วิจารณ์ Megamind

วิจารณ์ภาพยนตร์
  • เมื่อ 31 ส.ค. 54 20:04

    ตลกดีออก ผมว่านะ

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 13 พ.ค. 54 22:25

    หนุกดี ถึงหนังมันจะซ้ำแต่มันก็ฮาอยู่ดี ชอบตอนหักมุมมาก
    ให้8

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 12 เม.ย. 54 01:00

    เรื่องความตลกในหนังไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่ขอชื่นชมไอเดียของเนื้อเรื่องที่ทำออกมาแหวกแนวดี
    8/10

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 1 เม.ย. 54 10:30

    โอ้ เกิดอะไรขึ้นกับ DreamWorks หนอ ไม่อยากจะเชื่อเลย ถ้าย้อนไปช่วงแรก อะนิเมชั่นนี้จะมีดีคือ ความฮา แต่พอจบแล้วก็งั้นๆ แตกต่างจากDisneyและPixar แต่พอเริ่มจาก กังฟูแพนด้า มา DreamWorks เปลี่ยนไป พัฒนาขึ้นมา จนกลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของทั้งDisneyและPixar Madagascar 2,How to train your dragon,Shrek 4 มาจนถึง Megamind ไม่ได้มีดีแค่มุกฮาๆ แต่หนังเล่นกับประเด็นที่หนักขึ้น จริงจังขึ้น และเป็นการยกระดับตัวเองให้ดีขึ้นอีกหลายเท่าตัว เรียกว่า ก้าวกระโดดเลยทีเดียว

    Megamind อาจไม่ใช่แนวคิดที่สด แปลกใหม่ ซักเท่าไหร่ เพราะ Despicable Me แย่งซีนไปบ้างแล้วในการเป็นผู้ร้ายกลับตัว กลับใจ แต่Megamind ยังมีการจิกกัด หนังฮีโร่หลายเรื่อง แอ็คชั่น ไซไฟ กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกัน เสียงเพลงที่เข้ากับเนื้อเรื่องมากๆ อย่าง Highway to Hell และเพลงอื่นๆที่คุ้นหูมากๆ เสียงพากษ์ที่แต่ละคนทำออกมาได้ดี ในเวลาจำกัดเพียง 90 กว่านาที แทบจะไม่มีช่วงเยิ่นเย้อ บทสรุปตามแบบฉบับเดิมคือ อารมณ์ FeelGood แต่ก็มีการหักมุมนิดหน่อยให้ดูน่าสนใจขึ้น ตัวละครดูมีมิติ หนังให้ข้อคิดหลายอย่างมาก บางสิ่งเกิดจากโชคชะตา เกิดจาดสิ่งแวดล้อม แต่ถึงยังไงเราก็มีทางเลือกเสมอ

    อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเป็นอะนิเมชั่น แต่หากเป็นหนังที่นักแสดงจริงๆจะเป็นยังไง เพราะส่วนตัวแล้วคิดว่า เหมาะที่จะเป็นหนังมากกว่าอะนิเมชั่น
    หนังทำให้เด็กดูสนุก และไม่ทิ้งให้ผู้ใหญ่นั่งเหงาหลับเลยคับ สนุกมากๆ 9.5/10 -0.5-อยากให้เป็นหนังนักแสดงจริงๆมากกว่า เพราะ ภาพเมือง เมโทรสวยมากๆๆ

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 20 มี.ค. 54 21:12

    (สำหรับ ผม นะ เพื่อนๆ ขอโทษที นะ ครับ)
    คือ กราฟฟิกสวย นะ แต่ตัวละครมันไม่สวย น่ะ ดูแล้วเฉยๆ น่ะ ครับ
    เนื้อเรื่องก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ น่ะ
    รู้สึกแบบนั้นจริงๆ ครับ อีกหนึ่งเสียงที่ไม่อยากโกหกตัวเองหรืออิงตามเพื่อนๆ น่ะ ครับ
    ขอโทษ จริงๆ เพื่อนๆ

