เกร็ดน่ารู้จาก Megamind
เกร็ดน่ารู้
- ขณะที่ภาพยนตร์เรื่องนี้มีตัวละครผู้ร้ายเป็นตัวเอก ผู้กำกับ ทอม แม็กกราธ ยอมรับว่าตนชอบตัวละครผู้ร้ายมาตั้งแต่เด็กแล้ว เช่น ตัวละครอย่าง ดาร์ธ เวเดอร์ ใน Star Wars หรือ กัปตันฮุก ใน Peter Pan เพราะพวกเขามีเสน่ห์ และมีบุคลิก เสื้อผ้า อุปกรณ์ และประโยคติดปากที่น่าสนใจ
- ตอนที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างพัฒนาที่บริษัท เรด เอาร์ ฟิล์มส์ ของ เบน สติลเลอร์ และ สจวร์ต คอร์นเฟลด์ พวกเขาคิดจะสร้างออกมาเป็นภาพยนตร์ที่ใช้คนแสดง แต่หลายคนเชื่อว่ามันควรเป็นแอนิเมชันมากกว่า ภายหลังพวกเขาจึงนำงานนี้ไปเสนอให้บริษัท ดรีมเวิร์คส์ แอนิเมชัน รับช่วงต่อ
- เดิมผู้สร้างออกแบบให้ เมกะมายด์ ที่พากย์เสียงโดย วิล ฟาเรลล์ มีรูปลักษณ์เหมือนมนุษย์ต่างดาวมากกว่านี้ คือเป็นผู้ชายหัวโตและร่างสูง แต่พวกเขาต้องการให้รูปลักษณ์ของตัวละครเหมาะสมกับเรื่องราวที่จะเล่าด้วย ทั้งในแง่การเป็นตัวละครที่ตลกและเป็นตัวละครที่มีความรัก พวกเขาจึงปรับให้ เมกะมายด์ ดูเหมือนมนุษย์มากขึ้น
- เดิมผู้สร้างออกแบบตัวละคร มิเนียน ที่พากย์เสียงโดย เดวิด ครอสส์ ให้ดูเหมือนกอริลลาที่ไม่มีหัว แต่ภายหลังเปลี่ยนมาเป็นร่างกายแบบหุ่นยนต์กอริลลา ที่มีหัวเป็นปลาในโหล และมีแขนที่ยืดได้ ถือเป็นตัวละครที่มีระบบริกที่ซับซ้อนมาก
- ผู้กำกับศิลป์ ทิม แลมบ์ ออกแบบตัวละครประกอบที่เป็นชาวเมืองจำนวนมากให้แต่ละคนมีเอกลักษณ์ต่างกันไป โดยไม่ต้องใช้เวลามากมาย ด้วยการใช้โปรแกรมอัตโนมัติในการสร้างลำตัวที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นสูง ผอม อ้วน เพรียว แก่ หนุ่ม จากนั้นก็นำมารวมกับศีรษะแบบต่างๆ โดยสุ่มสลับกันไปให้ดูหลากหลาย
- จำนวนพาเนลสตอรีบอร์ดทั้งหมดในภาพยนตร์เรื่องนี้คือ 99,590 พาเนล เป็นของซีเควนซ์ 1300 เดตติง/เทรนนิง ถึง 7,534 พาเนล และในซีเควนซ์นี้มีร่างบทภาพยนตร์มากถึง 103 ฉบับ
- เมกะมายด์ ที่พากย์เสียงโดย วิล ฟาเรลล์ ใช้ปืน 3 กระบอกในภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้แก่ ปืนร้อน ปืนผสมดีเอ็นเอ และปืนร้อนขนาดยักษ์ที่ติดอยู่กับสไปเดอร์บ็อต
- ทีมงานสร้างแบบจำลองตึกรามบ้านช่องทั้งหลายในฉากเมือง เมโทร ซิตี ขึ้นมา จากนั้นพวกเขาใช้ซอฟต์แวร์พิเศษที่ชื่อ ซิตี ซิสเต็ม ในการเติมเต็มภาพตึกที่ไม่สำคัญอื่นๆ นอกจากนี้พวกเขายังออกแบบให้ เมโทร ซิตี มีระบบทางหลวงที่ใช้การได้จริงอีกด้วย
