วิจารณ์ บิวตี้ฟูล บ๊อกเซอร์

ไปที่หน้า
วิจารณ์ภาพยนตร์
  • เมื่อ 9 ธ.ค. 46 12:32

    ชอบๆๆๆๆ เท่ๆๆดี เจ๋งๆๆ

  • เมื่อ 8 ธ.ค. 46 18:07

    "แม้จะไม่ใช้หนังที่ดีที่สุดในสายตาผม แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าหนังไทยอีกหลายๆเรื่องที่ออกมาในปีนี้"
    บรรดาหนังไทยที่เยี่ยมในสายตาผมปีนี้ได้แก่
    1.องค์บาก
    2.ส้ม-แบงค์
    3.กุมภาพันธุ์
    4.ชื่นชอบ ชวนหาเรื่อง
    5.คืนบาป ฯลฯ
    6.legend of suriyothai
    7.แฟนฉัน
    8.บุปผาราตรี
    9.บิวติฟูล บ็อกเซอร์
    10.the legend of muaythai

  • เมื่อ 5 ธ.ค. 46 16:02

    ทำไมตัวแสดงเป็นตุ้มน่าตาดีกว่าตุ้มอีกหละ ทำไมไม่ให้น้องตุ้มเล่นเองเลยหละ ต่อให้ดาราเล่นดี หน้าตาดี แต่บทก็ห่วยเหมือนเดิมเลย อีกไม่นานหนังไทยก็ตายเหมือนยุคก่อน เพราะมีแต่หนังห่วย ๆ ออกมา

  • เมื่อ 4 ธ.ค. 46 18:38

    จากเรื่องจริงของชีวิตคนคนหนึ่ง ที่ธรรมชาติสร้างเขาให้มีร่างกายเป็นชาย แต่โชคชะตากลับพาให้หัวใจเธอนั้นเป็นหญิง ถูกถ่ายทอดลงบนแผ่นฟิล์มโดยผู้กำกับภาพยนตร์ เอกชัย เอื้อครองธรรม ซึ่งเคยกำกับละครเวทีแฝดสยาม อิน-จัน จนโด่งดังในระดับนานาชาติมาแล้ว

    เรื่องราวของ ตุ้ม หรือ ปริญญา เจริญผล นักมวยไทยที่เลื่องชื่อบนสังเวียนผ้าใบเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ดำเนินเรื่องผ่านบทสัมภาษณ์ของ ตุ้ม (รับบทโดย อัสนี สุวรรณ) ที่มีให้กับนักข่าวต่างชาติคนหนึ่ง (บอกเล่าเป็นภาษาอังกฤษ แต่ใจความเป็นภาษาไทย) นึกย้อนกลับไปในวัยเยาว์ถึงความรู้สึกแรกที่อยากเป็นหญิง ผ่านเส้นทางชีวิตที่ต้องดิ้นรนและต่อสู้เรื่อยมา จนกระทั่งวันหนึ่งโอกาสขึ้นชกมวยมาถึงโดยบังเอิญแล้วชนะ ทำให้ตุ้มรู้สึกภูมิใจที่นอกจากจะปกป้องตัวเองได้แล้ว ยังหาเงินจุนเจือครอบครัวได้อีกด้วย

    เมื่อชมภาพยนตร์เรื่องนี้จบ ก็อดที่จะตั้งคำถามขึ้นในใจไม่ได้ว่าทำไมถึงเลือกที่จะสะท้อนชีวิตของตุ้ม ทั้งๆ ที่มีเรื่องราวชีวิตของอีกหลายคนที่น่าสนใจ หากเพื่อต้องการบอกเล่าความในใจให้คนทั่วไปเข้าใจตุ้มได้อย่างถูกต้อง ทั้งในเรื่องของความกตัญญูและการสืบทอดแม่ไม้มวยไทย ก็นับว่าภาพยนตร์ตอบโจทย์นี้ได้ค่อนข้างดี เพราะอย่างน้อยก็ทำให้ได้รู้ว่าตุ้มไม่ได้เริ่มต้นชกมวยเพราะหลงเสน่ห์มวยไทยเท่านั้น แต่เพราะความจำเป็นด้วยส่วนหนึ่ง

