วิจารณ์ The Chronicles of Narnia: The Voyage of the Dawn Treader

ไปที่หน้า
วิจารณ์ภาพยนตร์
  • เมื่อ 15 ธ.ค. 53 00:07

    อืม ก็ โอเค นะ ครับ
    ภาพสวยดี เทคนิคดี ถึงจะมีฉากต่อสู้ก็ไม่ถึงกับรุนแรงโหดร้ายมากๆ ครับ
    (ตามแบบของฉบับโลกจินตนาการ)

    นาเนีย ภาคนี้ ผม ว่ามันดูเหมือนเป็นอีกเนื้อเรื่องนึงก็ว่าได้ น่ะ ครับ

    ถ้าอยากดู นาเนีย ก็ดูได้ ครับ
    แต่ถ้าไม่คิดอยากดูก็ไม่ถึงกับเสียดาย น่ะ ครับ (สำหรับ ผม นะ)

    ก็โอเค ครับ

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 14 ธ.ค. 53 21:41

    บางตอนเดาง่ายไปหน่อย แต่ก็สนุกดี เนื้อเรื่องน่าติดตาม เอฟเฟคสวย

    โดยรวมดีหมดยกเว้นยังขาดความซึ้ง Y_Y ภาคแรกดูนี้น้ำตาคลอ

    8/10

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 11 ธ.ค. 53 14:54

    เราว่าภาคนี้ถือว่าสนุกเหมือนเดิมค่ะ เนื้อเรื่องดำเนินเรื่อยๆแต่มีเสน่ห์ตลอดเวลาแม้จะไม่มีอะไรมากแต่เรื่องแฟนตาซีชอบมากๆเลย คนที่ว่าไม่สนุกคาดหวังมากไปรึเปล่า ?
    เอาใจช่วยให้มีเก้าอี้เงินต่อ ขอให้ยอดทะลุสักห้าร้อยล้าน 5555
    ปล.กด LIKE คุณป่านคุงอีกคน

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 11 ธ.ค. 53 08:34

    nania ภาคนี้ตามเนื้อเรื่องในหนังสือก็ไม่ได้สนุกอะไรมากอยู่แล้วนะครับ แค่ออกเดินทางอย่างเดียว แต่จะบอกว่าสร้างออกมาผิดเพี้ยนไปจากหนังสือพอสมควรนะครับ

    ส่วนตัวแล้ว ภาคนี้ไม่น่าสนใจเท่าภาค 1-2 ที่สร้างมาก่นหน้านั้น (แต่ก็ดูมาแล้ว) เนื้อเรื่องดูไปก็หลับไป แล้วไม่ได้กล่าวถึงเหตุผลว่าอัสลานออกมาทำไม ราชินีน้ำแข็งออกมาทำไม ถ้าไม่ได้อ่านหนังสือหรือดูภาคก่อนก็จะงงๆ

    หวังว่าภาคเก้าอี้เงินจะดีกว่านี้นะครับ

  • เมื่อ 10 ธ.ค. 53 20:13

    อยากบอกว่าไม่หนุกเลย ภาคนี้เราว่าทำออกมาได้ไม่ดีเท่าทีควร
    รู้สึกเสียดายเงินค่าตั๋วหนัง เพราะโฆษณาไว้ซะน่าดูเชียว
    แต่พอดูแล้วกลับไม่สนุกเลย:( โดนโฆษณาหลอก แต่เรื่องเอฟเฟคทำออกมาได้สวยมากๆ แต่คิดว่าเรื่องมันไม่ค่อยมีเหตุผลไม่ค่อยมีที่มาที่ไป
    สรุปคะแนน 4/10 เสียดายเเงินมากแถมไปดู3d อีก อยากจะบอกว่าอย่าสร้างอีกเลยนะ

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 10 ธ.ค. 53 17:22

    ถือว่าหนังใช้ได้เลย การโปรโหมดดีมาก ทำให้คนอยากไปดู โดยรวม หนังเรื่องนี้ไม่ได้ดีและไม่ได้แย่จนเกินไป

  • เมื่อ 10 ธ.ค. 53 14:19

    กด LIKE คุณ ป่านคุง ล้านที !!!!