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 19 ม.ค. 54 17:57

    เพื่อนผมซื่อมายผมล้อมันว่า เมก้ามาย

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 11 ม.ค. 54 17:14

    จริงๆ การเดินทางไปดูหนังเรื่องนี้ของผมติดอุปสรรคเล็กน้อย ผมกะไปดูวันศุกร์ แต่ก็ติดงาน เลยว่าจะไปดูวันจันทร์ เกือบนอนไม่หลับเพราะตื่นเต้นที่จะได้ดู แต่พอไปถึงโรงหนังปุ้บ ยกเลิกรอบฉายปั้บ เหตุเพราะรอบนั้นๆ ไม่มีใครดู และผมมาไม่ทัน (กะมาพอดีกับหนังฉายพอดี) เลยรีบเปิดเนตสืบหาโรงหนังที่ใกล้ที่สุดว่าจะฉายกี่โมง พอรู้ว่าอีก 15 นาทีจะฉาย รีบวิ่งไปทันที (ขอขอบคุณมอไซด์รับจ้างที่ให้ขึ้นฟรีด้วยนะครับ) และเมื่อกระหืบกระหอบไปที่จำหน่ายตั๋ว ก็ยกเลิกรอบฉายไปอีก (ทำม้ายยย T๐T) และก็ต้องอดทนรอจนถึงวันนี้ถึงจะได้ไปดูครับ (รอบบ่าย 2 ดูไม่ได้ ผมดูได้เฉพาะรอบแรกวันธรรมดาเท่านั้น)


    วิจารณ์

    ก่อนอื่นเลยผมต้องบอกว่า หนังที่จะไม่ทำให้เราผิดหวังนั้น ในชีวิตผมนี้จะมีอยู่สามค่าย นั่นก็คือ ดิสนีย์ , พิกซาร์ (บางเรื่องก็กระแทกนํ้าตาเหลือเกิน) และของค่ายดรีมเวิร์ค และแน่นอนว่าสำหรับค่ายนี้ ไม่มีคำว่าผิดหวัง ทั้งภาพ เสียง เอฟเฟค ความสมจริง และระบบสามมิติ

    เรื่องนี้จะมีการหัก มุมอยู่หลายจุด จริงๆ มันหักมุมตั้งแต่คุณอ่านเนื้อเรื่องย่อแล้วหละ เพราะงานนี้ตัวร้ายต้องมาเป็นฮีโร่ แต่แน่นอนว่าถ้าคุณคิดว่ามันเป็นหนังหักมุม สลับฝั่งกันยังกับโลกคู่ขนานในจักรวาลของ DC ไอ้ประเภท โลกเราซุปเปอร์แมนเป็นคนดี อีกโลกซุปเปอร์แมนเป็นตัวร้าย ไม่ใช่ครับ มันมีหักมุมเรื่อยๆ

    เรื่องนี้จริงๆ ไม่ได้กล่าวถึงผู้มีพลังวิเศษหรืออะไรเลย แต่ในเรื่อง มันเทียบกับคนธรรมดาเนี่ยแหละ ผมพูดไม่ผิดหรอกครับ ตรงนี้ผมขอสปอยเนื้อเรื่องนิดนึง (ไม่เสียอรรถรส) นั่นก็คือ ตอนช่วงแรก เมก้ามายกำจัดเมโทรแมนไปได้แล้ว เขาได้ครองทุกอย่าง ทั้งเงิน เมือง ทรัพย์สมบัติ แต่ถามว่าท้ายที่สุดแล้ว เขามีความสุขไหม ?

    ก็เหมือน กับเรา สมมุติว่าเรารวยล้นฟ้า มีเงินใช้แบบโยนทิ้งวันละหมื่นสองหมื่นยังได้ มีสาวๆ (หรือหนุ่มๆ) มาปรณนิบัติเช้ายันเย็น อยากกินอะไรก็กิน อยากได้อะไรก็ได้ แล้วเป็นไงหละ ? แรกๆ อาจสนุกอยู่หรอก แต่สุดท้ายแล้ว เราพึงพอใจไหม ?

