วิจารณ์ The Last Airbender
-
Watchmen_Since_1985 (เลขที่ 296622) เมื่อ 4 มี.ค. 54 20:48
อันที่จริงผมว่ามันไม่ได้แย่มากมายนะครับ
ทั้งเนื้อเรื่อง องค์ประกอบ หนังพร้อมที่จะเป็น Project ที่ดีมากๆ
แต่เมื่อมาอยู่ในมือของพี่ ชยามาลาน (อาเมน!)
ซึ่งไม่เคยทำหนังแนวนี้มาก่อน จึงออกมาอย่างที่เห็น จังหวะจะโคนในการเล่าเรื่องติดๆขัด ฉากมันส์ก็ดูเอื่อยๆ ตัวละครพูดจาพร่ำเพรื่อ การแปลงบทจากการ์ตูนมาเป็นหนังทำได้ไม่ดีพอ นักแสดงดูปวกเปียก แต่สิ่งหนึ่งที่ดีมากๆคือ CG และ เสียง ที่ยังทำให้อยากดูเรื่องนี้จนจบ หนังเปิดโอกาสให้ใช้ความมันสื แอ็คชั่นหลายทีมาก แต่กลับไม่ใช้โอกาสนั้น จะปล่อยพลังแต่ละที เต้นรำกันซะอย่างกะจัดงานเลี้ยง เอาล่ะ ที่จริงที่มารีวิวว่าจะมาช่วยเชียร์หนังกลายเป็นมาสับหนังซะงั้น คือผมอยากบอกว่าดีกว่า Eclipse ล่ะกัน -
ma_meaw (เลขที่ 285844) เมื่อ 20 พ.ย. 53 11:01
คำวิจาร์ณเยอะจริงๆครับคูณ "ปานคุง " ผมอ่านไม่หมดหรอก แต่คำวิจาร์ณนี้เห็นชัดที่สุด เนื้อเปลือกส่วนใหญ่ก็ครับ มาจากการ์ตูน คือจะมีปัญหาอะไรกับเพลง ที่ผมดูเพลงมันก็ติดๆขัดๆแต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเสียหายมาก หนังยังคงเหมือนเดิม ( ยกเว้นเรื่องสกายไลน์ เพลงชวนไม่อยากดู )ฉากสุดท้ายผมดูแล้วขนลุกมาก ฉากที่เรียกคลื่นยักษ์ สุดยอด การสโลภาพก็ไม่เลว แถมการทำการต่อสู้ในแนวจีนก็ออกมาดี ดูแล้วก็เป็นจีนๆครับ แต่รู้สึกมีอย่างนึงที่กินกันไม่ค่อยลง ไม่แน่ใจน่ะ เหมือนมีอะไรสักอย่าง แต่ผมว่าภาคต่อไปคงมีอะไรมากกว่านี้
คนที่บอกว่าให้ เอ็ม ไนท์ ไปทำหนังแนวสยองอย่างเดียวเถอะ ผมว่าที่เขาทำแนวนี้มันก็ไม่แย่สะหน่อย ดูแล้วออกสนุกครับ โปสเตอร์ออกมาก็ดี หนังก็ดี ข้อบกพร่องก็มี แต่ข้อดีของเรื่องนี้มีมากกว่าครับ -
ป่่านคุง (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 19 พ.ย. 53 16:53
(วิจารณ์ DVD) The Last Airbender : มหาสงครามแห่งลมปราณ สุดยอดหนังเอฟเฟคตระการตา
