วิจารณ์ Let Me In
-
Andy
(เลขที่ 275948)
เมื่อ 10 มี.ค. 54 23:05
มันเท่ห์ระเบิดสมคำร่ำลือ เศร้า เหงา และสมจริง ดูจบก็คิดถึง เรื่องราวในมุมมองของเด็กคนหนึ่ง ซึ่งเรียบง่ายและสมจริง คิดว่ามันน่ากลัวก็น่ากลัวมากมาย ถ้าคิดว่าเศร้าก็เศร้าสุดๆ เชียร์เลย
-
Watchmen_Since_1985
(เลขที่ 296622)
เมื่อ 4 มี.ค. 54 14:24
รู้สึกชอบรีวิว ของคุณ kok ครับ
เดิมทีจำได้ว่าไม่ค่อยชอบเรื่องแวมไพร์เท่าไหร่ แต่เมื่อดูได้ดู Twilight ภาคแรก ขอย้ำว่าภาคแรกเท่านั้นนะครับ! ก็เริ่มหาหนังพวกนี้มาดู อาทิ Interview with the Vampire ,30 Days of night บลาๆ ทั้งหลาย ก็รู้สึกชื่นชอบและหลงใหล พวกนี้ซะแล้ว จนมาเจอกับ Let Me In ชื่อไทยน่ารักมากๆ ก็ตั้งตารอคอย(ผมไม่เคยดู Let the right one in นะ)และความรู้สึกที่ได้ดู ไม่แฮปปี้เลย ไม่ใช่ไม่สนุก แต่มันรู้สึกหดหู่ใจมากๆ
หนังทำอกมาได้เยี่ยมจริงๆ รู้สึกได้เลยถึงความรู้สึกสมัยเป็นเด็ก ทุกอย่างมันดูน่ากลัวไปหมด ไม่ใช่ผีออกมาไล่ฆ่าคนด้วยความพยาบาท แต่ฆ่าเพื่อความอยู่รอด การเป็นแวมไพร์ไม่ได้สนุกอย่างที่คิด ทำให้ Twilight กลายเป็นนิทานหลอกเด็กไปเลย(ยัยเบลล่า ควรหัดดูหนังเรื่องนี้นะ อย่างแรง) หนังเต็มไปด้วยความรู้สึกกดดัน มืดหม่น ชวนให้นึกถึงหนังไทยเรื่อง เด็กหอ อย่างบอกไม่ถูก เพัuยงแต่ เด็กหอ เป็นมิตรภาพแบบเพื่อน และจบลงในแบบ Feel Good แต่นั่นไม่ใช่กับหนังเรื่องนี้ หนังแทบไม่มีเวลาให้คนดูได้เห็นความแฮปปี้ของตัวละครเลย หนังแสดงยังเด็ก แต่การแสดงราวกับรุ่นใหญ่มาเอง แถมตอนใกล้จบยังแก้แค้นได้แบบว่า แอบซะใจ เล็กน้อย แต่ถึงกระนั้นใช่ว่าหนังจะไม่มีข้อเสีย คือ
- หนังไม่ได้บอกสาเหตุ ที่ทำให้น้องแกเป็นแวมไพร์
- ตอนจบ จะขึ้นรถไฟไปไหนกันอ่ะ
- ตำรวจในเมืองมีแค่คนเดียว หรอ สืบคดีได้ช้ามากๆ
สงสัยคนที่ชอบหาเหตุผลในหนังเช่นผมคงต้องไปตามหาหนังสือ มาอ่านซะแล้วชื่อเรื่องไทยว่า "รัตติกาลรัก รัตติกาลเลือด" เผื่อจะตอบคำถามที่คาใจผมได้ ให้ 8.5/10 ครับ ซาวน์เสียงของหนังฟังดูคลาสิคดี แต่ผมรุ้สึกหงุดหงิดอ่ะ เป็นอีกหนึ่งหนังขวัญใจยากที่จะลืม ที่ผมอยากให้ใครหลายๆคน(ที่แอนตี้ ทไวไลท์ อุบส์!!)ได้รับชมครับ -
rastafah
