วิจารณ์ Alpha and Omega
-
ป่่านคุง
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 25 เม.ย. 54 19:34
(รีวิว DVD)
จริงๆ ผมเป็นพวกบ้าอะไรแนวครึ่งคนครึ่งสัตว์หรือแนวสัตว์อยู่แล้ว (ประมาณถ้าเห็นครึ่งคนครึ่งสัตว์กับเห็นคนทั้งตัวนี่ผมกลับหลงไหลพวกสัตว์ มากกว่า ไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกัน = = ) จนกระทั่งมีหนังแอนิเมชั่นเรื่อง อัลฟ่า และโอเมก้าโผล่มา เป็นหนังที่ผมตั้งใจว่าต้องดู 3D แน่ๆ แต่กลับฉายจำกัดโรง (แล้วจะให้ผมหมดเงินเป็นร้อยค่าไปกลับเพื่อดูหนังเรื่องเดียวเนี่ยนะ ? และที่พารากอนที่ใกล้ที่สุดขึ้นชื่อเรื่องค่าตั๋วขึ้นราคาอยู่แล้ว ไม่ไปดีกว่า) เลยหวังที่จะรอบลูเรย์ แต่ในไทยเอา DVD มาก่อน (Playasia ยังไม่เอามาขาย) ก็ต้องทำใจซื้อ DVD แหละนะ มาดูกันครับ
เนื้อเรื่อง
อัล ฟ่ากับโอเมก้าเป็นเรื่องราวของฝูงหมาป่าตามชื่อเรื่อง ที่ในฝูงนั้นจะมีพวกอยู่สองพวก นั่นก็คือ อัลฟ่า (พวกที่ทำหน้าที่ล่าเหยื่อ) โอเมก้า (ทำเรื่องตลกๆ เป็นแนวสามัญชน) กฎของฝูงก็คือ สองพวกนี้ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ (แบ่งชนชั้นกันนี่ฝ่า)
ฮัม ฟรี กับ เคท หมาป่าสองตัวนี้เป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเด็ก (แนวเพื่อนสมัยเด็กด้วย โอ้ววว) แต่ฮัมฟรีนั้นเป็นหมาป่าธรรมดาที่อยู่กับพวกโอเมก้า ส่วนเคดนั้นถูกฝึกให้อยู่หน่วยอัลฟ่า บังเอิญว่ามีหมาป่าอีกฝูงซึ่งเป็นคู่อริกัน จ่าฝูงของอีกฝูงกับพ่อของเคทจับคลุมถุงปูนเพื่อให้เคทกับลูกชายเขาแต่งงาน กัน
เรื่องราวมันเริ่มต้นจากตรงนี้ เมื่อทั้งสองตัวบังเอิญถูกมนุษย์จากอุทยานแห่งชาติโอไฮโอ จับตัวไปปล่อยที่อุทยาน จุดประสงค์ก็คือให้สองตัวนี้ไปผลิตลูกหลาน แน่นอนว่าคนอย่างเคทย่อมไม่ยอม ก็เลยหาทางกลับบ้านกัน ก่อนที่หมาป่าทั้งสองฝูงจะหํ้าหั่นกันเอง และดูจากปกก็คงเดาออกนะครับว่าสองตัวนี้จะเป็นยังไงกันต่อ อะปุกิ้วววว *0*
วิจารณ์
จริงๆ หลังจากผมดูจบ ผมบอกได้เลยว่านี่มันหนังแนวดราม่าในรูปแบบของแอนิเมชั่นหมาป่าชัดๆ นั่นก็คือ พระเอกกับนางเอกไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ แต่แล้วเหตุการณ์จับพลูทำให้ทั้งสองฝ่ากฎข้อห้ามนั้นนั่นเอง แต่จริงๆ เรื่องนั้น หลังจากเลยกลางเรื่องไปแล้วรับรองว่าต้องเจอเหตุการณ์ที่ประมาณว่า แปลกใหม่สักหน่อย ทำให้เราประมาณว่าเดาตอนจบกันไม่ออกสักพักหนึ่ง
ลักษณะ แอนิเมชั่นของเรื่องนี้เหมือนได้พยายามทำแบบเดียวกับเรื่อง Bolt นั่นก็คือ การทำฉากหลังให้เป็นภาพสีนํ้า เพื่อให้เรื่องนี้อบอุ่น แต่อยากบอกว่าเรื่องนี้เน้นเรื่องนั้นมากไปหน่อย ภาพมันก็เลยไม่สมจริงและไม่เป็นธรรมชาติ ออกแนวการ์ตูนมากกว่า ผมบอกตรงๆ เลยนะ แอนิเมชั่นเรื่องนี้สู้กับค่ายใหญ่ๆ ทั้งสามค่ายอย่างดิสนีย์ พิกซ่า หรือ ดรีมเวิร์คไมได้เลย ระดับคุณภาพของความสมจริงและภาพนั้นต่างกันคนละชั้นเลย ผมยังเผลอคิดเลยว่าภาพกราฟฟิกยังกับเอาแองจิ้นที่สร้างเกมมาทำด้วยซํ้า
