บทสัมภาษณ์ เต้-ตั๊ก นักแสดงนำจากภาพยนตร์เรื่อง ไอ้ฟัก
คำพิพากษา บทประพันธ์โดย ชาติ กอบจิตติ นวยายดีเด่นแห่งชาติปี พ.ศ. 2524 ได้รับรางวัลซีไรท์ปี พ.ศ. 2525 ถูกตีพิมพ์ซ้ำกว่า 30 ครั้ง และแปลเป็นภาษาต่างประเทศถึง 6 ภาษา ซึ่งเป็นการนำเสนอเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่ถูกโยนบาปว่าได้หญิงไม่สมประกอบเป็นภรรยา และหญิงนี้เคยเป็นภรรยาพ่อของเขามาก่อน จึงเป็นเรื่องราวสั่นคลอนจริยธรรมของคนทั้งตำบล ก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมที่มนุษย์อย่าง ฟัก และ สมทรง ถูกกระทำ
จีเอ็มเอ็ม พิคเจอร์ส ได้นำบทประพันธ์ คำพิพากษา มาถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์เรื่อง ไอ้ฟัก โดยการกำกับของ พันธุ์ธัมม์ ทองสังข์ นำแสดงโดย ตั๊ก - บงกช คงมาลัย และ เต้ - ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์ ซึ่งขณะนี้ได้เปิดกล้องถ่ายทำไปแล้วประมาณ 90% โดยปักหลักถ่ายทำกันที่จังหวัดสิงห์บุรีและจังหวัดกาญจนบุรี
การถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง ไอ้ฟัก ในกรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก ซึ่งนับเป็นฉากสำคัญฉากหนึ่งในเรื่อง คือ ฉากลิเกในจินตนาการของสมทรง ที่จินตนาการว่าตนเองเป็นนางเอกลิเกที่กำลังจะถูกแม่ค้าชาวป่าแย่ง ฟัก สามีของตนเอง จึงปรี่เข้าไปด่าทอและตบตีแม่ค้าชื่อ ละมัย ด้วยลีลาของลิเก ซึ่งในความเป็นจริงสมทรงกับฟักกำลังอยู่ที่งานวัด สมทรงเห็นฟักกำลังซื้ออ้อยกับแม่ค้าละมัย ทั้งสองคนหยอกล้อกันจึงทำให้สมทรงเกิดความหึงหวงขึ้นมา
ฉากนี้นักแสดงนำทั้งคู่จะต้องร้องลิเกเพื่อโต้ตอบกันตลอดเวลา โดยมีอาจารย์บุญเลิศ นาจพินิจ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดงลิเก เป็นผู้ฝึกสอนลิเกให้กับนักแสดงทั้งคู่ และยังมีวงดนตรีลิเกประกอบการร้องรำในการถ่ายทำ
ภาพยนตร์เรื่อง ไอ้ฟัก มีกำหนดฉายทั่วประเทศ ในเดือนธันวาคมนี้
เต้ ดารานำแสดงชาย ได้ให้สัมภาษณ์ว่า...