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 10 ธ.ค. 53 08:55

    (วิจารณ์) นาร์เนีย 3 : นี่คือภาคที่ดีที่สุดในซีรี่ย์ภาพยนต์ของ นาร์เนีย
    « เมื่อ: วันนี้ เวลา 08:40:59 am »
    ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง แก้ไขข้อความแก้ไข
    [โพสกระทู้นี้ลงทวิตเตอร์]


    ความ จริงแล้วเป้าหมายในการไปดูนาร์เนียของผมนั้นไม่ ใช่คืนนี้ (วันที่ 9 ธค) เพราะคืนนี้ผมตั้งใจกะดูบลูเรย์เรื่องที่ซื้อมาจากเวบนอกและโดนกรมศุลฉกค่า ภาษีจากผมไป แต่พอดีเพื่อนผมโทรมาบอกว่าอยากดู และก็ได้หาเวลาว่างที่จะไปดูด้วยแล้ว (เพื่อนผมคนนี้หาเวลาว่างยากมาก) ผมก็ เออ โอเค และหลังจากที่ทำงานเสร็จ ก็บึ่งไปดูรอบ 4 ทุ่ม 45 ทันที แรกๆ คิดว่าจะไปไม่ทันฉาย เพราะเจ้ากรรมดันท้องเสียตอนก่อนออกซะงั้น - - แต่ในที่สุด ก็ไปทันตัวอย่างหนังฉายสองเรื่องและเพลงสรรเสริญขึ้นพอดี


    คำเตือนก่อนอ่าน

    1. แม้ว่าผมจะไม่สปอยเนื้อหาสำคัญอะไรมากนัก แต่จะมีการสปอยเต็มๆ ของภาค 1 และ 2 ดังนั้นใครที่ยังไม่ดู ไปดูซ้า
    2. ถ้าคุณคาดหวังที่จะดูหนังแนวสงครามยิ่งใหญ่ยักษ์ เลือดสาด สำไล้ปริ้น มีฉากโอ้หลั่นล้าบนเตียง คุณคิดผิดแล้วครับ

    ---------

    เนื้อเรื่อง

    แม้ ว่าภาคนี้ปีเตอร์และซู ซานจะไม่ได้กลับไปนาร์เนียอีกแล้ว แต่เอ็ดมันต์และลูซี่ยังสามารถกลับไปได้ ในเหตุการณ์ จะเป็นเหตุการณ์ตอนเกิดสงครามโลกครั้งที่สองพอดี สองพี่น้องคนเล็กได้โดนบังคับย้ายไปอยู่กับญาติตนเองที่โคตรจะเกรียนเข้าไส้ "ยูสตาส" เด็กที่วันๆ เอาแต่เกรียน เอ้ย เอาแต่ประเภทอวดรู้ไปทั่ว ชื่นชอบบูชาวิชาการในหนังสือแต่กลับไม่ได้ฉลาดอย่างที่คิด สิ่งที่ดีอย่างเดียวก็คือบ่นไม่หยุดและชอบจดบันทึก ในบ้านของยูสตาส จะมีรูปๆ หนึ่งที่มีเรือของนาร์เนียอยู่ และก็เกิดเหตุไม่คาดฝัน ภาพนั้นนํ้าทะลักออกมา และนำพาทั้งสามไปสู่ นาร์เนีย

    พวกเขาโผล่ มากลางทะเลของน่านนํ้าตะวันออกของนาร์เนีย และได้พบกับเรือ ดอร์น เทรดเด้อร์ ที่เจ้าชายแคชเปี้ยนได้นำออกทะเลออกมา เวลาในนาร์เนียผ่านมาแล้วสามปีเต็ม ทั้งอาณาจักรสงบสุข และเป้าหมายในการออกเดินเรือทะเลครั้งนี้ก็คือ ตามหาเหล่าลอร์ดๆ ทั้งหลาย ที่สนับสนุนพระบิดาของเจ้าชายแคชเปี้ยน ก่อนที่จะโดนลอร์ดมิราชทำตัวเกรียนไล่ออกจากนาร์เนีย แต่ทว่า ภัยคุกคามของพวกเราได้คืบคลานเข้ามา เมื่อมีพลังอำนาจภัยร้ายที่คุกคามไปทั่วห้วงทะเลตะวันออก และเป้าหมายที่จะปกป้องนาร์เนียเอาไว้ให้ได้ ก็คือ ออกตามหาดาบวิเศษทั้ง 7 เล่ม ที่อัสลานทิ้งไว้ เพื่อกำจัดมนต์พวกนี้ซะ