แล้ว อะไรหละที่เป็นจุดเด่นของหนังเรื่องนี้นอกจากเนื้อเรื่องที่ตัวเอกเป็นหมา ป่า ? อีกจุดเด่นของเรื่องนี่ที่กลายเป็นมนต์เสน่ห์ไปเลยก็คือ เสียงพากษ์ครับ เสียงพากษ์ซาวแทรดของเรื่องนี้ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมมาก นักแสดงที่มาให้เสียงนั้นเข้าถึงอารมณ์กันดีทุกตัวละคร หลายเรื่องคุณอาจต้องเจอปัญหา ตัวประกอบเสียงไม่ค่อยถึง แต่เรื่องนี้เสียงพากษ์หนักแน่นและดีมาก
เรื่องของการออกแบบตัวละคร นั้น ทางทีมสร้างพยายามที่จะสร้างให้ตัวละครออกมาดูคล้ายมนุษย์ ซึ่งจะทำให้เราเข้าใจและแยกแยะตัวละครออกได้ง่ายขึ้น และรู้สึกมีกลิ่นอายของดิสนีย์บางตัวละคร นั่นก็คือ ทำให้ตัวละครนั้นดูหล่อ ดูสวยกว่าคนเสียอีก (เรื่องนี้ผมหลงตัวละครลิลลี่ น้องสาวนางเอกอย่างจังเลย หมาป่าบ้าอะไรไม่รู้ โคตรน่ารักเลย)
การ ผสมผสานการเคลื่อนไหวของแอนิเมชั่นนั้น ผมรู้สึกว่าทางทีมงานเขาเหมือนต้องการที่จะทำให้มันสมจริง แต่ก็ไม่สมจริง มันเลยออกเป็นแนวการ์ตูนมากกว่า และการเคลื่อนไหวนั้นก็ไม่ได้เป็นธรรมชาติเท่าไหร่ หลายฉาก ตัวละครสามารถยืนสองขาได้ (แบบเดียวกับมาดากัสก้า) แต่หลายฉากกลับยืนสี่ขาเหมือนหมาป่าปกติ ทำให้ผมงงว่า ตกลงแล้วพี่ท่านต้องการให้เรื่องนี้ออกสมจริงหรือออกการ์ตูนกันแน่ ? เพราะการเคลื่อนไหวของหมาป่าตอนยืนสี่ขา ทำได้เป็นธรรมชาติมาก แต่พอยืนสองขาเท่านั้นแหละ ไม่เป็นธรรมชาติเลย
มาพูดถึงบทกันต่ออีก นิด ถ้าถามว่าบทมันอ่อนไปไหม ? แน่นอนว่าหนังแอนิเมชั่นแนวนี้บทยังไงก็ต้องอ่อน เพราะทำออกมาเน้นให้เด็กดูอยู่แล้ว มันจะได้เข้าใจง่าย แต่ตอนช่วงท้ายๆ ของเรื่องนี้กลับมีฉากหักมุมคนดูเหมือนกัน ไม่ใช่เชิงหักมุมตบหน้าฉาดดด!! แต่เป็นประมาณว่าเราอาจคาดไม่ถึงอยู่นิดหน่อยก็เท่านั้นเอง
และการ ดำเนินฉากหลายฉากนั้นดูเหมือนทีมสร้างจะเทิดทูนและนำแบบอย่างมาจากหนังของ ดิสนีย์หลายเรื่อง ซึ่งในเทลเลอร์นั้นจะมีอยู่ฉากหนึ่งที่มีฝูงกวางวิ่งอยู่ในหุบเขา อันนี้คงไม่ต้องขอบอกนะครับว่ามันมาจากเรื่องอะไรของดิสนีย์ แต่การทำแบบนี้มันทำให้ผมรู้สึกถึง ความอบอุ่นที่ทีมงานเขาพยายามแทรกเข้ามา ชวนรำลึกว่า มันมีความเป็นดิสนีย์อยู่บ้างแล้วนะ
มาดูในส่วนของ เสียงประกอบบ้าง จะบอกว่าฉากสำคัญๆ บางฉากนั้นทำออกมาได้ห่วยเหมือนกัน ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นที่แผ่นรึเปล่า (ค่ายแฮปปี้ทำแผ่นแต่ละเรื่องออกมาไม่เคยแฮปปี้สักเรื่อง) เสียงประกอบอย่างพวกตอนต่อสู้หรืออื่นๆ เสียงเบา ไม่เร้าใจ ไม่เข้าถึงอารมณ์ นั่นเป็นข้อเสียของหนังที่ทำให้อารมณ์ของเราไปไม่ต่อเนื่อง มันเลยสะดุด หยุดๆ หายๆ ส่วนเพลงประกอบนั้นทำออกมาได้ดี แต่ก็ไม่ได้เชิงประทับใจอะไรมากนัก ฟังเอาเพลินๆ เสียมากกว่า
โดย สรุปแล้ว ทั้งภาพ เสียง และเนื้อเรื่องนั้นเหมาะให้เด็กๆ ดูมากครับ คิดได้ง่ายๆ เลยว่าเด็กๆ ต้องชอบแน่นอน แต่ขึ้นอยู่กับว่าชอบมากน้อยแค่ไหนนะ เพราะเรื่องนี้เขาพยายามถ่ายทอดของอารมณ์ "หมาป่า" ออกมา อย่างเช่นเพลงหอนพระจันทร์ เด็กอาจจะไม่เข้าใจ ก็อาจจะไม่ซึ้งในอารมณ์ก็ได้ (แต่โดยส่วนตัวผมชอบมากนะที่ดัดแปลงเสียงหอนหมาป่าทำออกมาเป็นเพลงได้)