แนะนำตัวเอง
"ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์ อายุ 21 ปี เรียนอยู่ที่สถาบันราชภัฎสวนสุนันทา ปี4 คณะมนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ เอกรัฐประศาสนศาสตร์ เต้เป็นคนใต้ครับ เป็นคนหาดใหญ่ อยู่ใต้มาตลอดเลยครับ มีขึ้นมาเที่ยวกรุงเทพ ฯบ้าง แต่ตอนปี 1 นี่ขึ้นมาอยู่เลยครับ"
เริ่มต้นการทำงานจาก
"เมื่อปี 43 ได้เข้าประกวดกับโตโยต้าปรากฏว่าได้อันดับ 2 ทางโตโยต้าโดยคุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ จึงนำผมเข้าสู่อราทิสต์ หลังจากนั้นก็ได้มีการเทสต์เสียงและงานในวงการบันเทิงด้านต่างๆ แต่ก็ยังไม่ได้เริ่มทำงานอะไร ในที่สุด เมื่อต้นปี 45 ที่ผ่านมาทางอราทิสต์ก็ได้ให้มาเทสต์งาน คำพิพากษา จากนั้นก็ได้คุยกับพี่ปุ๊ก เกิดถูกใจในตัวผม เพราะคาแรคเตอร์ของฟัก พี่ปุ๊กคงคิดว่าคล้ายตัวผม ก็เลยได้มาทำงานตรงนี้"
ทำไมถึงได้บทนักแสดงนำฝ่ายชายในเรื่องนี้
"เพราะเข้ามาแคสต์กับพี่ปุ๊ก ตอนแรกก็ไม่รู้จักว่า คำพิพากษา คืออะไร แต่ก็ได้คุยกับญาติ เค้าก็บอกว่าเป็นหนังเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ทางช่อง 3 พี่เอ๋ กษมา เล่นเป็น ไอ้ฟัก เห็นว่าน่าสนใจดี ช่วงที่รอผลก็เลยไปซื้อหนังสือมาอ่าน เห็นบทแล้วต้องเล่นเป็นคนเมา คนเก็บกด เป็นอะไรที่ยากมากในความรู้สึกครั้งแรกที่ได้อ่าน แต่อีกความรู้สึกนึงก็รู้สึกว่าถ้าเราได้ไปเล่นก็จะเป็นอะไรที่ท้าทาย เพราะเป็นงานแรกของเราด้วย ก็เลยติดตามมาแคสต์กับพี่เค้าตลอด รอบสุดท้ายเมื่อพฤศจิกายน 2545 ก็ปรากฏว่าได้"
ให้พูดถึงคาแรกเตอร์ของตัวละครที่เต้ต้องรับบทเป็น ไอ้ฟัก
ฟักจากบทประพันธ์เค้าได้บวชตั้งแต่เด็กๆ ได้เปรียญธรรมเอก ตั้งแต่อายุ 18 ปี จากนั้นก็สึกออกมาช่วยพ่อทำงาน โดยรวมเค้าเป็นคนที่มีศีลธรรมประจำใจตลอด รักษาศีล 5 เดินทางสายกลางตลอด จนมาเจอกับ สมทรง ซึ่งเป็นเมียพ่อ แต่ตอนเจอกันครั้งแรกไม่รู้ ก็รู้สึกประทับใจในความสวยของ สมทรง แต่พอรู้ว่าเป็นเมียพ่อ จึงต้องหยุดทุกอย่างไว้
ต่อมาพ่อตาย ด้วยที่ความเป็นคนที่เดินทางสายกลางมาตลอด แคร์สายตาคนรอบข้างคนที่เคยฟังฟักเทศน์ คนที่เป็นโยมอุปฐาก รักพ่อมาก แต่วันหนึ่งเค้าต้องมาดูแลคนที่อยู่ในวัยเดียวกัน เค้าจะรู้สึกว่าเมียพ่อก็ต้องดูแล กลัวชาวบ้านเค้าจะมองไม่ดี ฟักก็ไม่รู้จะทำยังไง ก็ตัดสินใจที่จะรักษาความรู้สึกของชาวบ้านด้วยและก็ดูแลสมทรงไปด้วย เพราะเค้ารู้สึกว่าสมทรงเป็นของของพ่อ ที่เค้าต้องรักษาไว้ เพราะเค้ารักพ่อมาก แต่ชาวบ้านก็มองเค้าในแง่ที่ไม่ดีเท่าไรนัก เลยต้องอดทนดูแลสมทรงท่ามกลางการประณามของชาวบ้าน ฟักคิดมาก ในที่สุด งานเผาศพพ่อก็ไม่มีชาวบ้านมางาน และยิ่งสับสนมากขึ้นเมื่อ สมทรง เริ่มก่อเรื่องกับชาวบ้าน นำความเดือดร้อนมาให้ฟัก ฟักไม่รู้จะพึ่งอะไร จึงหันไปพึ่งเหล้ "