    จบเนื้อเรื่องเด้อ ที่เหลือเสียตังค์ดูในโรงโลด

    ถึง แม้ว่าจะน่าเสียดายที่ตัวหนังถูกส่งย้ายค่ายจากดิสนีย์มายังเซนจูรี่ฟอร์ก แต่ความยิ่งใหญ่ของนาร์เนียนั้นก็มิได้ลดลงไป ซํ้าแล้วผมเชื่อว่า หลายคนที่หวังว่าจะเข้าไปดูเรื่องนี้ ต้องไม่มีคำว่าผิดหวังครับ

    อัน นี้ผมไม่ได้แฟนบอยแต่อย่างใด แต่จะบอกว่าในบรรดาหนังสือทั้ง 7 เล่มของนาร์เนียนั้น มีสองภาคที่ผมชอบมากที่สุดนั่นก็คือ อาชากับเด็กชาย และ ผจญภัยโพ้นทะเล ภาคนี้นั่นเองครับ ดังนั้นไม่น่าแปลกใจเลยถ้าหากผมจะวิจารณ์ในการชื่มชมมากๆ เพราะมันเป็นหนึ่งในภาคที่ผมชอบมากที่สุดครับ

    ทำไมหลายคนชอบภาคหนึ่ง แต่ไม่ชอบภาคสองเยอะ เหตุผลสั้นๆ และง่ายๆ ครับ เพราะภาคหนึ่งมันคือการเปิดโลกของนาร์เนีย มันเป็นครั้งแรกที่คุณได้เห็นฟอนเดินถือร่ม เห็นเสาไฟท่ามกลางหิมะ และเห็นว่าพวกสัตว์พูดได้ แต่ภาคสองนั้นไม่ใช่ ภาคสองมันคือการกอบกู้การล่มสลายของนาร์เนีย แต่ในภาคสามนี้จะมีกลิ่นอายของภาคหนึ่งมาผสมอยู่มาก นั่นก็คือ ความแปลกใหม่นั่นเอง

    อาณาจักรทางตะวันออกของนาร์เนียนั้น เลยหมู่เกาะโดดเดี่ยวไปจะไม่มีใครรู้ว่ามันมีอะไร (หมู่เกาะโดดเดี่ยวอยู่ในอาณัติของจอมราชันน์ปีเตอร์ และเจ้าชายแคชเปี้ยนได้มารับหน้าที่ปกครองต่อ) นั่นหมายความว่า สิ่งที่คุณจะเจอในภาคนี้ จะเป็นความสดใหม่ที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อนในโลกของนาร์เนีย เฉกเช่นเดียวกับภาคหนึ่งที่คุณรู้จักกับนาร์เนียเป็นครั้งแรก และในภาคนี้ คุณจะได้เห็นโลกของนาร์เนีย ทางด้านตะวันออกของทะเลในนาร์เนียครับ

    ถึง แม้ว่างบประมาณในการสร้างหนังเรื่องนี้จะให้มาน้อย แต่ก็ใช้สอยอย่างคุ้มค่า เอาง่ายๆ เมื่อคุณลองไปดูหนัง คุณลองสังเกตทั้งฉากและตัวละครดู จะมีการหยิบยืมภาคหนึ่งและสองเอามาใช้เยอะมาก แต่ก็ผสมผสานกันจนทำให้คนดูหนังแบบไม่คิดอะไรอาจไม่ได้สังเกต แต่ผมกลับจับจุดได้ว่า เฮ้ย อันนั้นเราเห็นในภาคหนึ่งนี่นา อะไรทำนองนี้ เรียกได้ว่า ไม่ต้องสร้างของใหม่ แต่เอาของเก่ามาสร้างเรื่องราวใหม่ได้