    ถึงหลายคนจะบอกว่า ไม่ แต่ตรงนี้ผมยืนกรานว่ายังไงก็ไม่มีความสุขครับ คุณอาจต้องอยู่ถึงจุดนั้นก่อนแล้วคุณจะค้นพบว่า มันไมได้มีความสุขอย่างที่คิด

    นักธุรกิจร้อยล้านพันล้านเขาเคยมีความ สุขไหมครับ ? เขาก็ต้องทำงานตลอด ทำธุรกิจตลอด ทำยังไงไม่ให้คู่แข่งมาชิงตำแหน่ง ทำยังไงไม่ให้ขาดทุน จะทำยังไงให้ลูกตัวเองมาสืบทอดกิจการให้ได้โดยไม่ให้มันล่ม ฯลฯ

    ไม่ต่างกันครับ

    มนุษย์ หรือคนเรานั้นต่างดิ้นรน ต่อสู้ เพื่อจุดหมายปลายทางสิ่งหนึ่ง และสิ่งนั้นก็จะทำให้ตัวเราเรียนรู้ พยายาม ไขว่หา และทำให้เรามีความสามารถ เก่งมากขึ้นเรื่อยๆ

    ถ้าคนเรามีแต่ความสุขสบาย มีทุกอย่างแล้ว ตัวเราก็จะอ่อนแอลงเรื่อยๆ ทั้งความคิด การพัฒนา ร่างกาย ทุกอย่าง แต่ถ้าเรายังมีความทุกข์ มีอุปสรรค เราก็ต้องพยายามเพื่อทำให้ตนเองเอาชนะสิ่งเหล่านี้ให้ได้ และนั่นทำให้คนเราแข็งแกร่งขึ้นครับ

    เหมือนอย่างเช่นผู้บริหารโออิชิ กว่าเขาจะมีวันนี้ได้ เขาต้องฟันฝ่าอุปสรรคขนาดไหน เพราะเขาต้องการเอาชนะความจน จึงทำให้เขาแข็งแกร่งและมีธุรกิจรวยขนาดนี้ได้นั่นเอง

    เมก้ามายนั้น ก็เช่นกัน เขาแข็งแกร่งขึ้น ฉลาด เจ้าเล่ห์ขึ้น เพราะเขาต้องพยายามเอาชนะเมโทรแมนให้ได้ แต่แล้วเมื่อพบว่าเขาเอาชนะได้ แต่ไม่มีความสุข เพราะมันหมดแล้ว มันไม่มีอะไรให้เขาทำแล้ว เขาจึงคิดสร้างฮีโร่ขึ้นมาต่อกรด้วยนั่นเอง

    เนื้อเรื่องนั้นจะมีการ เอาฉากหรือบทอย่างซุปเปอร์แมนหรือ Incredible เอามาปรับปรุง ดัดแปลงให้มันดีขึ้นและเรื่องราวที่ไม่เหมือนใครมากขึ้น เอาง่ายๆ เรื่องนี้มีจุดหักมุมอยู่หลายจุด แต่ก็ไมได้หักมุมจนเราคาดไม่ถึง แม้ว่าตอนจบอาจเป็นเหมือนที่หลายๆ คนคิดว่าคงรู้อยู่แล้ว แต่มันอาจจบแบบที่คุณคิดรึเปล่าหละ ? จริงไหม ?ฃ

    สิ่งที่ผมอยากชื่น ชมก็คือ ตัวเรื่องนี้จริงๆ มันไม่ได้ทำออกมาแนวหนังฮีโร่เด็กๆ เลยแม้แต่น้อย แต่มันมีกลิ่นอายของจักรวาล DC และหนังดราม่าผู้ใหญ่มาเกี่ยวข้องด้วย ผมดูไปผมยังคิดเลยว่านี่เราดูหนังดราม่าคนแสดงรึเปล่าหว่า เพราะมันมีกลิ่นอายแบบนั้นเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้กระแทกอารมณ์อะไรมากมายจนถึงกับเด็กดูแล้วเครียดเลยครับ