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 4 มี.ค. 54 01:23
ชอบน้องผู้หญิงคนนี้ น่ารักๆมากเสปคพี่เลยน้อง 555
-
ป่่านคุง
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 28 ก.พ. 54 12:48
สารภาพก่อนว่าผมแหยงหนังผีมาก
ทำไมนะเหรอ เพราะในหนังนั้นตัวหนังจะถูกวางบทบังคับให้เรากดดัน ตกใจ สะดุ้งโหยง เป็นสิ่งที่ผมเกลียดมาก แต่นี่เป็นอีกเรื่องที่อยากดู เหตุผลเดียวคือน้องหนูโคลอีจาก Kick ASS Only แต่ก็ไม่กล้าดู เหตุผลเพราะกลัวไปดูในโรงแล้วกลัวนั่นเอง (ขนาดตัวอย่างหนังผีในโรงหนังผมยังกลัวเลย) แต่จนแล้วจนรอดก็โดนพนักงานขายกล่อมให้ซื้อจนได้
เนื้อเรื่อง
โอเว่น เด็กชายอายุ 12 ที่อาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆ เหงาๆ โดดเดี่ยว ไม่มีเพื่อน พ่อกับแม่ก็กำลังจะหย่ากัน เพื่อนบ้านก็ต่างคนต่างอยู่ แถมโดนเพื่อนที่โรงเรียนกลั่นแกล้งสารพัด เรียกได้ว่าอยู่อย่างเดียวคนซวยๆ จนกระทั่งน้องหนูโคลอี เอ้ยไม่ใช่ แอ๊บบี้ สาวน้อยปริศนาสุดน่ารักย้ายมาอยู่ข้างห้องของเขา เธอเป็นเพื่อนคนเดียวที่ยอมคุยกับเขาและอยู่กับเขาเป็นเพื่อน แต่ทว่า เธอคนนั้นกลับเป็น แวมไพร์
วิจารณ์
สำหรับคนที่คิดเหมือนผมว่า มันจะหลอนไหม น่ากลัวไหม หลอกให้เราสะดุ้งตกใจทั้งเรื่องไหม ขอบอกว่ามีนิดเดียวมากๆ ซึ่งผิดกับหลายๆ คนคิดเอาไว้ ดังนั้นสำหรับคนที่กลัวๆ ผี สามารถดูได้ไม่มีปัญหา ติดแค่อย่างเดียว
เลือดดดดดดดดด!! ทั้งเรื่อง
ถูกครับ หนังเรื่องนี้จะเต็มไปด้วยเลือด เลือด และเลือดสดๆ เห็นกันจะๆ แถมหลายฉากก็จะเห็นของแหวะๆ ให้เห็นด้วย แต่จะบอกว่าฉากแหวะๆ นั้นมีไม่ถึงครึ่งเรื่องครับ แต่ฉากที่ว่าหากคุณไม่ชอบอาจต้องทำใจนิดนึงที่ต้องดู
ตัวหนังไม่ใช่แนวแอ็คชั่นร่วมมือกับฆ่าแวมไพร์ ไม่ใช่หนังแฟนตาซีที่แวมไพร์จะโมเอะ (ถึงจะโมเอะหน่อยๆ ก็เหอะ) ไม่หลอน ฉากสะดุ้งที่เจอมีกัน 3 ฉากเองมั้ง แต่ด้วยอารมณ์ของหนังก็คือ "เหงาๆ" และ "เศร้าสร้อย" จะปรากฎมาตั้งแต่เด็กชายน้อย โอเว่น ปรากฎตัวออกมาแล้วหละครับ คุณจะพบกับความจริงอันน่าเศร้าที่แม้แต่ในสังคมไทยมีกันทั้งนั้น