    เนื้อ เรื่องในหนังสือผมบอกตรงๆ นะ เด็กกว่าในหนังเยอะมากกกก แต่สำหรับในภาคนี้ ได้มีการเพิ่มเนื้อเรื่องใหม่เอามาผสมผสานกัน ทำให้มันกลายเป็นเนื้อเรื่องของภาพยนต์ฟอร์มยักษ์ แม้ว่าคุณจะอ่านหนังสือมาก่อนจนจำบทบรรยายได้ทุกบรรทัด แต่เชื่อเถอะ หนังมีการหักมุมและเปลี่ยนแปลงบทจนคุณเดาทางหนังได้ยากพอหลายฉากเลยทีเดียว

    ความ ยิ่งใหญ่ของหนังเรื่องนี้คือจุดเด่นอย่างหนึ่งที่หนังเรื่องอื่นไม่มี นั่นก็คือ ความเป็นแฟนตาซี มันไม่จำเป็นต้องเอะอะอะไรต้องมีกองทัพมาสู้กัน มาบดขยี้ มา นี้ๆๆๆๆ แต่ในเนื้อหาของภาคนี้คือ การผจญภัยที่แท้จริงครับ

    โดย ปกติแล้ว ภาพยนต์ทั่วไปนั้นจะมีเหตุการณ์หนึ่งที่เห็นได้ชัด นั่นก็คือ ปัญหาและความขัดแย้ง แล้วก็จะต้องมีพระเอกมาคลายปมเพื่อไปสู่ตอนจบแบบแฮปปี้แอนตุ้งติ้ง แต่เรื่องนี้ถามว่ามีความขัดแย้งไหม มีน้อยมากครับ เพราะมันคือการผจญภัยล้วนๆ คุณจะได้ตื่นตาตื่นใจไปกับนิทานฉบับความยิ่งใหญ่สุดอลังการในภาพยนต์

    มุม กล้องและการฉากในการถ่ายสถานที่นั้นทำออกมาได้ยอดเยี่ยมมาก และดูเหมือนว่าอดีตผู้กำกับแอนดูรที่มานั่งแท่นผู้อำนวยการสร้างจะไม่ยอม ปล่อยให้หนังออกมาห่วยจริงๆ เพราะตัวหนังมีกลิ่นอายที่เหมือนภาคแรกมาก แต่ทำออกมาให้ดูดียิ่งกว่าเสียอีก

    เสียงประกอบหนังเรื่องนี้ยังทำได้ ยอดเยี่ยมเช่นเคย อารมณ์และมนต์สะกดของบทเพลงจะทำให้คุณซาบซึ้งและเข้าไปในโลกของนาร์เนียได้ ไม่แพ้ภาคหนึ่งเลยทีเดียว โดยเฉพาะครึ่งหลังของหนังที่ทำออกมาได้ตื่นตาตื่นใจและยิ่งใหญ่มาก

    การ เข้าถึงบทบาทของนักแสดงนั้นถือว่าทำได้ยอดเยี่ยมมาก โดยเฉพาะเด็กคนใหม่ที่ได้เข้าสู่โลกของนาร์เนีย เกรียนตัวลูก ยูสตาส ซึ่งผมก็ไม่รู้นะครับว่าใครเป็นคนคัดตัวนักแสดง (แต่ก็แอบคิดว่าแอนดูรชัวร์) แต่ทุกคนเผยบทบาทออกมาดีมาก โดยให้สมจริงกับช่วงเวลา ณ ขณะนั้นที่เกิดขึ้นในภาพยนต์

    ระบบสามมิติ นั้นก็ไม่ได้มีฉากพุ่งออกมามากมายนัก ผมคิดว่าดีแล้วที่ไม่ทำ เพราะหนังยาวสองชั่วโมงกว่า ถ้ามีฉากพุ่งๆ นอกจากจะทำให้กวาดตามองเก็บรายละเอียดไม่ทันแล้ว ยังทำให้ปวดตาได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ระบบสามมิติจะเริ่มจากธรรมดา ไปจนถึงมีมิติมากขึ้นเมื่อหนังดำเนินไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะตอนครึ่งหลังที่ทำให้คุณเหมือนกับอยู่ในเหตุการณ์จริง ถึงจะไม่เท่า Avatar แต่ก็ทำได้ยอดเยี่ยม (อย่าลืมว่าหนังยาวนะครับ)