จุดเด่นของหนัง
ภาพ สบายๆ ดูได้เรื่อยๆ บทเดาง่าย แต่ก็ไม่ได้เดาง่ายทั้งเรื่อง , ทำตัวละครออกมาหล่อ สวยมาก , เสียงซาวแทรดสุดยอด ได้อารมณ์มาก , มีกลิ่นอายของดิสนีย์หน่อยนึง มีความรู้สึกอบอุ่นทั้งเรื่อง และสำหรับเสียงไทย เป็นเสียงพากษ์ทีมพันธมิตรครับ
ข้อเสีย
ช่วง แรกๆ เสียงตัวละครและเสียงประกอบทำออกมาได้รั่ว ออกแนวเบาๆ ไม่รู้เป็นที่แผ่นไหม , ถึงบทจะเหมือนแอนิเมชั่นทั่วไป แต่พี่เอ๋ย ลองดูอย่างดรีมเวิร์คสิ บทเขาไปไกลแล้วพี่ท่าน ,การเล่นฉากสีนํ้าเกินไป ทำให้ตัวหนังขาดความสมจริงไปโดยปริยาย , เสียงประกอบฉากสำคัญทำออกมาได้ไม่เร้าอารมณ์เท่าไหร่ , บางฉาก มีฉากพูดมากเกินไปหน่อย และ ความยาวของหนัง สั้นไปหน่อย
คะแนน - 8.5 / 10.00 -
mamuew
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 26 ม.ค. 54 14:37
นั่นสินะ แต่อยู่เมืองไทยมันก็ต้องทำใจแหละค่ะ การ์ตูนดีๆหลายๆเรื่องก็เลื่อนฉายออกเยอะแยะ ก็คงเป็นเหตุผลทางการค้า หรือไม่ก็ทัศนคติเก่าๆที่ว่าการ์ตูนต้องฉายช่วงซัมเมอร์ มันล้าสมัยไปนิด เพราะเดี๋ยวนี้ผู้ใหญ่ วัยรุ่น คนแก่เค้าก็ดูการ์ตูนเหมือนกันนะ แต่บ่นไปก็คงไปเปลี่ยนแปลงอะไรเค้าไม่ได้หรอกค่ะ ต้องทำใจอย่างเดียว
ปล.ดูเรื่องนี้จากดีวีดีจากเมืองนอกเหมือนกันค่ะ -
CalculasBoy
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 20 ม.ค. 54 23:40
เอ่อ คือ ผมดูแล้ว อะครับ เรื่องนี้มันน่าจะฉายนานแล้วนิ เป็นหนังของปีที่แล้วนิครับ ฉายช้ามากๆ มันออกเป็นแผ่นแล้วนิ ที่อเมริกาหรือป่าว แต่ใช้ได้เลย หนุกนะเพลิน ขอบอกอีกว่าฉายช้ามากๆ เขาดูกันไปเยอะแล้วอะ
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+
advertisement
วันนี้ในอดีต
- Kill Bill Vol. 1เข้าฉายปี 2003 แสดง Uma Thurman, David Carradine, Daryl Hannah
- A Bizarre Love Triangleเข้าฉายปี 2003 แสดง Gong Hyo-Jin , Cho Eun-Ji , Choi Gang-Il
- The Hunger Games: Catching Fireเข้าฉายปี 2013 แสดง Jennifer Lawrence, Liam Hemsworth, Josh Hutcherson
เกร็ดภาพยนตร์
- The Age of Adaline - แองเจลา แลนส์บูรี คือนักแสดงที่ถูกวางตัวให้รับบท เฟลมมิง เมื่อปี 2010 แต่ท้ายสุดแล้ว เอลเลน เบอร์สตีน คือผู้ที่ได้แสดงบทนี้ อ่านต่อ»
- Skin Trade - ดอล์ฟ ลันด์เกรน ผู้รับบท นิก เขียนบทเรื่องนี้ในปี 2006-2007 โดยตั้งใจว่าจะกำกับเอง แต่ภายหลังตัดสินใจมอบหน้าที่กำกับให้แก่ เอกชัย เอื้อครองธรรม โดย ดอล์ฟ จะได้ทำหน้าที่ควบคุมงานสร้างได้อย่างเต็มที่ อ่านต่อ»
เปิดกรุภาพยนตร์
Love At The Second Sight เรื่องราวของ ราฟาเอล (ฟรองซัว ซีวีล) เป็นนักเขียนนิยายชื่อดัง ยิ่งประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่ เขาก็เริ่มกลายเป็นคนหลงตัว...อ่านต่อ»