ตัวหนังไม่ได้ออกแนว ธรรมะต้องชนะอธรรม ไม่ได้บอกอีกว่าสุดท้ายตัวร้ายชนะ ตัวหนังไม่ได้สื่อแบบนั้น ตัวหนังไม่ได้เดินทางเป็นเส้นตรง แต่กลับมอบทางเลือกให้กับคนดูอย่างพวกเราคิดว่า ตกลงแล้ว ระหว่างทางเลือกหลายทางนี้ คุณจะเลือกทางไหน ? แต่สุดท้าย แม้ว่าตัวหนังจะมอบทางเลือกให้คนดูคิด แต่นักแสดงก็มักเดินทางไปในทางที่เราจะสามารถคาดเดาตอนจบได้
ผมนั่งดูเองยังสับสนตนเองเลย บอกตามตรงว่า กว่าครึ่งเรื่องผมเข้าข้างแวมไพร์น้อย แอ๊บบี้มาก (เหตุผลคุณต้องดูเองแล้วจะเข้าใจ) แต่เมื่อผมเห็นเธอฆ่าคนอย่างสยดสยอง (ซึ่งก็ไม่ได้เต็มใจทำนัก) ผมก็มานั่งตั้งคำถามกับตนเองว่า ถ้าเกิดเราเป็นโอเว่น เราจะทำยังไง ? อยู่กับเธอ หรือ จะอยู่ฝ่ายความถูกต้องโดยการเลิกยุ่งกับเธอ ไม่ก็หาทางกำจัดเธอซะ (เปิดแสงแดดให้โดนเผาก็เรียบร้อยอยู่แล้ว)
ไม่ใช่เพราะความน่ารักของน้องหนูแวมไพร์หรอก แต่มันเป็นเพราะความรู้สึกของตัวเอกด้วย เรียกได้ว่าเป็นหนังที่สร้างคำถามให้กับคนดูเป็นอย่างมากว่า เราควรทำในสิ่งที่ถูก หรือ ยอมทำในสิ่งที่ผิดดี บอกตามตรง ผมยังลุ้นให้โอเว่นยอมโดนกัดเพื่อเป็นแวมไพร์ไปกับเธอเลยนะนั่น (ฮา)
ตัวหนังจึงไม่ได้สร้างสรรค์ ไม่ได้เรียกเสียงฮา ไม่มีฉากแอ็คชั่น ลุ้นระทึกหรือหลอนสยองขวัญ ไม่มีคำว่า ถูกหรือผิด ไม่มีคำว่า ความถูกต้อง สิ่งที่มีก็คือ ความไร้เดียงสา ความโดดเดี่ยว และความเศร้า
เรื่องภาพและเสียงในการถ่ายนั้นจะออกแนวโดดเดี่ยวมาก เหงาๆ ไม่ต้องกลัวว่าจะมีอะไรโผล่มาต๊ะเอ๋เรา เพราะมันแทบไม่มี ฉากหลายฉากค่อนข้างมืดเพราะเรื่องดำเนินตอนเวลากลางคืน ตัวละครแสดงบทบาทออกมาได้ดี แทบหาที่ติไม่ได้ แม้ว่ามุมกล้องจะเหมือนบังคับไม่ให้เรามองเห็นชัดๆ ก็ตาม
สิ่งที่ออกแนวแปลกๆ หน่อยก็คือ ตอนฉากเริ่มเรื่อง เหมือนไม่มีอะไรเกี่ยวกับแวมไพร์เลย โผล่มาคุณอาจคิดว่า ไหนอ่ะแวมไพร์ ไหนอ่ะน้องหนูโคลอี ทำให้การดำเนินช่วงแรกค่อนข้างอืดและทำให้น่าเบื่อ แต่พอน้องหนูโคลอีปรากฎในฉาก ก็จะเริ่มเฉลยให้เรารู้เรื่อยๆ ว่าทำไมเริ่มเรื่องแบบนั้น
ถามความคุ้มค่าในการซื้อแผ่น ถึงแม้ว่าเสียงซาวแทรดจะดีเยี่ยมใช้ได้และน่ารักใสๆ (รู้นะว่าผมหมายถึงใคร) แต่มันเป็นหนังที่ไม่ค่อยเหมาะในการเอามาดูซํ้าเท่าไหร่นัก สเปเชี่ยวฟีเจอร์ เบื้องหลงเบื้องหลังก็ไม่มี ไม่รู้ MVD ไทยกั๊กไม่ใส่มาให้รึเปล่า ที่รู้ๆ ก็คือ ถ้าต้องการดูรอบเดียว หาเช่าไม่ก็ซื้อแบบ VCD ก็ได้ครับ