    ชมมาเยอะ ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสียเลย ขอติบ้าง ฉากบางฉากนั้นได้มีการตัดออกและดัดแปลงไปเพื่อให้หนังเข้าใจง่ายขึ้นและไป ได้ไวขึ้นอย่างไหลลื่น แต่ก็ยังขาดความเป็น โลก ของนาร์เนียอยู่บางช่วงที่ทำให้ผมรู้สึกตะหงิดตะหง่วน เอาจริงๆ มันเป็นแค่ช่วงแรกๆ เท่านั้นเองแหละ เพราะหลังจากเลยช่วงนั้นไปแล้ว ความสนุกของตัวหนังจะทำให้คุณลืมช่วงเวลานั้นไปได้เลย

    ดังนั้นแล้ว สรุป

    1.) สนุกไหม
    ตอบ - ถ้าเป็นผู้ใหญ่ดูแล้วคุณไม่มีจินตาการเพ้อฝัน คาดหวังให้มันออกมาเป็นแบบนั้นแบบนี้ คุณเบื่อแน่นอน

    2.) หนังเด็กไปไหม
    ตอบ - ไม่ครับ ถูกที่หนังทำออกมาเน้นเด็กด้วย แต่จะบอกว่ามันยิ่งใหญ่และอลังการกว่าในหนังสือหลายเท่า ไม่มีฉากดราม่าให้เครียด ไม่มีอะไรทำให้คุณปวดหัว เพราะมันคือการผจญภัยที่จะเต็มไปด้วยความสนุกสนาน

    3.) ควรไปดูระบบสามมิติไหม
    ตอบ - ดูหนังสามมิติบ่อยไหมครับ ? ถ้าไม่บ่อย ไม่แนะนำ เพราะหนังยาว และถ้าคุณอยากกวาดตามองเก็บรายละเอียด คุณอาจเก็บไม่ทันหลายฉาก แต่สำหรับคนที่ดูมาแล้ว และอยากเข้าสู่โลกของนาร์เนียมากขึ้น ไปดูระบบสามมิติเลยครับ

    4.) ความสนุกเมื่อเทียบกับสองภาคแรก
    ตอบ - กลิ่นอายเหมือนภาคหนี่ง แต่ทำได้ดีกว่า เรียงเอาง่ายๆ 3 - 1 - 2

    5.) คุ้มค่าตั๋วไหม
    ตอบ - ข้อนี้ผมไม่ขอตอบ เพราะแต่ละคนย่อมมีความคิดเห็นไม่เหมือนกัน แต่สำหรับผม มันคุ้มค่าที่รอคอยมายาวนานมาก และนอกจากจะคาดหวังอย่างยิ่งว่ารายได้มันจะออกมาดีจนสามารถเกิดภาค 4 เก้าอี้เงิน มาได้แล้ว เรื่องนี้ ผมเก็บบลูเรย์แน่นอน

    6,) เดาเนื่อเรื่องง่ายไหม
    ตอบ - อย่าคิดแบบนั้นถ้าจะไปดู คุณดูหนัง ต้องการดูความสนุกเป็นหลัก แต่ในหนังก็มีการหักมุมและปรับเปลี่ยนเนื้อหาเพื่อให้เดาทางไม่ถูกอยู่บ้าง ครับ

    7.) ให้คะแนนเยอะไปไหม
    ตอบ - ยอมรับว่าเยอะ แต่ก็ยอมรับว่าตัวเองชอบหนังแนวนี้มาก (อันนี้ส่วนตัวล้วนๆ)

    คะแนน - 9.5 / 10.00

    และ นี่ก็คือ ภาคที่ดีที่สุดในการเข้าไปในโลกของนาร์เนีย ไปดูกันเยอะๆ นะครับ ช่วยๆ กัน เพื่อให้รายได้ออกมาดีและจะได้ดูมหาสงครามตอนเหนือของนาร์เนียและสงครามใต้ พิภพในตอน "เก้าอี้เงิน" ภาคสี่ต่อกันครับ