    และ เชื่อไหมว่าในหนังมีอยู่สิ่งหนึ่งที่มาเป็นแกนเรื่องหลักในการดำเนินเรื่อง อีกอย่างที่ตัวอย่างหนังและเรื่องย่อไม่ได้เอ่ยถึง หรือเอ่ยกระจึ๋งนึง นั่นก็คือ "ความรัก"

    ความรัก มันเกี่ยวอะไรกับเมก้ามาย ถ้าคุณไปดูโปสเตอร์คิดว่าคงเดาออก แต่มันไม่ได้มีเนื้อเรื่องเป็นเส้นตรงอย่างที่คิด ตรงจุดนี้คุณลองไปดูเองแล้วจะรู้ครับว่า ความรัก ในเรื่องนี้ทำไมถึงเป็นแกนเรื่องหลักได้ และคิดว่าคติจากส่วนนี้จะเตือนใจวัยรุ่นไทยในปัจจุบันครับ

    ฉากเอคเฟค ต่างๆ นั้นไม่ใช่แค่ภาพสวยครับ แต่จะบอกว่ามันดียอดเยี่ยม สมจริง อลังการ และพินาศย่อยยับมากมาย คุณอาจเห็นเรื่อง Incredible มีการต่อสู้กลางเมืองแต่ไม่เท่าไหร่ แต่เรื่องนี้มันพินาศย่อยยับมากๆ จนผมแอบคิดว่า ทีมงานดรีมเวิร์คนี่ต่อยอดจากเรื่อง Incredible รึเปล่า เพราะหนังแนวฮีโร่ มันต้องมีฉากต่อสู้ทำลายกลางเรื่อง ความวุ่นวาย ประชาชนหลบหนีเยอะๆ เนี่ยแหละถึงจะสะใจ และในเรื่องนี้มีแน่นอนครับ

    ฉาก เคลื่อนไหวต่างๆ นั้นเรื่องนี้มีความท้าทายของทีมงานผู้สร้างมาก นั้นก็คือการที่ตัวประกอบ ฉากเล็กๆ น้อยๆ ออกมาดูยิ่งใหญ่อลังการได้นี่ไม่ได้ทำกันง่ายๆ อย่างเช่นเรื่องกรู คุณคงจำตัวสีเหลืองๆ ตัวอะไรก็ไม่รู้เฮลั่นในฐานทัพของกรูได้เยอะๆ ใช่ไหมครับ หรือแม้แต่ในเรื่อง How to tarin your Dargon ก็จะมีฉากพวกนี้ทำให้หนังอลังการและยิ่งใหญ่มากขึ้น จึงทำให้เรื่องนี้อาจเป็นแอนิเมชั่นแนวฮีโร่ที่ฉากอลังการมากที่สุดที่โลก นี้เคยสร้างมา

    ฉากต่อสู้ต่างๆ นั้นมีปรากฎให้เห็นตั้งแต่แรกๆ และยาวมาเรื่อยๆ จนจบเรื่อง คุณอาจคิดว่า เมื่อถึงฉากนี้ อืม มันคงจบละมั้ง แต่จะบอกว่าไม่ใช่ครับ มันต่อยอด มันเพิ่มขึ้น ไม่ให้จบแบบง่ายๆ สั้นๆ ไปแบบไวๆ อย่างที่หลายคนคิด อย่างที่หนังหลายเรื่องอาจเป็น มันจะดึงอารมณ์ของคุณให้ออกมาถึงขีดสุดและเร้าใจไปกับฉากที่อยู่เบื้องหน้า เอาง่ายๆ ถ้าผมเทียบกับเรื่องเจ้าหลอใน How to train Dragon ฉากต่อสู้ของฮิคคัพมีไม่มาก เรื่องนี้ยาวกว่านั้นครับ