- ผู้สร้างออกแบบให้กล้ามเนื้อไบเซ็ปของซูเปอร์ฮีโร เมโทรแมน ที่พากย์เสียงโดย แบรด พิตต์ มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 25 นิ้ว ซึ่งใหญ่กว่าของนักแสดงบู๊ อาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์ ในช่วงที่รุ่งสุดๆ เสียอีก
- หุ่นยักษ์ในเรื่องมีส่วนสูงถึง 46 ฟุตครึ่ง
- ผู้สร้างแบ่งคนและสิ่งของในภาพยนตร์ออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่คือ คน นก รถ และเบรนบ็อต โดยรวมแล้วมีจำนวนตัวละครมากถึงหลักล้านเลยทีเดียว ในฉากแหล่งการค้ามีจำนวนคนกว่า 58,000 คน มีรถ 120,000 คันขับวนเวียนอยู่ทั่วเมือง โดยรถจะหนาแน่นมากในย่านที่พักและในเมือง และจะหนาแน่นน้อยลงในเขตอุตสาหกรรม
- ผู้สร้างออกแบบการเคลื่อนไหวของตัวละครกลุ่มเบรนบ็อตโดยเลียนแบบการเคลื่อนไหวของแมงกะพรุน
- มีการสร้างของประกอบฉากประเภทผ้าขึ้นมากกว่า 10,000 ชิ้น ประกอบไปด้วยผ้าคลุม 726 ชิ้น และเสื้อผ้าของคนกว่า 5,500 คน รวม 320 ชุด แบ่งออกเป็น 44 ชุดสำหรับตัวละครเอก 39 ชุดสำหรับตัวละครอื่นๆ และอีก 237 ชุดสำหรับใช้ทั่วๆ ไป
- มีฉากตัวละครถูกกระแทกหน้า 12 ครั้งในภาพยนตร์ ส่วนมากเป็นการกระแทกกับกระจก
- การทำคอมโพสิตเอฟเฟกต์สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องใช้เวลาทั้งหมด 1,317 สัปดาห์แรงงาน ซึ่งถ้าใช้คนคนเดียวทำ ก็จะต้องใช้เวลานานกว่า 25 ปี หรือ 6,585 วัน เฉพาะงานส่วนผนังนั้น ใช้ลวดสลิงเสมือน 979 เส้น และใช้กระดาษเสมือน 6,625 แผ่น
- ผ้าม่านที่ถูกสร้างขึ้นมาในภาพยนตร์เรื่องนี้มีขนาดใหญ่มาก ตั้งแต่ขนาดสูง 58 ฟุต 81 ฟุต ไปจนถึง 405 ฟุต
- ต้นแบบของทอร์นาโดน้ำในงานเฉลิมฉลอง เมโทรแมน ส่วนหนึ่งมาจากการแสดงน้ำพุในลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา
- หัว เมกะมายด์ เบรนบ็อตยักษ์ในฉากสุดท้ายสร้างขึ้นจากเบรนบ็อตเกือบ 100,000 ตัว
- ทีมงาน 7 คนใช้เวลาเกือบ 4 เดือนในการสร้างฉากระเบิดหอดูดาวครั้งใหญ่
- ฉากฝนตกหนักเกิดขึ้นจากการสร้างน้ำฝนเกือบ 700,000 เม็ด
- ในฉากที่ตำรวจล้อมศาลากลางเมืองนั้น ผู้สร้างใช้ฉากภายนอกจากภาพยนตร์ Die Hard (1988) มาเป็นข้อมูลอ้างอิงเรื่องแสง
- การสร้างภาพสุดท้ายของ มิเนียน ที่พากย์เสียงโดย เดวิด ครอสส์ ต้องอาศัยองค์ประกอบจากเลเยอร์ต่างๆ ถึง 7 ชั้น
- ฉากที่ ไททัน ที่พากย์เสียงโดย โจนาห์ ฮิลล์ พา ร็อกแซนน์ ริตชี ที่พากย์เสียงโดย ทีนา เฟย์ เหาะเหินเหนือเมืองนั้น ถือเป็นฉากที่ซับซ้อนมาก เฉพาะช็อตที่ ร็อกแซนน์ ถูกเหวี่ยงข้ามตึกนั้นต้องใช้เลเยอร์แสงกว่า 3,500 ชั้น
- ข้อมูลของเมือง เมโทร ซิตี มีปริมาณมากถึง 1 เทราไบต์ เพราะมีภาพตึกและถนนมากถึง 90,000 แห่ง
