เกร็ดน่ารู้จาก Let Me In
เกร็ดน่ารู้
- ดัดแปลงมาจากนวนิยายสวีเดน Lat den Ratte Komma In ที่เขียนโดย ยอห์น ไอจ์วิเดอ ลิงนด์ควิสต์ ซึ่งเคยดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ภาษาสวีเดนมาก่อนแล้ว โดยใช้ชื่อเรื่องเหมือนชื่อภาษาอังกฤษของหนังสือคือ Let the Right One In (2008) กำกับโดย โทมัส อัลเฟรดซอน
- เป็นผลงานเรื่องแรกของบริษัทสร้างภาพยนตร์สยองขวัญจากอังกฤษ แฮมเมอร์ ฟิล์มส์ หลังจากห่างหายจากวงการไปนานกว่า 30 ปี ไซมอน โอกส์ ผู้บริหารของบริษัทเล่าว่า พวกเขาสนใจจะสร้างภาพยนตร์จากนิยาย Lat den Ratte Komma In มาตั้งแต่ปี 2007 ก่อนที่ Let the Right One In (2008) ที่ดัดแปลงจากหนังสือเล่มนี้เช่นกันจะออกฉายเสียอีก และในที่สุดพวกเขาก็เริ่มสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้โดยร่วมทุนกับบริษัท โอเวอร์เจอร์ ฟิล์มส์
- ผู้กำกับและผู้เขียนบท แมตต์ รีฟส์ ดัดแปลงนวนิยายภาษาสวีเดน Lat den Ratte Komma In มาเป็นบทภาพยนตร์ภาษาอังกฤษเรื่องนี้ โดยเปลี่ยนสถานที่จากเมืองสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน มาเป็นเมืองเล็กๆ ในเขตหุบเขาของนิวเม็กซิโก ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่เขาพยายามคงรายละเอียดอื่นๆ เอาไว้ดังเดิม ดังเช่นที่เขาปฏิเสธคำแนะนำที่ให้เปลี่ยนอายุของตัวละครนำจาก 12 ปีให้โตขึ้น เพื่อเอาใจผู้ชมชาวอเมริกัน
- เหตุการณ์ในเรื่องเกิดขึ้นในยุค 80 ซึ่งเป็นยุคสงครามเย็นที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โรนัลด์ เรแกน กำลังเรืองอำนาจ
- หัวหน้าฝ่ายคัดเลือกนักแสดง เอวี คัฟแมน เคยร่วมงานกับนักแสดงเด็กมาแล้วหลายเรื่อง เช่น เฮลีย์ โจล ออสเมนต์ ใน The Sixth Sense (1999) แมกซ์ โพเมอแรนซ์ ใน Searching for Bobby Fischer (1993) และ อดัม ฮานน์-เบิร์ด ใน Little Man Tate (1991) สำหรับเรื่องนี้ เอวี เฟ้นหานักแสดงจากนิวยอร์กและลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ประเทศออสเตรเลีย และประเทศนิวซีแลนด์ โดยใช้เวลาทั้งสิ้นกว่า 8 เดือน จนกระทั่งตัดสินใจเลือก โคดี สมิต-แมกฟี วัย 13 ปี มารับบท โอเวน
- โคดี สมิต-แมกฟี เข้าถึงบท โอเวน ด้วยการนึกถึงตัวละครที่ตนเคยแสดงในเรื่อง The Road (2009) เนื่องจากเป็นเด็กที่เหงาและโดดเดี่ยวมากๆ เหมือนกัน นอกจากนี้ โคดี ยังฝึกหมั่นซ้อมบทกับคุณพ่อของเขา แอนดี แมกฟี ซึ่งเป็นนักแสดงมาราว 20 ปีแล้ว
- ผู้กำกับและผู้เขียนบท แมตต์ รีฟส์ ไม่เคยชมผลงานเรื่องดังๆ ของ โคลอี มอเรตซ์ อย่าง (500) Days of Summer (2009) และ Kick-Ass (2010) มาก่อน แต่ แมตต์ ก็ตัดสินใจเลือกเธอมารับบทเป็น แอ็บบี ในเรื่องนี้