    และที่ผมอยาก แนะนำให้ไปดูในโรงก็คือ ฉากและเสียงต่างๆ นั้นเอื้ออำนวยในการดูจอใหญ่ๆ ลำโพงระบบ Dolby มากๆ เพราะฉากมุมสูงต่างๆ มีให้เห็นมากมาย ดังนั้นถ้าออกแผ่น บ้านใครมี TV FullHD ใหญ่ๆ รับรองได้ดูอย่างสะใจแน่นอนครับ แต่มันก็ไม่ได้อยู่มุมสูงอย่าง How to tarin Dragon มากนัก (เพราะ IMAX ยังไม่มีเลย แต่ยังไงก็ไม่จำเป็นต้องดู IMAX หรอก)

    ระบบสามมิติเป็นไง อ้า ที่หลายคนสงสัย ผมบอกได้ว่าเรื่องนี้ระบบสามมิติ ดรีมเวิร์คไม่เคยทำให้ผิดหวัง ฉากยื่นเยอะ ฉากทะลุเยอะ ไม่เฉียดลูกตามากนัก มีเยอะกว่า Tron เสียอีก ฉากไหนที่มันพุ่งมาจนจะทะลุตา ก็ไม่มีตัวละครพูด ดังนั้นไม่ต้องห่วงว่าถึงตอนนั้นจะอ่านไม่ทันครับ ระบบสามมิติเรื่องนี้ดีครับ มันอาจไม่เทียบเท่า AVATAR ไม่เป็นมิติใหม่ ไม่ปฏิวัติวงการหรืออาจไม่ดีเลิศเท่าเรื่องกรู แต่ไม่เสียดายเงินระบบสามมิติครับ

    และสำคัญก็คือ ความประทบใจเรื่องนี้รับรองว่ามีแน่นอนครับ มันไม่ใช่แค่หนังทำเงินที่มีแต่ฉากพังพินาศอลังการ งานสร้าง แต่ดรีมเวิร์คได้พิสูจน์ให้ชาวโลกได้เห็นแล้วว่า หนังของเขานับจากนี้ จะไม่ใช่หนังแอนิเมชั่นภาพสวยเน้นฮาเน้นมันอย่างเดียวแล้ว แต่มันจะเน้นสาระ ความอลังการ และความยิ่งใหญ่ที่อาจสามารถสู้กับค่ายอย่างดิสนีย์และพิกซาร์ได้แล้ว และหนังเรื่องต่อๆ ไป เราคงได้เห็นสองค่ายนี้มาประชันกันครับ

    คะแนน - 9.5 / 10.00

    ปล อยากเขียนมากกว่านี้ แค่แบตโน๊ตบุคหมด

  • เมื่อ 11 ม.ค. 54 09:39

    ไม่นึกว่าจะสนุกได้มากกว่าที่คิดไว้ซะอีก
    สนุกมาก เมกะมายด์เป็นตัวร้ายที่ร้ายได้น่ารักมากๆ ต้องชมคนเขียนบทที่อุตส่าห์ยัดปมหลังชีวิตสุดแสนจะรันทดให้กับเมกะมายด์ เพราะมันทำให้ตัวละครตัวนี้ดูน่าสงสารทันที และก็ทำให้รู้ว่ามันร้ายเพราะมีสาเหตุ ไม่ได้อยู่ๆ มาก็ร้ายเลย ตัวละครทุกตัวตลกมาก ยิ่งมินย่อนนี่ตลกได้ใจ เป็นคู่หูที่น่ารักจริงๆ

    จุดด้อยก็อาจจะเป็นความฉูดฉาดที่ว่าดูจบแล้วอารมณ์ก็จบตามสไตล์ค่ายนี้ ดูเป็นสูตรสำเร็จไปนิด น่าจะใส่อะไรมากกว่านี้สักหน่อย