    อย่างไรก็ตาม การที่ภาพยนตร์สิ้นสุดเนื้อหาอยู่เพียงแค่การเปลี่ยนแปลงร่างกาย ทำให้การตอบโจทย์ดังกล่าวผิดประเด็นไปบ้าง ราวกับเป็นผลสรุปสุดท้ายที่ควรจะทำของคนที่ร่างกายเป็นชายแต่ใจเป็นหญิง ถ้าจะให้ดี น่าจะมีการขยายความต่ออีกว่าหลังจากผ่าตัดแล้ว ชีวิตจะต้องเจอกับอะไรอีกบ้าง มีอุปสรรคอะไรบ้างไหม ชีวิตเธอกับมวยไทยยังเลียบๆ เคียงๆ กันอยู่บ้างหรือเปล่า หรือว่าเดินสวนทางกันไปเลย

    ภาพยนตร์เรื่องนี้ดูเรียบง่าย แต่ก็แฝงด้วยความสวยงามหลายอย่าง ทั้งความงามที่อยู่ในจิตใจคน ทิวทัศน์ และแม่ไม้มวยไทย (โดยเฉพาะฉากฝึกซ้อมมวยในช่วงรุ่งสาง) วิธีการนำเสนอที่ผสานความเป็นจริงและความฝันของตุ้มเข้าไว้ด้วยกัน อาจจะดูแปลกตาไปบ้าง แต่ก็ช่วยสร้างความเข้าใจถึงความรู้สึกนึกคิดและความขัดแย้งที่เกิดขึ้นภายในใจของตุ้มได้เป็นอย่างดี

    ชื่นชมเป็นพิเศษกับนักแสดงหน้าใหม่อย่าง อัสนี สุวรรณ หรือ อาร์ท ที่แม้จะเป็นผลงานการแสดงเรื่องแรก แต่ก็ทุ่มสุดตัว ส่งผลให้เขารับบทเป็นตุ้มได้น่ารักเป็นธรรมชาติอย่างไม่ขัดเขิน ในขณะที่นักแสดงแวดล้อมอย่าง สรพงศ์ ชาตรี และ อรอนงค์ ปัญญาวงศ์ ซึ่งล้วนรับบทเป็นบุคคลสำคัญในชีวิตของตุ้ม ก็ช่วยพยุงให้ภาพยนตร์มี "ชีวิต" ไปได้จนจบเรื่อง

  • เมื่อ 4 ธ.ค. 46 16:29

    หนังสนุกดีครับ แต่อ่อนในเนื้อหาไปนิดนึง การเสนอไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าที่ควร แต่ได้ข่าวว่า twentieth century fox ของอเมริกา ซื่อไปฉายทั่วโลก
    จากที่ดูมา หนังหวังจะขายต่างประเทศมากกว่า ก็ขอให้บูมในต่างประเทศนะครับ

  • เมื่อ 3 ธ.ค. 46 20:18

    ผิดหวังมากๆ เนื้อหาไม่กินใจอย่างที่คิด

  • เมื่อ 3 ธ.ค. 46 14:48

    พี่อาร์ทแสดงได้น่ารักมากค่ะ

  • เมื่อ 3 ธ.ค. 46 08:47

    "บิวตี้ฟูล บ๊อกเซอร์" ธรรมดาตรงเนื้อหา แต่น่าดูที่ "น้องตุ้ม"

    "บิวตี้ฟูล บ๊อกเซอร์" ภาพยนตร์แนวดราม่าที่มุ่งสะท้อนชีวิตการต่อสู้ทั้งของตุ้ม - ปริญญา เจริญผล เด็กชายที่มีใจเป็นหญิง ซึ่งเกิดมาพบรักกับเสน่ห์มวยไทย จนกลายนักมวยอาชีพในที่สุด จากผลงานการกำกับฯของ เอกชัย เอื้อครองธรรม ผู้คว่ำหวอดในวงการละครเวที และโด่งดังในระดับนานาชาติ จากละครเวทีมิวสิคคอล อย่าง"อินกับจัน"

    โดยรวมหนังก็เล่าเรื่องไปตามช่วงชีวิตต่างๆ ของปริญญา เจริญผล ไม่ว่าจะเป็นชีวิตตอนเด็กที่ต้องทนกับการถูกกลั่นแกล้งจากคนรอบข้าง จวบจนได้รู้จักกับมวยไทย และได้เป็นนักมวยอาชีพ ซึ่งโด่งดังไปไกลถึงญี่ปุ่นนั้น ดูไปแล้วก็จะเป็นเรื่องที่น่าสนใจแล้วก็น่าติดตามดูอยู่ เพียงแต่ว่าเรื่องราวดังกล่าว กลายเป็นเรื่องที่สังคมทั่วไปรับรู้ถึงอย่างหมดไส้หมดพุงอยู่แล้ว