    และขอยํ้าว่า ผมไม่สนับสนุนการโหลดหนังซูมเถื่อนดู ทุกคนรู้หมดแล้ว ว่าการขโมยคือสิ่งไม่ดี ในห้องเรียนก็สอน อย่าขโมยนะครับ

  • เมื่อ 9 ธ.ค. 53 19:50

    หนังเรื่องนี้สำหรับคนที่เป็นแฟนนาร์เนีย จะดูก็ได้ไม่ดูก็ได้
    จากที่ดูมานะคะ รู้สึกว่าภาคนี้เป็นอะไรที่เรื่อยๆเื่ื่อื่อยๆ ไม่มีความตื่นเต้นเท่าไหร่ แต่ไม่ถึงกับว่าดี เอฟเฟคบางส่วนแอบไม่ดี โดยรวมแล้วก็โอเค แต่ดูแล้วทำให้รู้สึกว่าดำเนินเรื่องและจบได้ไม่ดีเท่าที่ควร

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 9 ธ.ค. 53 18:59

    ความเห็นส่วนตัว

    ผมมีโอกาสได้ดูนาร์เนีย แบบสามมิติ
    ส่วนตัวคิดว่า นาร์เนีย ยังคงรักษามาตรฐานสไตน์ของนาร์เนียไว้ได้ ตัวหนังไม่ได้แย่ขนาดที่จะให้ต่ำกว่า 50% ดำเนินเรื่องเรื่อยๆ มีตื่นเต้นแทรกเป็นระยะๆ ซีจีโอเค ไม่ถึงกับอลังการแต่ก็ไม่ได้แย่ ฉากสามมิติมีประปราย ซาวน์แลดูไม่ค่อยเข้มข้นเท่าที่ควร แต่ชอบวาวน์แทรกตอน end credit ตัวละครเยอะพอสมควรแต่ก็ไม่ได้เน้นไปที่ตัวละคนเก่าสักเท่าไหร่ แต่จะมุ่งเน้นไปที่ตัวละครใหม่อย่าง ยุสตาส และแก่นสำคัญของเรื่อง
    สรุป ถ้าดูภาคแรกและภาคสองแล้วชอบ ภาคนี้ก็ไม่ทำให้คุณถึงกับเสียความรู้สึกหรอกคับ หนังไม่ได้แย่อย่างที่คิด (เพราะโดนย้ายค่าย)
    ปล.ความเห็นส่วนตัว

    แจ้งลบ
มีทั้งหมด 22 วิจารณ์ หน้าที่ 2 [ก่อนหน้า] 1 2 3 [ถัดไป]
เขียนวิจารณ์
จะต้องลงชื่อเข้าใช้ระบบก่อน จึงจะเขียนวิจารณ์ได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+

advertisement

วันนี้ในอดีต

  • Sleepy HollowSleepy Hollowเข้าฉายปี 2000 แสดง Johnny Depp, Christina Ricci, Miranda Richardson
  • Animal FarmAnimal Farmเข้าฉายปี 2000 แสดง Kelsey Grammer , Ian Holm , Julia Louis-Dreyfus

เกร็ดภาพยนตร์

  • Terminator Genisys - เป็นภาพยนตร์ภาคแรกของภาพยนตร์ไตรภาคชุด Terminator ฉบับใหม่ อ่านต่อ»
  • Magic Mike XXL - แมตธิว แม็กคอนาเฮย์ ร่วมเจรจากลับมารับบท ดาลลัส จาก Magic Mike (2012) แต่การเจรจาไม่สำเร็จ เนื่องจากเหตุผลด้านการเงินของค่ายภาพยนตร์ เพราะหลังจาก แมตธิว ชนะรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจาก Dallas Buyers Club (2013) ค่าตัวของ แมตธิว ก็พุ่งสูง ทางค่ายจึงตัดสินใจไม่นำตัวละคร ดาลลัส กลับมาในภาคต่อ อ่านต่อ»

เปิดกรุภาพยนตร์

Scoob! Scoob! เรื่องราวของเพื่อนรักเพื่อนตาย สคูบี (แฟรงก์ เวลเกอร์) กับ แช็กกี (วิลล์ ฟอร์เต) และเส้นทางที่นำพาพวกเขาไปรวมตัวกับชาวก...อ่านต่อ»