ตอนที่หนังเรื่อง 4 จอมเวทย์มหาธาตุเข้าฉาย จริงๆ ผมได้รับสิทธิไปดูฟรีรอบสื่อด้วย แต่เนื่องจากเขาเปลี่นนสถานที่ และไปแถวๆ ลาดพร้าวซึ่งอยู่คนละฟากของบ้านผม และไม่เคยไปด้วย ก็เลยต้องนั่งดูข่าวที่คนอื่นๆ ไปดูอย่างเสียดาย แต่พอหนังฉายปุ้บ ก็มีวิจารณ์ออกมาในแง่ลบปั้บ เช่นประมาณว่า ระบบสามมิติห่วยบรม หรือ เนื้อเรื่องงั้นๆ หรือ อย่าไปดูเลย เสียเงินเปล่าๆ แม้แต่ ไอ้เอฟเฟคต่างๆ ในตัวอย่างมียังไงมันก็มีแค่นั้น ผมก็คิดว่า เฮ้ย จะเป็นแบบนั้นจริงๆ เหรอ ? ทั้งๆ ที่ตัวอย่างทำออกมาในระดับสุดยอดทั้งนั้น แต่ยังไงก็ตาม DVD ออก ผมรีบไปซื้อมาทันที เพราะแค่เห็นตัวอย่างหนังก็อยากซื้อมาเก็บไว้ครอบครองแล้ว
และนี่คือผลจากการที่ผมดูครับ จะไม่ให้มีสปอยนะ
เนื้อเรื่อง
ใน โลกแห่งลมปราณ ดินแดนแต่ละดินแดนจะถูกแบ่งออกเป็น 4 ธาตุ 4 อาณาจักร แต่ละอาณาจักรจะมีกลุ่มคนที่สามารถใช้พลังลมปราณของตนเองได้ นั่นก็คือ ดิน นํ้า ลม ไฟ โดยในอดีต ธาตุทั้งสี่ได้อาศัยอยู่อย่างสงบสุข และปกติ ยามใดที่เริ่มขัดแย้งหรือวุ่นวาย จะมีผู้ที่ Avatar ออกมา สามารถควบคุมธาตุทั้ง 4 ได้มาจุติและรักษาสมดุล แต่กลับหายไป พวกธาตุไฟก็เลยทะนงตัว ออกไล่ล่าและกดขี่อาณาจักรอื่น ไล่บังคับคนที่มีความสามารถที่ใช้ลมปราณกักขังหรือสังหารเพื่อยึดครองทุก อาณาจักร
นางเอกของเรา พร้อมกับพี่ชายของเธอ ได้ออกล่าสัตว์แล้วพบเจอเณรน้อยคนหนึ่งถูกผนึกไว้ในก้อนนํ้าแข็ง และเมื่อเขาฟื้นขึ้นมา เขาค้นพบว่า เขาเป็นชาวเผ่าลมคนสุดท้าย และเขาคือร่างอวตารที่จะต้องควบคุมและรักษาสมดุลของทุกธาตุ เพื่อให้ทุกอาณาจักรกลับมาปรองดองเช่นเดิม แต่ทว่า เมื่อธาตุไฟรู้เรื่องก็เลยเกรียนแตก ไม่ยอม ก็เลยออกไล่ล่าเขา การผจญภัย จึงได้เริ่มต้น
วิเคราะห์
ผมไม่เคยดู avatar ฉบับการ์ตูนมาก่อน ผมอาจไม่สามารถวิเคราะห์ออกมาได้เต็มรูปแบบได้ และก็ไม่รู้ด้วยว่าสำหรับแฟนๆ การ์ตูนเรื่องนี้พอมาดูหนังเรื่องนี้แล้วจะคิดยังไง แต่ขนาดผมไม่ได้ดู ผมคิดได้คำเดียวว่า สุดยอด
เนื้อเรื่องนั้นจะออกแนวกึ่งผจญภัยไปยัง ดินแดนต่างๆ เรื่อยๆ เทียบได้กับหนังหลายเรื่อง เอาง่ายๆ อย่าง นาร์เนีย เลยก็ได้ แต่ที่แตกต่างก็คือ เนื้อเรื่องได้นำมาจากการ์ตูนญี่ปุ่น ซึ่งการผจญภัยใช่ว่าจะเดินทางไปเรื่อยๆ แต่ต้องเดินทางแล้วก็ต้องฝึกฝนและมีความสามารถขึ้นด้วย นี่แหละคือเสน่ห์ของการ์ตูนญี่ปุ่น