    แล้วก็อีกอย่าง 3D เรื่องนี้สวยมากๆ ลึก นูน เป็นมิติมากๆ เวลาสู้กันก็พุ่งทะลุจอได้ใจ (ได้ดูแบบ Digital 3D ธรรมดา นะ ไม่รู้ว่า IMAX จะดีกว่านี้หรือเปล่า)

    ให้ 8.5/10 เลยแล้วกัน (จริงๆ อยากให้ 9 แต่หักเรื่องเนื้อเรื่องนิดๆ)
    ไปดูกันเถอะครับ หนังน่ารักมากๆ แล้วก็สนุกจริงๆ และเชื่อว่าเรื่องนี้หากไม่ได้ดู 3D ความสนุกจะลดลงไปมาก

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 9 ม.ค. 54 17:53

    ใครที่ดูไม่สนุกแนะนำให้หัดดูหนังแบบ Soundtrack บ้างนะครับ
    เพราะทีมพากย์บางทีมก็เล่นแต่มุขดาดๆ ผมดู Soundtrack รู้สึกว่าดีนะ

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 8 ม.ค. 54 12:50

    เอ ทำไมเราดูแล้วเฉยๆ อะ แค่พอใช้ได้อะ แต่ไม่ได้สนุกมากมาย เพราะมุขในหนังเราว่ามันไม่ค่อยตลกเท่าไร ตัวละครน่าจะมีลูกเล่น มีมุขมากกว่านี้ แต่เรื่องนี้พล๊อตเรื่องโอเค ชอบดี ที่คนเลวก็ไม่จำเป็นจะต้องเลวเสมอไป สามมิติไปดูมา ก็รู้สึกไม่มีอะไรมากมาย เฉยๆ ดูสองมิติก็ได้นะถ้าอยากดู

    แจ้งลบ
มีทั้งหมด 15 วิจารณ์ หน้าที่ 1 [ก่อนหน้า] 1 2 [ถัดไป]
เขียนวิจารณ์
จะต้องลงชื่อเข้าใช้ระบบก่อน จึงจะเขียนวิจารณ์ได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+

advertisement

วันนี้ในอดีต

  • AlexanderAlexanderเข้าฉายปี 2004 แสดง Colin Farrell, Jared Leto, Angelina Jolie
  • Puss in BootsPuss in Bootsเข้าฉายปี 2011 แสดง Antonio Banderas, Salma Hayek, Zach Galifianakis
  • ฝนตกขึ้นฟ้าฝนตกขึ้นฟ้าเข้าฉายปี 2011 แสดง นพชัย ชัยนาม, ศิริน หอวัง, อภิสิทธิ์ โอภาสเอี่ยมลิขิต

เกร็ดภาพยนตร์

  • The Age of Adaline - แองเจลา แลนส์บูรี คือนักแสดงที่ถูกวางตัวให้รับบท เฟลมมิง เมื่อปี 2010 แต่ท้ายสุดแล้ว เอลเลน เบอร์สตีน คือผู้ที่ได้แสดงบทนี้ อ่านต่อ»
  • Skin Trade - ดอล์ฟ ลันด์เกรน ผู้รับบท นิก เขียนบทเรื่องนี้ในปี 2006-2007 โดยตั้งใจว่าจะกำกับเอง แต่ภายหลังตัดสินใจมอบหน้าที่กำกับให้แก่ เอกชัย เอื้อครองธรรม โดย ดอล์ฟ จะได้ทำหน้าที่ควบคุมงานสร้างได้อย่างเต็มที่ อ่านต่อ»

เปิดกรุภาพยนตร์

Fall In Love At First Kiss Fall In Love At First Kiss เรื่องราวระหว่างหนุ่มอัจฉริยะไอคิว 200 เจียงจื้อฉู่ (ดาร์เร็น หวัง) และสาวบ๊องหน้าใส หยวนเซียงฉิน (หลินอวิ่น) เมื่อตัวเ...อ่านต่อ»