ลีจุนกี แถลงข่าวละครเรื่องใหม่กับการถ่ายทำในเมืองไทย
บรรดาแฟนๆ คอละครเกาหลีได้คึกคักกันอีกครั้งแล้ว เมื่อกองถ่ายละครเรื่อง "The Hour of Dog and Wolf" ได้เดินทางมาปักหลักถ่ายทำเรื่องนี้กันที่เมืองไทยนานถึง 1 เดือน โดยได้หอบหิ้วเอา 2 หนุ่มหล่อ "ลีจุนกี" (Lee Jun-Ki) ที่คนไทยคุ้นหน้ากันดีจากภาพยนตร์ "The King and the Clown" และละคร "My Girl" ที่ในเรื่องนี้ได้ประชันบทบาทกันกับอีกหนึ่งหนุ่มมาดเท่ "จองคยองโฮ" (Jung Kyungho) โดยมีนางเอกของเรื่องคือ "นัมซังมี" (Nam Sangmi)
เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ณ โรงแรมใบหยกสกาย ได้มีงานแถลงข่าวการเดินทางมาครั้งนี้ ที่ถือว่าเป็นการร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อประชาสัมพันธ์ความสวยงามของบ้านเมืองเราให้ชาวเกาหลีได้รู้จักอีกทาง โดยมี 2 หนุ่ม จุนกี และ คยองโฮ ร่วมด้วย "คิมแจฮอง" (Kim Jaehong) ผู้ช่วยผู้กำกับ มาพูดคุยถึงการทำงานครั้งนี้ให้ฟังกัน ส่วนนางเอกของเรื่องนั้นจะเดินทางมาสมทบในภายหลัง
เพราะอะไรถึงเลือกเมืองไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำ
แจฮอง "ในตอนแรกก็ไม่ได้กำหนดว่าต้องเป็นประเทศไทย แต่ว่าตัวคนเขียนบทและผู้กำกับเองก็ได้มาทำการสำรวจประเทศที่อยู่ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมไปถึงจีนด้วย ซึ่งเมืองไทยเป็นประเทศที่มาเป็นประเทศสุดท้าย แต่ว่าชอบเมืองไทยมากที่สุด และรู้สึกว่ามีบรรยากาศและภูมิประเทศที่น่าจะเหมาะกับการมาถ่ายทำละครเรื่องนี้ครับ"
เนื้อหาของละครเป็นยังไงบ้าง
แจฮอง "เรื่องราวก็จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ ลีจุนกี ซึ่งรับบทเป็นคนเกาหลีที่มาเกิดในประเทศไทยแล้วแม่ของเค้าถูกฆาตกรรม ภายหลังก็ถูกอุปการะให้ไปอยู่ที่เกาหลีในครอบครัวเดียวกันกับ คยองโฮ แล้วต่อมาก็เข้าเป็นตำรวจและมาเมืองไทยอีกครั้ง เพื่อสืบหาฆาตกรที่ฆ่าคุณแม่เค้าตั้งแต่เด็กๆ"
นักแสดงทั้ง 2 คนเคยมาเมืองไทยมาก่อนรึเปล่า
จุนกี "ครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง แต่ครั้งที่แล้วจะมาเที่ยวเฉยๆ ครับ"
คยองโฮ "เพิ่งเคยมากรุงเทพฯ ครั้งแรกครับ แต่ว่ามาภูเก็ตบ่อยมากครับ ผมชอบมาเที่ยวที่ภูเก็ตครับ"
รู้สึกยังไงที่ได้มาถ่ายละครที่เมืองไทย
จุนกี "ผมก็ได้ยินมานานแล้วครับว่าคนไทยเป็นคนที่ใจดี ดังนั้นเลยรู้สึกสบายใจและดีใจที่จะได้มาถ่ายทำในที่ๆ มีแต่คนใจดี และเชื่อว่าภูมิประเทศหรือว่าอากาศในเมืองไทยจะช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้เป็นสีสันของละครเรื่องนี้ครับ"
คยองโฮ "คิดเหมือนกับ จุนกี ครับ ซึ่งพอผมได้มาเห็นกรุงเทพฯ แล้วคิอว่าเหมาะมากเลยกับละครเรื่องนี้ครับ คิดว่าจะช่วยเพิ่มความน่าดูน่าชมให้กับละครเรื่องนี้ และยังดีใจด้วยที่ได้มาพบกับแฟนๆ ชาวไทยครับ"
ว่างจากถ่ายละครอยากจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง
จุนกี "ครั้งที่แล้วมาไม่มีโอกาสได้ไปเที่ยวทะเลจริงๆ คือมาแบบผ่านๆ แวบๆ ผ่านไปที่ทะเล แต่ไม่ได้ลงไปเล่นน้ำในทะเลเลย คราวนี้ถ้ามีโอกาสเลยอยากไปเล่นน้ำที่ทะเลครับ"
คยองโฮ "อยากไปหัวหินครับ ผมได้ยินมาว่าเป็นสถานที่ๆ ดีที่สุดเลยครับ แล้วถ้าใครอยากจะแนะนำที่ไหนก็บอกผมทีหลังได้เลยนะครับ"
พูดถึงบทบาทในเรื่องให้ฟังหน่อย
จุนกี "ก็อย่างที่ผู้ช่วยผู้กำกับบอกไปแล้วนะครับ ผมจะเป็นตำรวจที่เติบโตมาพร้อมกับคุณ คยองโฮ คาแรกเตอร์ก็จะเป็นคนที่เก็บความแค้น ความเศร้ามาตั้งแต่เด็กๆ เพราะว่าคุณแม่จะถูกฆาตกรรมมาตั้งแต่เด็กๆ ครับ ก็รู้สึกหนักใจเหมือนกัน เพราะว่าบทที่ได้รับคราวนี้เนี่ยเป็นบทที่หนักกว่าละครเรื่องอื่นๆ ที่ผ่านมาครับ ยังไงก็ขอฝากฝังละครเรื่องนี้กับแฟนๆ ด้วยครับ"
คยองโฮ "บทของผมจะเป็นเหมือนเพื่อนเหมือนคนในครอบครัว เพราะว่าที่บ้านก็รับ จุนกี เข้ามาและได้โตไปพร้อมๆ กันกับเค้า จนได้เป็นตำรวจตามคุณพ่อ ซึ่งพอโตมาแล้วก็ได้ตกหลุมรักผู้หญิงคนเดียวกัน ดังนั้นเรื่องก็จะมีขัดแย้งกันนิดหน่อยด้วย"
เรื่องนี้จะเริ่มถ่ายทำกันเมื่อไร
แจฮอง "จะเริ่มถ่ายทำวันที่ 26 ครับ เพราะต้องรอนักแสดงนำหญิงด้วย"
ถ่ายทำในกรุงเทพฯ อย่างเดียวหรือว่าที่ต่างจังหวัดด้วย
แจฮอง "ส่วนใหญ่จะถ่ายที่กรุงเทพฯ แต่อาจจะมีไปถ่ายที่ต่างจังหวัดบ้าง"
เตรียมตัวอะไรมาบ้างก่อนที่จะมาเมืองไทย
จุนกี "ผมเตรียมภาษาไทยมา 2 คำครับ สวัสดีครับ ขอบคุณครับ แต่ว่าตั้งแต่วันนี้คงต้องเริ่มเพิ่มเติมคำศัพท์เข้าไปครับ"
คยองโฮ "รู้ว่าเมืองไทยอากาศร้อนเลยเตรียมเสื้อแขนสั้นและกางเกงขาสั้นมาครับ และผมรักคุณ (ภาษาไทย)"
เตรียมตัวในฉากแอ็กชั่นอย่างไรบ้าง
จุนกี "ละครเรื่องนี้มีบทบู๊เยอะมากเลยครับ เป็นเรื่องแรกที่จะเล่นบทบู๊เยอะๆ ก็เลยตื่นเต้นและมีกังวลใจบ้างนิดหน่อยครับ"
ในการรับบทเป็นตำรวจได้เตรียมตัวมากน้อยแค่ไหน
จุนกี "ตัวผมเองเล่นเทควันโดมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว และออกกำลังกายตลอดเวลา ก็เลยไม่ค่อยมีปัญหา ก็เลยจะเตรียมในเรื่องของจิตใจ เตรียมใจให้พร้อมในการรับบทแอ็กชั่นครับ"
คยองโฮ "ประมาณหนึ่งเดือนก่อนที่จะมาที่นี่ ผมก็มีการลงเรียนที่โรงเรียนสอนแอ็กชั่น เพื่อที่จะแสดงบทได้เหมือนตำรวจ ก็ไปดูว่าเค้าทำยังไงกันบ้าง และได้ทดลองยิงปืนด้วย"
จุนกี พลิกบทบาทจากที่เคยเล่นบทใสๆ แล้วแฟนที่เกาหลีว่ายังไงบ้าง
จุนกี "ผมก็มีไปแอบดูกระแสแฟนๆ ในอินเตอร์เนตครับ แฟนๆ ก็ดูจะตื่นเต้นที่ผมได้พลิกบทบาทใหม่ ก็จะได้เห็นผมในมุมมองใหม่เหมือนกัน ส่วนตัวผมเองก็ดีเหมือนกันที่จะได้โชว์ความสามารถอีกหนึ่งด้านให้ทุกคนได้เห็นกันครับ"
สำหรับการถ่ายทำในเมืองไทยของเรื่อง The Hour of Dog and Wolf นั้น จะถ่ายทำในไทยประมาณ 5 ตอนจากทั้งหมด 16 ตอน และคาดว่าจะเริ่มแพร่ภาพที่เกาหลีในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้เป็นต้นไป