    ความท้าทายของหนังเลยอยู่ที่ว่า "จะทำอย่างไรให้คนดูรู้สึกไม่เหมือนไปดูหนังเก่าที่เอามาฉายใหม่"

    ในฐานะผู้กำกับฯ แม้เอกชัยจะเลือกหยิบแต่ช่วงเวลาที่ทำให้เกิดจุดหักเหในชีวิตเธอมาแสดง แต่กลับไม่ค่อยทำให้คนดูรู้สึกอินไปกับมันได้ เพราะขาดความเป็น "เรียล" หรือ "ความเป็นจริง" อยู่ คือ ดูแล้วไม่รู้สึกว่าชีวิตของเธอจะยากลำบากสักแค่ไหน และตัวหนังเองก็สื่อได้ไม่ชัดเจนว่า การต่อสู้เพื่อฝันของเธอนั้นทำไปเพื่ออะไร ระหว่างการเป็นนักมวยระดับโลก กับการเป็นลูกที่ดี หรือเป็นผู้หญิงอย่างที่เธอหวัง เพราะสัดส่วนการนำเสนอแทบจะเท่าๆ กันหมด


    อีกทั้งตัวหนังเองไม่ค่อยหยิบภาพความล้มเหลวหลังจากที่ร่างกายของเธอเปลี่ยน เลยดูเป็นช่วงชีวิตขาขึ้นอย่างเดียว…ไม่มีขาลง

    อรรถรสความเป็นจริงเลยขาดไป ซึ่งหากหนังพยายามจะขายเรื่องราวของผู้ชายสู้เพื่อฝันคนหนึ่ง แทนที่จะเป็นขายน้องตุ้มแทนนั้น ก็น่าจะเรียกความน่าสนใจเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว เพราะมีอะไรให้คนดูค้นหามากกว่าที่เคยรับรู้ หรือได้เข้าใจอะไรเพิ่มมากกว่าน้องตุ้มที่เคยรู้จัก

    เช่นเดียวกัน ฉากบางฉากดูจะติดรูปแบบของละครเวทีที่สมจริงจนเกินไป ทั้งแสงสีเลยดูไม่เป็นธรรมชาติ อย่างเช่นต่อยกันอยู่ดีๆ แล้วฝนสาดโครมลงมา หรือฉากที่เธอสับสนในตัวเองพยายามทาแป้งละเลงตัวเท่าไหร่ก็ไม่สวยดังหวัง ก่อนจะออกไประบายกับกระสอบทราย ออกไปพบกับตัวจริงอย่างที่เป็นนั้น ดูแล้วพยายามสร้างอารมณ์ให้กับคนดูมากๆ


    เลยกลายเป็นเกินจริง

    ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่า มีหลายฉากที่ความเกินจริงกลายเป็นสีสันของงาน เช่น ฉากที่เป็นวิวทิวทัศน์ ซึ่งสี่อให้เห็นถึงอารณ์ต่างๆ ของตัวละครไม่ว่าจะเป็นตอนที่มีความสุข หรือสับสนก็ทำได้น่าดูน่าชม

    และต้องยอมรับว่า ตัวแสดงนำหลักอย่าง อาร์ต-อัสนี สุวรรณ เล่นได้น่ารักสมกับเป็นน้องตุ้มมากๆ ไม่ว่าจะเป็นท่าทางการมอง การเดิน โดยเฉพาะการพูดการจาที่อู้กันแต่ภาษาเหนือ ฟังดูแล้วไม่ขัดไม่เกิน ทำให้ความรู้สึกลื่นไหลไปกับตัวละครได้อย่างไม่ยากเย็น ซึ่งอาจจะถือว่าเป็นทีเด็ดของหนังเรื่องนี้เลย เพราะถ้าพูดกันตามตรงแล้ว คนดูไม่ค่อยรู้สึกว่า เขาน่าจะเล่นเป็นน้องตุ้มได้ดีสักเท่าไหร่ แต่หลังจากดูรับรองต้องเปลี่ยนความคิดแน่