ในการทำงานมีความยากง่ายอย่างไร
" ั้งแต่แรกผมไม่เคยเล่นอะไรมาเลย ก็เลยรู้สึกว่ามันยากมาก ต้องปรับตัวทุกอย่าง ต้องเรียนแอ๊กติ้ง ต้องเข้าใจบทว่าต้องการจะสื่ออะไร ซึ่งเมื่อก่อนไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามันยาก เพราะการแสดงไม่ใช่การแกล้งทำเราต้องรู้สึกจริงๆ แต่ก็ยังโชคดีที่ได้ อาจารย์คำรณ มาช่วยสอน ทำให้เข้าใจอะไรมากขึ้นเยอะ ซึ่งก็ต้องใช้เวลาเรียนรู้พอสมควร พอเริ่มเปิดกล้อง ผมตื่นเต้นมากจนลืมที่เรียนมาหมด เพราะเป็นการเข้าไปอยู่ในกองถ่ายครั้งแรกของผม ช่วงแรกก็ต้องให้พี่ปุ๊กช่วยบรีฟ ช่วยเป็นโค้ชให้ โชคดีที่ได้พี่ๆ ช่วยครั "
ท้อไหม
" ม่ครับ พอทำไม่ได้ผมรู้สึกว่าผมต้องทำให้ได้ครับ จนเมื่อถ่ายทำได้เดือนหนึ่งผมจึงเริ่มเข้าใจถึง บทบาทมากขึ้น เริ่มสื่อความรู้สึกออกมาจากข้างในมากขึ้ "
เล่าประสบการณ์ที่ได้จากการถ่ายภาพยนตร์
" ้องลิเกครับ ประมาณ ป.3 ผมอยู่หาดใหญ่ ต้องไปหาย่าที่พัทลุง ทุกอาทิตย์ที่พัทลุงจะมีลิเก ก็พาย่าไปดูผมก็ได้ไปเที่ยวด้วย พอได้ร้องจริงแล้วต่างกันเลย บทแค่นิดเดียว แต่กว่าจะได้เป็นคำออกมาแต่ละท่อนต้องใช้เวลาในการฝึกมากๆ ต้องใช้เสียงสูงเสียงต่ำ โอ้โห! รายละเอียดมันเยอะมากครับ เป็นศิลปะที่ต้องฝึกฝนและเข้าใจจึงจะทำออกมาได้ดี ไม่ง่ายเลยครับ
นอกจากเล่นลิเกแล้วผมก็รู้อะไรมากขึ้น ในส่วนของเบื้องหลังการถ่ายทำ รู้รายะเอียดในการถ่ายทำภาพยนตร์มากขึ้น แล้วก็ประสบการณ์เกี่ยวกับยุง เพราะโลเกชั่นที่ถ่ายทำเป็นป่า มีบ่อน้ำ เป็นวัด ส่วนใหญ่จะเป็นต่างจังหวัดครับ มีซีนหนึ่งที่ผมเมาต้องนอนเฉยๆ พอเช้ามานับดูรอยที่ยุงกัด 200 กว่าจุดได้ครับ เยอะมาก ผมไม่เคยเจอมาก่อนครับ แต่การถ่ายทำก็สนุกดีครับ เริ่มมีความสุขในการทำงานครับ ทีมงานก็น่ารักมากๆ ถ่ายฉากเครียดบางทีได้น้องตั๊กคุยเล่นเป็นเพื่อน ตั๊กเค้าเป็นคนสนุกครั "
ตั๊กช่วยอะไรบ้างมั๊ย
" ็ช่วยในเรื่อง มุมกล้อง การทำอารมณ์ เพราะผมยังไม่เคยรู้มาก่อน เค้าช่วยเยอะ แต่ที่ช่วยได้เยอะคือคลายเครียด เหมือนเป็นน้องสาวคนหนึ่ง น้องเค้าน่ารัก สบายๆ ไม่ถือตัว ดีใจครับที่ได้ร่วมงานกับตั๊ "
เกร็งไหมที่ได้เล่นกับตั๊ก
" ่วงแรกก็เกร็งครับ เพราะได้เล่นคู่กับน้องตั๊ก แต้ด้วยความที่เค้าน่ารัก ได้คุยกันก็สนิทกัน ช่วงหลังๆ ก็ไม่เกร็งครับ เล่นกันเหมือนพี่เหมือนน้องครั "
ตั๊ก ดารานำแสดงหญิง ได้ให้สัมภาษณ์ว่า...