ถ้าถามว่า เนื้อเรื่องเดาง่ายไหม ? อันนี้ผมต้องเรียนถามคนอ่านก่อนว่า คุณดูหนังนะ คุณต้องการอะไร ? จับผิดคนทำ หรือ ต้องคาดหวังว่าเนื้อเรื่องต้องงั้นงี้นี่นั่น แต่สำหรับผมแล้ว เนื้อเรื่องถามว่าเดาง่ายไหม มันก็ง่าย แต่ก็ไม่ถึงกับง่ายเกินไป ด้วยการที่มันเป็นหนังครอบครัว เป็นหนังที่เน้นให้เด็กๆ ดูด้วย ผมดูจนจบ ผมเดาได้ไม่ยากว่าเด็กไม่สนใจตอนจบหรอก เขาดูไปรับรองว่า ดูเพลิน และเมื่อดูจบ เด็กก็ต้องร้องถามหาภาค 2 แน่นอน ทำไมนะเหรอ เพราะถึงเดาง่าย แต่มันก็สนุกนะสิ
แล้วสำหรับผู้ใหญ่หละ ? ผมฟันธงเลยว่า สำหรับคนที่ไมได้เป็นคอหนังที่แท้จริง หรือ เป็นคนบ้างานและพักผ่อนไม่ค่อยพอ มาดูหนังเรื่องนี้ ผมก็เดาได้ไม่ยากว่าต้องมีหลายคนหลับบางฉาก แต่ก็ไม่แปลก เพราะเนื้อเรื่องดำเนินเรื่องง่ายๆ สบายๆ
ฉากต่างๆ เริ่มมีการคลายปมออกมาทีละเล็ก ทีละน้อย ไม่มีการหมกเม็ดคนดู ตั้งแต่ว่า ทำไมตัวเอกถึงต้องเป็นร่างอวตาร หรือ ทำไมสีหน้าของเจ้าชายเผ่าอัคคี ทำไมถึงแสดงหน้าตาออกมาแบบนั้น การคลายปมให้เราเห็นก็ไม่ได้ทำให้ดูยากเกินไป ทำนองเดียวกัน ทำให้เข้าใจได้ง่ายด้วย
เนื้อเรื่องทั้งหมดนี้ผมคิดว่าในการ์ตูนก็ น่าจะเป็นแบบนั้น ก็คือดัดแปลงเนื้อหาโดยมีแรงบันดาลใจจากศาสนาพุทธ เมื่อโลกเกิดความวุ่นวาย จะมีร่างอวตารมาจุติ เทียบได้กับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงประสูติลงมาบนโลกมนุษย์เพื่อรักษาสมดุลของความดีและความเลว และเผยแพร่ธรรมมะ เณรน้อย "อัง" คนนี้ก็เช่นกัน เขาจุติเกิดมาก็เพื่อรักษาสมดุลของธาตุทั้งสี่ ในหนังจะมีตัวอย่างและคำสอนของศาสนาพุทธอยู่ แต่เหมือนคนสร้างจะเน้นที่จีนเสียส่วนใหญ่ รวมทั้งผมก็คิดว่าทีมงานยังไม่เข้าแก่นของศาสนาพุทธดีพอ ทำให้บางฉากกลับแสดงออกมาได้ไม่เต็มที่ แต่ก็ไม่มีอุปสรรคใดๆ ในการขัดขวางอารมณ์คนดูชาวพุทธมากนัก เพราะหนังเรื่องนี้มันหนังฝรั่ง ฝรั่งส่วนใหญ่เขาก็ไม่ได้เป็นพุทธ ดังนั้น ไม่คิดมากครับ
จุดเด่นของ หนังเรื่องนี้ก็คือ เอฟเฟคที่อยู่ในระดับสุดยอด คุณจะได้เห็นเอฟเฟคปรากฎออกมาในหนังแทบทั้งเรื่อง ถ้าจะหวังดูแค่เอฟเฟคละก็ ไม่มีผิดหวังครับ เพราะมันมาเรื่อยๆ และส่วนใหญ่ก็สวยเนียนด้วย จะมีบางฉากที่ดูขัดๆ ไปบ้าง แต่สำหรับคนที่ดูจอโทรทัศน์ธรรมดาอาจไม่สังเกต แต่ใครดูทีวี fullHD จะสังเกตได้ทันที แต่ก็นั่นแหละ ไม่ค่อยมีผลอะไรมากนัก เพราะทำออกมาได้ขนาดนี้ก็ยอดเยี่ยมแล้ว