- โคลอี มอเรตซ์ ตัวจริงอายุ 12 ปี เท่ากับ แอ็บบี ตัวละครแวมไพร์ของเธอในเรื่องนี้ แต่ต่างกันตรงที่ แอ็บบี มีอายุ 12 ปีมานานประมาณ 250 ปีแล้ว อย่างไรก็ตาม แอ็บบี ไม่ใช่หญิงชราอายุ 250 ปีในร่างเด็ก เพราะบุคลิกและความคิดจิตใจของเธอยังคงเป็นเด็กอายุ 12 ปีอยู่เสมอ
- ผู้กำกับและผู้เขียนบท แมตต์ รีฟส์ ผลักดันให้ โคดี สมิต-แมกฟี ผู้รับบท โอเวน และ โคลอี โมเรตซ์ ผู้รับบท แอ็บบี ใช้เวลาร่วมกันเพื่อสร้างความสนิทสนม พวกเขาจึงได้ไปไหนมาไหนด้วยกัน และ โคดี เคยแวะไปใช้เวลากับครอบครัวของ โคลอี ที่บ้านของเธอ นอกจากนี้ในภาพยนตร์ โอเวน มอบลูกบาศก์รูบิกเป็นของขวัญให้ แอ็บบี นักแสดงทั้งคู่จึงช่วยกันแก้เกมนี้ด้วยกัน โดยค้นคว้าจากอินเตอร์เน็ตจนรู้วิธีทำได้สำเร็จก่อนเปิดกล้อง
- ผู้กำกับและผู้เขียนบท แมตต์ รีฟส์ เลือก ริชาร์ด เจนกินส์ มารับบท เดอะ ฟาเธอร์ เพราะชื่นชมการแสดงของเขาในเรื่อง The Visitor (2007) ที่ทำให้เขาได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมเมื่อปี 2009 แมตต์ ได้พบ ริชาร์ด โดยบังเอิญระหว่างเขียนบทเรื่องนี้ด้วย เขาจึงยิ่งมั่นใจว่า ริชาร์ด เหมาะสมกับบท เดอะ ฟาเธอร์
- บทบาท เดอะ ฟาเธอร์ ทำให้ ริชาร์ด เจนกินส์ ต้องนั่งแต่งหน้านานถึง 3 ชั่วโมง ซึ่งทำให้เขาเกือบถอดใจจากภาพยนตร์ นอกจากนี้เขายังต้องรับบทหนักๆ อย่างทิ้งตัวหล่นลงหลุมหลายครั้ง และกลิ้งลงเขาอีกด้วย แต่สุดท้ายเขาก็แสดงผ่านได้ทั้งหมดภายในครั้งเดียว
- นักแสดง อีเลียส โคเทียส เคยพบผู้กำกับ แมตต์ รีฟส์ เมื่อหลายปีก่อน ระหว่างถ่ายทำรายการโทรทัศน์ เขาชอบการทำงานกับ แมตต์ มาก เพราะมีอิสระในการแสดงอย่างเต็มที่ ดังนั้นเมื่อ แมตต์ ทาบทามเขามารับบทตำรวจนิรนามในเรื่องนี้ อีเลียส จึงตอบตกลงทันทีโดยไม่ขออ่านบทภาพยนตร์ก่อน
- ความสัมพันธ์ของ โคดี สมิต-แมกฟี ผู้รับบท โอเวน กับคุณแม่ขี้เมาของเขาที่รับบทโดย คารา บัวโน นั้นห่างเหินมาก เสมือนว่าคุณแม่ได้ตายไปแล้วในสายตาของลูกชาย และเนื่องจากผู้กำกับและผู้เขียนบท แมตต์ รีฟส์ ต้องการให้ผู้ชมเห็นเหตุการณ์ต่างๆ ผ่านสายตาของ โอเวน เขาจึงตัดสินใจถ่ายทำแบบแทบมองไม่เห็นใบหน้าของ คารา เลย
- ดีแลน มินเนตต์ ตื่นเต้นมากที่ได้มารับบท เคนนี เด็กเกเรที่ชอบทำร้าย โอเวน ตัวละครนำของเรื่องที่รับบทโดย โคดี สมิต-แมกฟี เพราะปกติเขาได้รับแต่บทประเภทหนุ่มน้อยตัวเล็กน่ารัก นอกจากนี้ ดีแลน ยังมีโอกาสได้แสดงฉากเสี่ยงๆ ด้วยตัวเอง แม้ทีมงานจะเสนอนักแสดงแทนให้ แต่เขาก็ตอบปฏิเสธ
- ผู้กำกับและผู้เขียนบท แมตต์ รีฟส์ ต้องการให้ตัวละคร เคนนี เป็นตัวร้ายที่มีความเป็นมนุษย์ จึงอธิบายให้ ดีแลน มินเนตต์ ผู้รับบท เคนนี ฟังว่า เหตุผลที่ เคนนี ชอบรังแกเพื่อนที่โรงเรียนอย่างโหดร้ายนั้น เป็นเพราะขณะอยู่ที่บ้าน เขาถูกพี่ชายทำตัวหยาบคายร้ายกาจใส่ตลอด
