว เพราะหนังเรื่องนี้จริงๆ มีหลายมุมให้เลือกที่จะดู เลือกจะชอบ หรือเลือกที่จะเอามาคิด แล้วก็ชอบวิธีการทำงานของ พี่อั๋น ในการถ่ายทำ การเลือกโลเคชั่น ต่างๆ เพราะละเอียดแล้วก็พิถีพิถันจริงๆ ก็หวังว่าทุกคนจะมีมุมที่จะชอบหนังเรื่องนี้"

ท้ายสุด เต๋า ฝากถึงสิ่งที่จะได้จากการดูภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "นอกเหนือจากความบันเทิงแล้ว ก็จะได้ปรัชญาชีวิตในเรื่องของการรู้จักพอ การรู้จักหยุด รู้จักการตัดกิเลสในใจ" และผู้กำกับกล่าวเป็นการปิดท้ายว่า "อยากจะฝากภาพยนตร์เรื่อง โอปปาติก เกิดอมตะ เพราะว่าทีมงาน ทีมนักแสดง และทีมผู้สร้าง รวมถึงตัวผมเองมีความตั้งใจอยากจะให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมาดีที่สุด แล้วก็อยากให้ทุกคนได้ดูกัน"

หลังจบการแถลงข่าว "นัท - มีเรีย เบนเนเดดตี้" นักร้องชื่อดังอดีตภรรยาของ เต๋า ปรากฏตัวสร้างเสียงฮือฮา โดย นัท กล่าวว่า "มาวันนี้เพื่อให้กำลังใจทุกคน เพราะรู้จักนักแสดงทุกคน แล้วก็ผู้กำกับมาตั้งแต่ 3 ปีก่อนแล้ว ซึ่งวันนี้ เต๋า ก็เป็นคนชวนให้มาดู เพราะเป็นการฉายวันแรก ก็มากับเพื่อนๆ อีกหลายคนด้วย" จากนั้น เต๋า จึงเข้ามาขอบคุณ นัท ที่มาในวันนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามทั้งสองถึงโอกาสในการกลับมารักกัน เต๋ากล่าวยิ้มๆ ว่า "ขออนุญาตพูดในใจแล้วกัน" ขณะที่ทาง นัท นักร้องสาวกลับบ่ายเบี่ยงให้ไปดูภาพยนตร์แทน