ระบบเสียงเองก็เป็นจุด เด่นอย่างหนึ่งของหนังเรื่องนี้ ผมยังไม่ลองดูเสียงพากษ์ไทยจึงให้คำตอบไม่ได้ว่าเสียงพากษ์ไทยดีหรือไม่ดี แต่สำหรับเสียงซาวแทรกนับได้ว่าทำได้ดี ยังสามารถดึงอารมณ์คนดูได้เรื่อยๆ ใครมีลำโพง 5.1 เปิดไปเลยครับ แล้วคุณจะได้รับประสบการณ์เสียงในระดับ A
ทว่า เนื้อเรื่องยังขาดความมีเหตุมีผลอยู่บ้างซึ่งผมเห็นแล้วยังคิดเลยว่า เฮ้ย ทำไมถึงไม่ปรับตรงนั้น ทำไมถึงไม่เพิ่มบทตรงนี้ ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงต้องเป็นแบบนั้น ผมไม่ขอบอกดีกว่าว่าตรงไหนเพราะถ้าบอกจะเป็นการสปอย แน่นอนว่าเด็กดูไม่สนใจอะไรอยู่แล้ว แต่พวกเราที่โตๆ กันแล้วนี่สิ จะต้องคิดเลยว่า มันไม่ช่าย
เอาหละ เมื่อกี้สับมาบ้างหละ ขอสับเพิ่มละนะ
อย่าง ที่บอก เนื้อเรื่องยังขาดความมีเหตุผลและความเป็นจริงอยู่บ้าง รวมไปถึงการที่ทีมงานเหมือนไม่ได้เข้าใจถึงแก่นศาสนาพุทธดีพอ เพราะมันอาจทำให้ฝรั่งเข้าใจผิดเกี่ยวกับศาสนาพุทธก็ได้ แต่โดยรวมก็นับว่าทำได้ดี
จุดเสียอีกอย่างก็คือ เพลงประกอบ ผมเทียบตรงๆ กับเพลงประกอบของนาร์เนียหรือไพเรท ออฟ คาริเบี้ยน เลยก็ได้ ภาพยนต์สองเรื่องนี้ประพันธ์เพลงโดย Harry ซึ่งทำให้เสียงเพลงมีเสน่ห์ดึงดูดคนดูให้เคลิ้มและเข้าถึงตัวหนัง แต่หนังเรื่องนี้ หลายฉากขาดตรงนี้ เพลงประกอบถามว่าทำได้ดีไหม ก็โอเค แต่ยังขาดเสน่ห์ดึงดูด ทำให้บางฉากไม่สามารถสะกดอารมณ์คนดูได้ตลอด
อีก จุดหนึ่ง ผมรู้สึกเห็นด้วยกับคนที่ไปดูมาแล้วก็คือ ไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ที่เอาฝรั่งมาเล่นเป็นเณรน้อยตัวเอก เพราะมันทำให้เหมือนฝรั่งเพิ่งบวชเณรมากกว่า ผมยังแอบคิดเลยว่า มันจะยากตรงไหนถ้าจะหานักแสดงชาวเอเชียมาเล่นเป็นเณรเนี่ย แต่ตรงนี้เท่าที่ผมดูการสวมบทบาทของตัวเอกแล้ว ผมคิดว่าเขาพยายามเล่นเต็มที่ (ถึงกับยอมโกนหัวผมว่าเขาทุ่มนะ)
ดังนั้น ตอบโจทย์
1. หนังสนุกไหม
ตอบ สนุกอยู่แล้ว ดูเพลินตา ไม่ปวดหัว ไม่เครียด ไม่ดราม่า สำคัญคือคลายปมง่าย แต่เดาเนื้อเรื่องง่าย เหมาะกับเด็กๆ และดูกับครอบครัว ถ้าดูเอาไม่คิดไรมาก คุณจะดูแล้วอยากดู 1 - 2 รอบ แต่ถ้าคนชอบจริงๆ 7 - 8 รอบแน่ๆ
2. ซื้อแผ่นแบบไหนดูดี ?