- แม้ว่าในจอ ดีแลน มินเนตต์, จิมมี พินชัก หรือ แจกซ์ และ นิโคไล ดอเรียน จะต้องรับบทเป็น เคนนี, มาร์ก และ โดนัลด์ กลุ่มเด็กอันธพาลที่ทำร้าย โอเวน ที่รับบทโดย โคดี สมิต-แมกฟี แต่จริงๆ แล้วพวกเขากับ โคดี ต่างก็สนุกสนานที่ได้ทำงานด้วยกัน พวกเขาหยอดมุกเฮฮากันในกองถ่าย และแวะไปที่บ้านของใครคนใดคนหนึ่งบ่อยๆ เพื่อเล่นเกมเพลย์สเตชันและนอนหลับพักผ่อนด้วยกัน
- ผู้สร้างต้องการถ่ายทำในสถานที่เปลี่ยวเหงาที่ระบุไม่ได้ว่าอยู่ที่ไหน มีบรรยากาศแบบยุค 80 และมีหิมะขาวโพลน เดิมพวกเขาเล็งที่โคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกาเอาไว้ แต่ก็เปลี่ยนใจเมื่อได้พบเมืองทะเลทรายบนที่สูงที่มีหิมะตกอย่าง ลอส อลามอส ในรัฐนิวเม็กซิโก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมืองนี้ก่อตั้งขึ้นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อเป็นชุมชนลับที่คอยดูแลทีมสร้างนิวเคลียร์ในโครงการแมนฮัตตัน เชื่อกันว่าประชากรที่นี่มีไอคิวเฉลี่ยสูงสุดในประเทศ และมีจำนวนโบสถ์ต่อจำนวนประชากรสูงที่สุดด้วย ผู้เขียนบท ดรูว์ กอดดาร์ด ที่เคยร่วมงานกับ แมตต์ ใน Cloverfield (2008) เติบโตมาที่นี่ จึงทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาได้อย่างดี
- ผู้ออกแบบงานสร้าง ฟอร์ด วีลเลอร์ ออกแบบห้องของ โอเวน ที่รับบทโดย โคดี สมิต-แมกฟี โดยให้มีรูปพระจันทร์ดวงกลมโตอยู่บนผนังฝั่งหนึ่ง และในห้องยังรายล้อมไปด้วยของเล่นที่เกี่ยวข้องกับอวกาศ ทั้งนี้เนื่องจากผู้กำกับและผู้เขียนบท แมตต์ รีฟส์ จำได้ว่า ในยุค 80 ตามท้องเรื่องนั้น เป็นช่วงเวลาที่ใครๆ ก็พูดถึงกระสวยอวกาศ นอกจากนี้อวกาศยังเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อว่า โอเวน อ้างว้างมากและอยากจะหนีไปเต็มที
- ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย เมลิสซา บรูนิง ควบคุมการเครื่องแต่งกายโดยรวมทั้งหมดให้สะท้อนถึงยุค 80 ด้วยการอ้างอิงจากหนังสือรุ่นสมัยเรียนชั้นมัธยมปลายของเธอเอง
- ผู้เชี่ยวชาญสเปเชียลเอฟเฟกต์ แอนดรูว์ คลีเมนต์ และ แบรด ปาร์เกอร์ สร้างภาพลักษณ์ของตัวละคร แวมไพร์ แอ็บบี ที่รับบทโดย โคลอี มอเรตซ์ ในขณะที่รู้สึกหิวให้ดูเหมือนคนป่วย โดยพวกเขามีแรงบันดาลใจเป็นปัญหาทางร่างกายของวัยรุ่น พวกเขาศึกษาเรื่องปัญหาผิวพรรณและฟันจากอินเตอร์เน็ต แล้วออกแบบให้ แอ็บบี ยามหิวโหยมีสิวขึ้นมากมาย ผิวซีดเซียว และดูเนื้อตัวเหนียวเหนอะหนะ
- ในภาพยนตร์ Kick-Ass (2010) โคลอี โมเรตซ์ ได้ฝึกศิลปะการต่อสู้หลายแขนง และได้แสดงฉากเสี่ยงๆ มาแล้ว เมื่อมารับบทแวมไพร์ แอ็บบี ในเรื่องนี้ โคลอี จึงตอบตกลงทุกครั้งที่ผู้กำกับและผู้เขียนบท แมตต์ รีฟส์ ขอให้เธอแสดงฉากผาดโผน
- ขณะกำลังจะถ่ายทำฉากที่ แอ็บบี กำลังดื่มเลือด ผู้กำกับ แมตต์ รีฟส์ ถาม โคลอี มอเรตซ์ ผู้รับบท แอ็บบี ว่าอยากลองดื่มเลือดเทียมบ้างไหม เธอตอบตกลงอย่างมั่นใจ แต่ภายหลังก็พบว่าคิดผิด โคลอี บรรยายรสชาติของมันไว้ว่ารสแย่เหมือนแอลกอฮอลล้างเครื่องมือ ผสมกับยาช่วยย่อยและโคลน