- หอคอยเมโทรในเรื่องนั้นสูง 3,172 ฟุต ซึ่งสูงกว่าอาคารที่สูงที่สุดในโลกอย่าง เบิร์จ คาลิฟา ในดูไบถึง 455 ฟุต
- หลายๆ ช็อตต้องใช้เวลาเรนเดอร์นานกว่า 24 ชั่วโมง ซึ่งช็อตที่นานที่สุดใช้เวลา 50 ชั่วโมง
- ทีมงานต้องพึ่งกระทิงแดง 5 ลังเพื่อรักษาระดับความคิดสร้างสรรค์ให้คงอยู่ระหว่างการทำงานช่วงเดือนสุดท้าย และพวกเขาสั่งเฝอมารับประทานเป็นอาหารเย็นตลอดช่วงระยะเวลาการทำงาน 11 สัปดาห์
- เดิมผู้สร้างจะตั้งชื่อภาพยนตร์ว่า Master Mind แต่มีเกมกระดานและรายการโทรทัศน์ที่มีมาตั้งแต่ยุค 70 ใช้ชื่อนี้ไปก่อนแล้ว นอกจากนี้พวกเขายังเกือบตั้งชื่อภาพยนตร์ว่า Oobermind ซึ่งเป็นการสะกดผิดมาจาก Uber-mind โดยคำว่า uber นั้นหมายถึงสิ่งที่ใหญ่โต แต่สุดท้ายแล้วก็มาลงตัวที่ชื่อว่า Megamind
- การที่ยานอวกาศของ เมกะมายด์ ที่พากย์เสียงโดย วิล ฟาเรลล์ ตกลงมาในเรือนจำ ที่ซึ่งทำให้เขาเติบโตมากลายเป็นผู้ร้ายนั้น เป็นการอุทิศให้แก่ Red Son หนังสือการ์ตูนที่แตกยอดออกมาจาก Superman ซึ่งเล่าเรื่องยานอวกาศของ คาล-เอล (ชื่อเดิมของ ซูเปอร์แมน) ที่แล่นลงจอดที่โซเวียตรัสเซีย แทนที่จะเป็นที่ แคนซัส เคนต์ ฟาร์ม เหมือนใน Superman ฉบับดั้งเดิม
- การที่ แบรด พิตต์ พากย์เสียงเป็น เมโทรแมน ถือเป็นการหวนกลับมาพากย์เสียงอีกครั้ง หลังจากเขาเคยพากย์เสียงใน Sinbad: Legend of the Seven Seas (2003) ภาพยนตร์ของ ดรีมเวิร์คส์ อีกเรื่องหนึ่ง
- ผู้สร้างทาบทาม เบน สติลเลอร์ และ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ให้มาพากย์เสียง เมกะมายด์ แต่ทั้งคู่ปฏิเสธเพราะตารางการทำงานไม่ลงตัว อย่างไรก็ตาม เบน ยังได้มาช่วยพากย์เสียงบทเล็กๆ ของตัวละครชื่อ เบอร์นาร์ด
- ยอดมนุษย์ทั้ง 3 คนในเรื่องมีสีสันหลักเป็นของตัวเอง เมกะมายด์ ที่พากย์เสียงโดย วิล ฟาเรลล์ มีสีประจำตัวเป็นสีน้ำเงิน เมโทรแมน ที่พากย์เสียงโดย แบรด พิตต์ เป็นสีขาว และ ไททัน ที่พากย์เสียงโดย โจนาห์ ฮิลล์ เป็นสีแดง
- ฉากพิพิธภัณฑ์ เมโทรแมน ที่สร้างขึ้นเพื่อเชิดชู เมโทรแมน ที่พากย์เสียงโดย แบรด พิตต์ นั้น เป็นการอ้างอิงถึงซูเปอร์ฮีโรของ ดีซี คอมิกส์ ที่ชื่อ แฟลช ซึ่งมีพิพิธภัณฑ์ แฟลช เป็นของตัวเองเช่นกัน
- ผู้กำกับชื่อดัง กีเยอร์โม เดล โทโร เข้ามาช่วยให้คำปรึกษาในการตัดต่อภาพยนตร์เรื่องนี้
- ตัวละครนักข่าวสาว ร็อกแซนน์ ริตชี ที่พากย์เสียงโดย ทีนา เฟย์ นั้น ตั้งชื่อตามตัวละคร ร็อกแซนน์ ซิมป์สัน ซึ่งเป็นนักข่าวในภาพยนตร์ Ghost Rider (2007)