ตอบ แนะนำเป็น DVD เพราะทั้งภาพและเสียงงามมากๆ อยู่ในระดับสุดยอด ถ้าคุณซื้อ VCD คุณจะไม่ได้เห็นเอฟเฟคได้ดีทั้งหมด อีกทั้ง DVD มีฟีเจอร์แถมด้วย แต่ถ้าอยากสัมผัสความงามของเอฟเฟคมากกว่านี้ เชื่อว่า ซื้อบลูเรย์มาเลยก็คุ้ม
คะแนน - 8.2 / 10.00
เหตุที่ตัดคะแนนออก
- เนื้อเรื่องขาดเหตุและผลในความจริงบางฉาก
- การสื่อถึงตัวแทนของผู้ทรงศีลศาสนาพุทธของเณรน้อย ตัวเอกยังทำได้ไม่ดีพอ แต่ก็อยู่ในระดับใช้ได้
- เพลงประกอบไม่ดึงดูด ไม่ทำให้ฟังแล้วขนลุกหรืออลังการมากนัก
จริงๆ ตัวหนังจะต้องมีภาคต่อ แต่เห็นรายได้กับคำวิจารณ์ส่วนใหญ่ก็ต้องหวั่นว่าจะทำออกมาไหม แต่ก็อยากให้ทำออกมา เพราะคิดว่า สำหรับภาค 2 ทั้งเอฟเฟคหรือการสงครามต้องเด่นอลังการแน่นอน เราก็ข่าวต่อไปครับ -
Mr.Reedrup (เลขที่ 290042) เมื่อ 12 พ.ย. 53 18:52
ในฐานะคนที่เคยดู Avatar the last airbender มาแล้ว ขอวิจารณ์ว่าเวอร์ชั่นการ์ตูนทำออกมาได้ดีกว่านี้มาก ได้คะแนนจาก IMDB ไปถึง 9.3 แต่ในเวอร์ชั่นหนังนั้นได้เพียงแค่ 4.5
อาจมี spoil เนื้อหาในหนังเล็กน้อย
ยอมรับว่าหนังทำ CG ออกมาดูสวยงามใช้ได้เลยทีเดียว เนื้อเรื่องก็เข้าใจว่าต้องดำเนินเรื่องเร็วเพราะเวลาจำกัด หนังยาวประมาณชั่วโมงสี่สิบนาที (ถ้าทำมาสนุกจริงจะยาวสักสองสามชั่วโมงเหมือน the lord of the ring ก็ไม่เห็นเป็นไร) แต่สิ่งที่บกพร่องเป็นอย่างยิ่งในหนังเลยก็คือ ตัวละคร
ในหนังไม่ได้สร้างให้เราเข้าถึงตัวละคร ไม่ได้สร้างความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครให้ดีพอรวมทั้งไม่เห็นถึงการพัฒนาความสัมพันธ์ แม้กระทั่งตัวเอกของเรื่องทั้ง 3 คน มีบทพูดกันแค่ไม่กี่ประโยค ในการ์ตูนเหตุผลที่ katara กับ sokka ร่วมเดินทางไปกับ aang ก็เพราะว่า aang ได้ช่วยหมู่บ้านของพวกเขาไว้ แต่ในหนังกลับร่วมเดินทางจากบ้านเกิดของตนไปเพียงเพราะว่าย่าของพวกเขาอยากให้ไปช่วยกู้โลก ดูไม่สมเหตุผลเลยที่จู่ๆ ทั้งคู่จะจากหมู่บ้านที่พวกเขาอยู่มาตั้งแต่เกิดไป ไม่มีเศร้าโศกเสียใจ น้อมรับคำสั่งย่าแต่โดยดี ไม่รู้ชะตากรรมตนเอง ไปอยู่กับใครก็ไม่รู้ที่ยังไม่รู้จักชื่อด้วยซ้ำ(เพิ่งมาถามชื่อทีหลัง)
อีกตัวละครที่ผมชื่นชอบมากในเวอร์ชั่นการ์ตูนคือ iroh เป็นคนที่ดูจากภายนอกเหมือนชายแก่ที่ไม่สนใจศึกสงคราม ชอบชงชากิน และร้องเพลงเล่นดนตรี แต่ความจริงแล้วเป็นคนที่สุขุม ฉลาด และเก่งฉกาจ ที่สำคัญคือมีจิตใจที่ดีงาม แต่ในหนังแสดงออกน้อยมาก
ตอนที่ fire nation บุก northern water tribe ในตอนท้ายของ book 1 ในการ์ตูนผมว่าเป็นตอนที่สนุกที่สุดพอๆ กับตอนจบของ season 3 เลยทีเดียว เพราะมีทั้งอารมณ์เศร้า สนุก ดีใจ เสียใจ ดูแล้วรู้สึกว่าได้ข้อคิดที่ดี แต่หนังทำออกมาไม่ค่อยสนุกเท่าที่ควร ผมดูแล้วรู้สึกว่าเฉยๆ (ตอนจบก็ไม่เหมือนกันอีก ในหนังไม่รู้ว่า aang จะเข้าไปใน spirit world ทำไม)
สรุปว่าแนะนำให้หาเวอร์ชั่นการ์ตูนมาดูเถอะ มีทั้งหมด 3 season ภาคละประมาณ 20 episode แล้วจะรู้สึกชอบเรื่องนี้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ก็จะรู้สึกดี มีความสุขที่ได้ดูเรื่องนี้ครับ (ผู้กำกับเองก็ชอบเพราะว่าบังเอิญได้ดูพร้อมกับลูกสาว)
ความคิดเห็นส่วนตัว
เวอร์ชั่นการ์ตูนให้ 9.5/10
เวอร์ชั่นหนังให้ 4.5/10 -
Cantharidine>< (เลขที่ 243728) เมื่อ 17 ส.ค. 53 21:17
M.Night ยังทำหนังได้เมพขิงๆเหมือนเดิมเลยครับ
ถึงกระแสตอบรับจากนักวิจารณ์จะไม่ค่อยดีก็เถอะครับ
แต่ผมว่าดูได้สนุกดีนะครับ -
เหยิน_เจ่อ_ห้อย (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 12 ส.ค. 53 01:06
ชอบ สนุกดีออก
CG สวย สรุปคือ ชอบนะ
M Night ทำหนังแนวนี้ก็ไม่เลวเลย จริงๆนะ
อย่างน้อยก็ชอบกว่านาร์เนียร์เยอะ -
~>>องครักษ์เทพ<<~ (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 12 ส.ค. 53 00:55
สนุกออก ชอบๆๆๆๆ ภาคต่อไปจะไปดูแน่นอนนนนน > <
-
x-silla (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 9 ส.ค. 53 12:34
ครับ ส่วนตัวผมว่าสนุกดี...