คะแนน - 7.5 / 10.00
เหตุที่ตัด
- ตัวหนังตั้งคำถามให้เรามีหลายทางเลือก แต่สุดท้ายก็ทำให้เรารู้สึกสับสนและลังเลยันตอนจบ แม้ว่ามันจะเป็นจุดเด่นของหนังเรื่องนี้ แต่ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่
- ตัวหนังไม่ได้สร้างสรรค์ ไม่เหมาะกับเยาวชนดู เพราะจะดูเอามันส์และไม่รู้เรื่อง
- ฉากไม่เหมาะสมกับเด็กๆ มีเยอะ ไล่ตั้งแต่เลือดๆๆๆ และเลือด ยันกระทั่งฉากโชว์หน่มน้มข้างเดียว (ถึงจะมีฉากเดียวก็เหอะ)
- ถึงแม้ว่าฉากแหวะมีไม่ถึงครึ่งเรื่อง แต่ก็ชวนอ้วกได้เหมือนกัน
- การดำเนินเรื่องช่วงแรกทำได้อืดและทำให้คนดูไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเริ่มเรื่องแบบนั้น (ถ้าไม่ตั้งใจดูจริงๆ รับรองไม่ดูต่อ หรือไม่มีสมาธิดู)
- ฉากบางฉากโหดร้ายไปนิด
- ไม่ค่อยเหมาะในการดูซํ้า
- ไม่มีเบื้องหลังทั้งๆ ที่คนดูยังอารมณ์ค้างหลังจากดูจบ -
uniquegirl
(เลขที่ 274094)
เมื่อ 7 ธ.ค. 53 19:52
เวอร์ชั่นสวีเดนสนุกกว่านะ
เพราะนักแสดงเล่นกันได้ดีมาแบบหนังเงียบสุดๆ -
JerryBean
(เลขที่ 242456)
เมื่อ 7 ธ.ค. 53 09:34
ชอบเด็กผู้หญิงเรื่องนี้มากๆครับ น่ารักมากๆเลย
ดูแล้วถ้าตอนเด็กๆมีแฟนแบบนี้คงดีมากๆ
9/10 ครับ
ชอบจริงๆควรไปดูครับ -
maawthai
(เลขที่ 86810)
เมื่อ 3 ธ.ค. 53 23:30
เคยดูนานแล้วที่ RCA เปนหนังฝั่งยุโรปมั้ง ต้นตำรับดูแล้วคลาสิกดี
-
kok
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 2 ธ.ค. 53 08:44
ปกติผมจะไม่ค่อยเข้ามาวิจาร์ณในนี้เท่าไหร่นะครับ แต่เรื่องนี้มัน....
อดไม่ได้ที่จะต้องมาเขียนบรรยายความรู้สึกให้ได้อ่านกัน......
Let Me In ชื่อเรื่องนี้ถ้ายังไม่ได้ดูก็จะไม่เข้าใจความหมายของมัน?
เมื่อเข้าไปดูหนังเรื่องนี้แล้ว อย่าหาคำตอบว่า มันคือหนังแนวไหน
รัก ดราม่า โรแมนติค สยองขวัญ ฆาตกรรม อื่นๆ ไม่จำเป็นต้องคิด
เพราะตัวหนังนั้นเหมือนชีวิตจริง ที่มีหลากหลายเรื่องราวที่เข้ามา
ตอนเด็กๆคุณคงเคยชกต่อยกับเพื่อน ?
ตอนเด็กๆคุณคงยังจำสาวคนแรกที่คุณปิ๊งได้?
ตอนเด็กๆคุณคงต้องการความเข้าใจจากพ่อและแม่?
ตอนเด็กๆคุณคงไม่สนใจข่าวฆ่ากันตายของคนที่คุณไม่รู้จัก?
ตอนเด็กๆคุณคงเคยเชื่อว่าผีหรือปีศาจหรือแวมไพน์มีอยู่จริง?
.......