    ส่วนนักแสดงคนอื่นๆ อย่าง สรพงศ์ ชาตรี คงไม่ต้องพูดถึง เพราะเล่นทีไรก็ทำได้เนี้ยบไม่มีที่ติ เช่นเดียวกับ อรอนงค์ ปัญญาวงศ์, สิทธิพร นิยม, นึกคิด บุญทอง ก็ส่งให้หนังดำเนินเรื่องต่อไปอย่างต่อเนื่อง

    แถมยังได้นักร้องฝีมือเยี่ยมอย่าง อัสนี โชติกุล ใหม่เจิรญปุระ สุนทรี เวชานนท์ และดาจิม มาร่วมถ่ายทอดบทเพลงประกอบภาพยนตร์แล้ว ก็ช่วยให้หนังดูผ่อนคลาย และน่าดูเพิ่มขึ้น

    อย่างน้อยแม้หนังจะสื่อไม่ชัดว่า "สิ่งที่เขาอยากเป็นคืออะไร" แต่หนังก็ได้บอกอย่างชัดเจนถึงหนทางไปสู่ฝัน ผ่านคำพูดหลักของเทรนเนอร์มวยขณะที่ตุ้มท้อแท้ว่า

    "ก็คิดซะว่าสิ่งที่ต้องการมากที่สุดในชีวิตมันอยู่ข้างบน…แล้วก็วิ่งขึ้นไป"ซึ่งทำให้฿ตุ้ม-ปริญญา เจริญผล กลายเป็นอะไรหลายๆ อย่างในทุกวันนี้ อย่างที่ "เขา" หรือ "เธอ" อยากจะเป็น

  • เมื่อ 2 ธ.ค. 46 11:53

    ชอบค่ะมากเลยค่ะเลยไปดูแล้วอีกอย่างเป็นศิลปของไทยด้วยค่ะ ประทับใจมากคนไปดูกันเยอะเลยค่ะ

  • เมื่อ 2 ธ.ค. 46 07:00

    เป็นเรื่องที่สร้างสรรค์ดีครับ

มีทั้งหมด 25 วิจารณ์ หน้าที่ 2 [ก่อนหน้า] 1 2 3 [ถัดไป]
เขียนวิจารณ์
จะต้องลงชื่อเข้าใช้ระบบก่อน จึงจะเขียนวิจารณ์ได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+

advertisement

วันนี้ในอดีต

  • Let Me InLet Me Inเข้าฉายปี 2010 แสดง Kodi Smit-McPhee, Chloe Moretz, Richard Jenkins
  • Vampire Hunter DVampire Hunter Dเข้าฉายปี 2004 แสดง Hideyuki Tanaka, Ichiro Nagai, Koichi Yamadera
  • UnstoppableUnstoppableเข้าฉายปี 2010 แสดง Denzel Washington, Chris Pine, Rosario Dawson

เกร็ดภาพยนตร์

  • Paddington - นิโคล คิดแมน เรียนวิธีขว้างมีดเพื่อรับบท มิลลิเซนต์ โดยเฉพาะ แต่สุดท้ายฉากขว้างมีดก็ถูกตัดออก อ่านต่อ»
  • Fast & Furious 7 - ต้องพักการถ่ายทำเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2013 เพราะ พอล วอล์กเกอร์ ผู้รับบท ไบรอัน เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถชนเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2013 เดิมทีภาพยนตร์เรื่องนี้มีกำหนดฉายวันที่ 11 กรกฎาคม 2014 แต่ต้องเลื่อนฉายเป็นเดือนเมษายนปี 2015 ผู้กำกับ เจมส์ วาน และ ผู้บริหารค่ายยูนิเวอร์แซลต้องประชุมปรับบทและหาทางถ่ายทำต่อ โดยยังคงให้เกียรติ พอล ผู้ล่วงลับ ที่ถ่ายทำส่วนของตัวเองไปได้ครึ่งหนึ่งแล้วก่อนเกิดอุบัติเหตุ อ่านต่อ»

เปิดกรุภาพยนตร์

Saand Ki Aankh Saand Ki Aankh Chandro Tomar (Bhumi Pednekar) และ Prekashi Tomar (Taapsee Pannu) พวกเธอทั้ง 2 อายุเกิน 60 ปีแล้ว เธอใด้สร้างแรงบันดาลใ...อ่านต่อ»