- เนื้อเรื่องผมให้ 9 เพราะถือเป็นปฐมบทแห่งภาค เนื้อเรื่องง่ายๆ เข้า
ใจง่ายๆ จบเหมือนจะไม่จบ อันนี้ถือว่าทำถูกแล้ว
- ส่วนเรื่อง CG อันนี้ถือว่าเนียนครับ ทำได้แจ๋ว การใช้พลัง สมเหตุ
สมผล แต่ท่าทางเยอะไปหน่อย จะว่าน้อยไปนิดไม่ใช่ เพราะเป็น
ภาคแรก เลยแค่ต้องการสื่อว่าใช้พลังยังไงหรือเปล่า ฉากต่อสู้เลยไม่
ถึงที่สุด อันนี้ให้ 7 ครับ
- การตัดต่อ ผมว่าบางอย่างขาดเหตุผลไปนิด อาจจะได้เรื่องเวลาที่
จำกัด ทำให้บางฉากอาจหายไปเกินเหตุ อันนี้ให้ 8 ครับ
- การแสดงของตัวละคร ถือว่าแสดงอารมณ์ได้ดีนะผมว่า อันนี้ให้ 8
เหมือนกันครับ
- หนังมีแง่คิดแอบแฝงในบางเรื่อง ในบางตอน ถ้าคุณดูดีดีอาจจะหา
เจอก็ได้
รวมๆผมให้ 9 ครับ อาจเพราะผมชอบหนังแนวนี้ ผมไม่เคยอ่านการ์ตูนด้วย เลยไม่มีอะไรจะเปรียบเทียบระหว่างหนังกับการ์ตูน อีกอย่างนะ.. คนทั่วไปอาจจะดูว่าหนังเรื่องนี้ผู้กำกับคือใคร แต่ผมสนใจว่าเรื่องนี้เกี่ยวกะอะไร จะสนุกแค่ไหนมากกว่า พอไม่มีอคติ คะแนนก็เลยได้อย่างที่เห็นล่ะนะครับ
ถ้ามีภาคต่อไป ต้องไปดูแน่นอนครับ ไม่พลาดจริงๆ ชอบสุดๆ -
Charlie`S:|,'' (เลขที่ 112140) เมื่อ 8 ส.ค. 53 12:41
คนเรามีมุมมอง การดูหนังแตกต่างกันไปค่ะ
แต่สำหรับเรา
เรื่อง นี้ ไม่สนุกเลยสักนิด
หนังน่าเบื่อมาก -
WindowsA2M (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 4 ส.ค. 53 21:24
เห็นด้วยกับ คุณ PezzYoH
ก็สนุกดีค่ะ ไม่เลวเลยนะ น่าจับตามองภาคต่อ CG เนียนเยี่ยมเลยค่ะ เนื้อเรื่ององเป็นเพราะเริ่มต้นมากกว่า เด่วภาคต่ออาจจะเข้มข้นมากกว่านี้ 8/10 เหมือนกันค่ะ
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+
advertisement
วันนี้ในอดีต
เด็กหอเข้าฉายปี 2006 แสดง จินตหรา สุขพัฒน์, ชาลี ไตรรัตน์, ศิรชัช เจียรถาวร
Constantineเข้าฉายปี 2005 แสดง Keanu Reeves, Rachel Weisz, Shia LaBeouf
Million Dollar Babyเข้าฉายปี 2005 แสดง Clint Eastwood, Hilary Swank, Morgan Freeman