เมื่อดูไปเรื่อยๆคุณจะถูกดำดิ่งสู่ห้วงภวังค์ของหนังโดยไม่รู้ตัว
คุณไม่ต้องกลัวว่าจะเจอฉากสะดุ้งตกใจเหมือนหนังผีเรื่องอื่นๆ
แต่คุณจะกลัวความมืด กลัวสิ่งที่มองไม่เห็น กลัวอันตรายรอบตัว
แล้วคุณจะเข้าใจว่า Let Me In มันเป็นยังไง
(ขออภัยที่ไม่เล่ารายละเอียดเนื้อเรื่อง ขอเล่าแต่อารมณ์ที่ได้ดูค้าบ) -
07112531
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 2 ธ.ค. 53 04:16
ชอบมากครับ 9/10
-
filmalmost
(เลขที่ 273175)
เมื่อ 30 พ.ย. 53 18:25
เท่าที่เคยดูหนังแวมไพร์มาหลายเรื่องแต่สำหรับเรื่องนี้ยกขึ้นหิงทันทีที่ดูเสร็จ และมันก็อาจจะเป็นหนัง remake ที่ดีที่สุดเทียบเท่ากับต้นฉบับอยู่พอสมควร แม้ว่ามันจะให้ความรู้สึกแตกต่างกัน
แต่มันมีความหดหู่ที่เหมือนกัน
บางฉากดูแล้วจิกเก้าอี้มาก รู้สึกหวาดๆอยู่ตลอดเวลา
อารมณ์ของตัวละครถ่ายทอดได้เยี่ยมดูแล้วอิน
อยากให้ไปดูกันเยอะๆแหละครับ เห็นมันไม่ค่อยทำเงินเลย
แต่ของเค้าดีจริง
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+
advertisement
วันนี้ในอดีต
- Twilightเข้าฉายปี 2008 แสดง Kristen Stewart, Robert Pattinson, Cam Gigandet
- The Duchessเข้าฉายปี 2008 แสดง Keira Knightley, Ralph Fiennes, Dominic Cooper
- เพชฌฆาตเงียบ อันตรายเข้าฉายปี 2000 แสดง ปวริศร์ มงคลพิสิฐ , พิเศก อินทรครรชิต , เปรมสินี รัตนโสภา
เกร็ดภาพยนตร์
- Laggies - แอนน์ แฮตธาเวย์ คือนักแสดงเดิมที่จะมารับบท เมแกน แต่ขอถอนตัวเนื่องจากติดถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Song One (2014) และ Interstellar (2014) ด้าน รีเบกกา ฮอลล์ ก็ปฏิเสธบท เมแกน เพื่อแสดง Transcendence (2014) เคียรา ไนต์ลีย์ จึงเข้ามารับบทนี้แทน อ่านต่อ»
- Into the Woods - บทภาพยนตร์ร่างแรกๆ บทผู้บรรยาย ที่เป็นตัวสำคัญในละครเพลงยังมีบทบาทอยู่ในฉบับภาพยนตร์ และก่อนที่บทนี้จะถูกตัดออกในภายหลัง นักแสดงมากมายได้รับการพิจารณา เจรจา และทาบทามให้สวมบทนี้ นักแสดงเหล่านั้นรวมถึง เจเรมี ไอออนส์, คริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์, เจฟฟรีย์ รัช, เจมส์ เอิร์ล โจนส์, จอห์น คลีส, ไมเคิล เคน, ไมเคิล แกมบอน และ อลัน ริกแมน นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่าจะมอบบทนี้ให้นักแสดงผู้หญิงอย่าง จูลี แอนดรูว์ หรือ แองเจลา แลนส์บูรี ที่คุ้นเคยกับลักษณะงานของผู้ประพันธ์เพลง สตีเฟน ซอนด์ไฮม์ เป็นอย่างดี อ่านต่อ»
เปิดกรุภาพยนตร์
ดิว ไปด้วยกันนะ เรื่องราว ณ ปางน้อย พ.ศ. 2539 ความรู้สึกพิเศษได้ก่อตัวขึ้นระหว่างเด็กหนุ่มอายุ 17 สองคน ดิว (ภวัต จิตต์สว่างดี) และ ภพ ...อ่านต่อ»