ให้ตั๊กเล่าถึงการที่ได้เข้ามาร่วมงานกับเรื่อง ไอ้ฟัก
" ี่งัด - สุพล วิเชียรฉาย แนะนำให้มาลองทดสอบบทนี้กับพี่ปุ๊ก หลังจากผ่านการทดสอบมา 3 ครั้ง พี่ปุ๊กแกตั้งใจกับเรื่องนี้มาก และแกก็รักในตัวละครของสมทรงมาก แกอยากให้ตั๊กเป็นคนตีแผ่นิสัยของสมทรงให้คนดู ไหนๆ แกก็เลือกตั๊กแล้ว แกก็อยากได้ความตั้งใจที่ดีที่สุด พอได้ยินแกพูดมาแบบนี้ก็ค่อนข้างจะตื่นเต้นเล็กน้อย อีกเหตุผลนึงที่ตั๊กรับเล่นหนังเรื่องนี้ เพราะตั๊กได้อ่านหนังสือแล้วตั๊กก็ชอบในตัวละครของสมทรงมาก สมทรงเป็นคนมีเสน่ห์ ถึงจะเป็นคนเสียสติ แต่ก็ไม่ได้มีพิษมีภัยอันตรายอะไร และตั๊กก็อยากเล่นเป็นคนบ้าด้ว "
ทำไมถึงอยากเล่นเป็นคนบ้า
" ริงๆ แล้วบทคนบ้าเป็นบทที่นักแสดงทุกคนกลัวมาก เพราะถ้าเล่นดีคนดูก็จะรักและก็สงสาร แต่เล่นไม่ดีคนก็จะว่าเลย เป็นบทท้าทายมา "
แล้วไปเรียนอากัปกิริยาของคนบ้ามายังไง
" นบ้าจริงๆ ไม่ได้เป็นอย่างที่เราเห็นในละครทั่วไป เช่น อุ้มตุ๊กตาร้องเพลงกล่อมลูก อะไรประมาณนั้น แต่จริงๆ แล้วคนบ้าคืนคนปกติธรรมดาเหมือนกับเรานี่ล่ะ แต่เค้ามีอาการผิดปกติทางจิต เค้าจะมีโลกของตัวเอง คือสิ่งที่ฝังใจอยู่ หรืออดีตที่เค้ายึดติดอยู่ ทำให้เค้าเข้าไปอยู่ในตรงนั้น ซึ่งคนทั่วไปถ้าไม่ได้ศึกษาเรื่องนี้ก็จะไม่มีวันเข้าใจ
การแสดงเป็นคนบ้าก็เลยเป็นการเข้าไปถึงแก่นแท้ในอดีตของคนแต่ละคน ก็เลยไปโรงพยาบาลศรีธัญญากับพี่ปุ๊ก ไปอยู่เกือบ 2 เดือนกว่า อึดอัดมากเพราะทุกคนบ้าหมดเลย ไปนั่งคุยกับหมอ ที่โรงพยาบาลมีหลายแผนกมาก เช่น แผนกติดยาแล้วบ้าเพราะประสาทหลอน ส่วนเราอยากมาดูคนที่จิตหลอนชอบคิดว่าคนจะมาทำร้าย หวาดระแวง และยังเจออะไรที่ร้ายแรงมามากๆ แล้วฝังใจจนจิตหลุดไปเลย ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ บางคนก็โดนข่มขืนมา บางคนโดนอะไรแรงๆ ในครอบครัวมา หมอบอกว่าคนไข้พวกนี้ต้องได้รับยาระงับประสาทตลอด
คุยกันรู้เรื่อง ถามชื่อก็ตอบได้ ตอบเหมือนรู้เรื่อง แต่พอถามไปถามมาเค้าก็จะหลุดเข้าไปในโลกของเค้า จินตนาการเค้าก็จะทะลุไปเลย เค้าจะหวาดระแวงมาก กลัวตายมาก เคยจดจนสมุดหมดเป็นเล่มๆ เลย มีป้าอยู่คนนึงเหมือนสมทรงมากๆ จนน่าจะเอาแกมาเล่นเป็นสมทรงเองเลย แกรักสวยรักงามมาก แกคิดว่าแกอายุ 18 แกเห็นว่าตัวเองสวยมากในจินตนาการ คนบ้ามีข้อดีคือจินตนาการเค้าอิสระมาก ซึ่งไม่เหมือนคนปกติทั่วไปที่มีข้อจำกัดต่างๆ กั "
พูดถึงสมทรง
" มทรงมีโลกส่วนตัวของเค้าที่เข้าใจยากมาก เค้ามีโลกส่วนตัวที่คนธรรมดาปกติทำไม่ได้ ซึ่งเป็นความคิดที่บริสุทธิ์ ซึ่งมันลึกมากจนตั๊กแทบประสาทหลอน"