- วิล ฟาเรลล์ ผู้พากย์เสียง เมกะมายด์ ประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่องนี้โดยจัดงานรวมตัวเพื่อนๆ และคนรู้จักของเขาถึง 1,580 คน โดยให้ทุกคนสวมชุดซูเปอร์ฮีโร งานนี้ทำสถิติโลก กินเนสส์ เวิลด์ เรกคอร์ด สำหรับการรวมตัวของซูเปอร์ฮีโรจำนวนมากที่สุดในโลก
- เมกะมายด์ ที่พากย์เสียงโดย วิล ฟาเรลล์ เริ่มต้นชีวิตปีแรกๆ บนโลกที่เรือนจำ เมโทร ซิตี สำหรับผู้มีพรสวรรค์ นี่เป็นการอ้างอิงถึงโรงเรียนสำหรับผู้มีพรสวรรค์ของศาสตราจารย์ ซาเวียร์ ใน X-Men (2000)
- ตัวละครตากล้อง ฮาล สจวร์ต อ้างอิงมาจากนักข่าว จิมมี โอลเซน ในการ์ตูนชุด Superman ส่วนชื่อของเขานั้นตั้งตามชื่อจริงของซูเปอร์ฮีโร กรีน แลนเทิร์น ในการ์ตูนชุด Green Lantern ซึ่งมีทั้งชื่อ ฮาล จอร์แดน และ จอห์น สจวร์ต
- รูปลักษณ์ของ มิเนียน ที่พากย์เสียงโดย เดวิด ครอสส์ ถอดแบบมาจากตัวละครใน Robot Monster (1953) ซึ่งเป็นคนสวมชุดกอริลลาและหมวกดำน้ำ
- หอดูดาวในภาพยนตร์นั้นออกแบบตามหอดูดาว กริฟฟิธ นอกย่านฮอลลีวูด ในสหรัฐอเมริกา
- ฉากเมือง เมโทร ซิตี ในเรื่องนั้นตั้งอยู่ในรัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเห็นได้ชัดในฉากที่ดาวเทียมของ เมกะมายด์ ที่พากย์เสียงโดย วิล ฟาเรลล์ กำลังโคจรอยู่รอบโลก
- ในฉากพิพิธภัณฑ์ เมโทรแมน มีรูปปั้น เมโทรแมน ที่พากย์เสียงโดย แบรด พิตต์ ตอนกำลังจะจับเครื่องบิน ฉากนี้อ้างอิงถึงฉากที่ ซูเปอร์แมน ปรากฏตัวครั้งแรกในหนังสือการ์ตูนชุด Superman ของ จอห์น ไบรน์ ด้วยการจับเครื่องบินไว้เพื่อช่วยชีวิตตัวละคร โลอิส เลน
- ผู้สร้างออกแบบรถยนต์ล่องหนของ เมกะมายด์ ที่พากย์เสียงโดย วิล ฟาเรลล์ โดยอุทิศให้แก่เครื่องบินล่องหนของซูเปอร์ฮีโรหญิง วอนเดอร์ วูแมน ในการ์ตูนชุด Wonder Woman
- ก่อนจะมาพากย์เสียง เมกะมายด์ ในเรื่องนี้ วิล ฟาเรลล์ เคยพากย์เสียงในแอนิเมชันโทรทัศน์ที่เกี่ยวข้องกับซูเปอร์ฮีโรมาก่อน นั่นคือเรื่อง Cow and Chicken ซึ่งล้อเลียนการ์ตูนชุด Superman โดยมีตัวละครหลักเป็นซูเปอร์ฮีโรที่พูดภาษาสเปนชื่อ ซูเปอร์คาว
advertisement
วันนี้ในอดีต
เด็กหอเข้าฉายปี 2006 แสดง จินตหรา สุขพัฒน์, ชาลี ไตรรัตน์, ศิรชัช เจียรถาวร
Constantineเข้าฉายปี 2005 แสดง Keanu Reeves, Rachel Weisz, Shia LaBeouf
Million Dollar Babyเข้าฉายปี 2005 แสดง Clint Eastwood, Hilary Swank, Morgan Freeman
เกร็ดภาพยนตร์
เปิดกรุภาพยนตร์
Let It Snow
มีอา (อิวานนา ซักฮ์โน) เป็นนักเล่นสโนว์บอร์ด เธอแยกจากคู่หมั้นของเธอหลังจากที่แอบไปเล่นตรงจุดที่มีความลาดชันเป็นอันตราย...อ่านต่อ»