- ตอนที่ผู้กำกับและผู้เขียนบท แมตต์ รีฟส์ โทรศัพท์ไปทาบทาม ไมเคิล จิอาคิโน มารับหน้าที่ประพันธ์ดนตรีประกอบให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ ไมเคิล เพิ่งมีรายชื่อติดโผชิงรางวัลต่างๆ จากผลงานของเขาใน Up (2009) ทำให้เขามีงานหลั่งไหลมาให้เลือกมากมาย แต่เขาก็ตัดสินใจรับงานนี้ เพราะเขาชอบทำงานกับเพื่อนเก่า และเขาเคยร่วมงานกับ แมตต์ มาแล้วในเรื่อง Cloverfield (2008)
- ผู้ประพันธ์ดนตรีประกอบ ไมเคิล จิอาคิโน สร้างสรรค์ดนตรีหลอนๆ ด้วยคีย์บอร์ดชื่อ เซเลสต์ ที่ให้เสียงใสเหมือนกระดิ่ง พร้อมด้วยกลองเบส และหนุ่มน้อยนักร้องประสานเสียงในโบสถ์ 1 คน ผู้กำกับและผู้เขียนบท แมตต์ รีฟส์ ต้องการให้ดนตรีเปิดกว้างแต่เรียบง่าย และค่อยๆ เปิดเผยทีละน้อย สอดคล้องกับการดำเนินเรื่องที่คลี่คลายแบบนิ่งๆ ช้าๆ และมีบทพูดไม่มาก เช่น ฉากที่ตำรวจเข้าบ้าน แอ็บบี ที่รับบทโดย โคลอี มอเรตซ์ ดนตรีจะเริ่มจากเสียงเครื่องดนตรีเพียงชิ้นเดียว แล้วค่อยจบที่ออเคสตราเต็มวงแผดเสียงกึกก้อง
- ผู้กำกับและผู้เขียนบท แมตต์ รีฟส์ เลือกเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ ร่วมกับที่ปรึกษาด้านดนตรี จอร์จ ดราโกอูเลียส โดยพวกเขาคัดมาเฉพาะเพลงป๊อปอมตะจากยุค 80
- ข้อความรหัสมอร์สที่ปรากฏในตอนจบของตัวอย่างภาพยนตร์นั้น ถอดความออกมาเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า Help Me แปลว่า ช่วยด้วย
- แม้จะเป็นภาพยนตร์ที่มีตัวละครสำคัญเป็นแวมไพร์ แต่มีการพูดคำว่า แวมไพร์ เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
- ภาพยนตร์ไม่ได้เปิดเผยอายุที่แท้จริงของ แอ็บบี ที่รับบทโดย โคลอี มอเรตซ์ แม้ว่าตัวละครหลักอย่าง โอเวน ที่รับบทโดย โคดี สมิต-แมกฟี จะเอ่ยถามเจ้าตัวถึง 2 ครั้ง
- ในฉากที่ตัวละครแวมไพร์ แอ็บบี เดินเท้าเปล่าบนพื้นหิมะนั้น โคลอี มอเรตซ์ ผู้รับบท แอ็บบี แสดงโดยเดินเท้าเปล่าบนหิมะจริงๆ ระหว่างถ่ายทำ ทีมงานต้องคอยทำให้เท้าของเธออุ่นอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้เธอหนาวเกินไป
advertisement
วันนี้ในอดีต
ทวิภพเข้าฉายปี 2004 แสดง ฟลอเรนซ์ วนิดา เฟเวอร์, รังสิโรจน์ พันธุ์เพ็ง, พิเศก อินทรครรชิต
The Lord of the Rings: The Return of the Kingเข้าฉายปี 2004 แสดง Elijah Wood, Viggo Mortensen, Ian McKellen
Big Fishเข้าฉายปี 2004 แสดง Ewan McGregor, Albert Finney, Billy Crudup
เกร็ดภาพยนตร์
เปิดกรุภาพยนตร์
True Mothers
เรื่องราวของสองสามีภรรยาที่ไม่สามารถมีลูกได้เอง และเด็กหญิงอายุ 14 ที่ไม่สามารถเลี้ยงลูกได้ จนต้องยกลูกให้คนอื่น อันนำม...อ่านต่อ»