เกร็ดน่ารู้จาก Public Enemy Number One (Part 2)

เกร็ดน่ารู้
  • เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่อ้างอิงจากชีวิตจริงของ ชากส์ เมส์รีน อาชญากรที่โด่งดังทั้งเรื่องการปล้น ฆ่า เรียกค่าไถ่ และแหกคุก จนถูกประกาศให้เป็นภัยอันดับ 1 ของประเทศฝรั่งเศส ผู้สร้างดัดแปลงเนื้อเรื่องจากหนังสืออัตชีวประวัติ L'Instinct de Mort ที่ เมส์รีน เขียนขึ้นขณะต้องขังในเรือนจำ
  • ผู้สร้างเห็นว่าชีวิตของ ชากส์ เมส์รีน มีเนื้อหามากมายจนต้องสร้างออกมาเป็นภาพยนตร์ยาว 2 ภาค โดนในภาค 2 นี้ ชากส์ กลายเป็นอาชญากรอันดับ 1 ของฝรั่งเศส ที่เต็มไปด้วยพวกพ้องและความหวาดระแวง จนกระทั่งถึงจุดจบของเขาในปี 1979
  • ผู้สร้างสร้างภาค 1 และภาค 2 พร้อมๆ กัน โดยใช้เวลาตั้งแต่ริเริ่มสร้างจนเสร็จสมบูรณ์นานกว่า 7 ปี ใช้เวลาเขียนบทและเสาะหาสถานที่ถ่ายทำอยู่ปีครึ่ง จากนั้นใช้เวลาถ่ายทำ 33 สัปดาห์หรือประมาณ 9 เดือน ตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม 2007 ถึงเดือนมกราคม 2008 โดยถ่ายทำกันที่ ฝรั่งเศส แคนาดา สหรัฐอเมริกา สเปน อังกฤษ และอัลจีเรีย
  • ผู้ริเริ่มการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ คือผู้อำนวยการสร้าง โตมาส์ ลองมานน์ ซึ่งอ่านหนังสือ L'Instinct de Mort เมื่อตอนที่เขาอายุ 10-11 ปี ในตอนนั้น โตมาส์ รู้สึกตกใจกับเนื้อหาในหนังสือมาก แต่ก็ยังเก็บหนังสือเอาไว้ตลอดมา กระทั่งเขาคิดที่จะดัดแปลงหนังสือเป็นภาพยนตร์ จึงไปปรึกษากับผู้กำกับ ชอง-ฟรองซัวส์ ริเชต์ และผู้เขียนบท อับเดล ราอูฟ ดาฟรี
  • ขณะที่ผู้สร้างถ่ายทำในตึกซึ่งเป็นที่ซ่อนแห่งสุดท้ายของ ชากส์ เมส์รีน บนถนนเบลลิยาร์ ประเทศฝรั่งเศส ผู้พักอาศัยในย่านนั้น เจ้าของร้านรวงต่างๆ หรือแม้แต่อดีตมิจฉาชีพทั้งหลาย จะแวะเวียนมาเล่าเรื่องของ ชากส์ ให้ผู้สร้างฟังอยู่เรื่อยๆ ทุกวันนี้มีหนังสือที่ว่าด้วยเรื่อง ชากส์ ราวๆ 15 เล่ม จากปลายปากกาของบรรดาผู้เคยสมรู้ร่วมคิด อดีตภรรยาทั้งหลาย และตำรวจที่เคยไล่ล่าเขา
  • แวงซองต์ กาสเซล ผู้รับบท เมส์รีน ใช้เวลา 4 เดือนก่อนถ่ายทำ เพิ่มน้ำหนักตัวมากถึง 45 ปอนด์ ทำให้การเดิน การหายใจ และน้ำเสียงของเขาเปลี่ยนแปลงไปหมด จากนั้น แวงซองต์ ก็เริ่มแสดงจากท้ายเรื่องไปจนถึงต้นเรื่อง โดยขณะถ่ายทำ น้ำหนักตัวของเขาลดลงไปถึง 9 ปอนด์เพราะความเครียด ตรงตามบทที่ เมส์รีน จะต้องดูผอมเมื่ออายุน้อย และดูอ้วนเมื่ออายุมากขึ้น การเพิ่มและลดน้ำหนักนี้อยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และมีการใช้สารกระตุ้นฮอร์โมนจากต่อมไร้ท่อ
  • ตลอดช่วงการถ่ายทำ มีเพียง 1-2 วันเท่านั้นที่ แวงซองต์ กาสเซล ผู้รับบท ชากส์ เมส์รีน ไม่ต้องเข้าฉาก
  • เดิม บาร์เบต ชโรเดอร์ ได้รับหน้าที่กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ทั้ง 2 ภาค แต่เขาผันตัวไปกำกับเรื่อง Inju, la be^te dans l'ombre (2008) ซึ่งมีนักแสดงนำเป็น เบนวาต์ มาจิเมล ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยได้รับเลือกให้มาแสดงนำใน Public Enemy Number One ทั้ง 2 ภาคนี้เช่นกัน
  • อีวา กรีน เคยได้รับเลือกให้มารับบท ซิลเวีย ชองชากคูต์ แต่สุดท้ายแล้วบทนี้ตกเป็นของ ลูดิวีน ซานเยร์
  • มาริยอง คอติยาร์ เคยได้รับเลือกให้มารับบท จีนน์ ชไนเดอร์ แต่สุดท้ายแล้วบทนี้ตกเป็นของ เซซิล เดอ ฟรองซ์
  • หลังจากภาพยนตร์เรื่อง Sur mes levres (2001) ที่ แวงซองต์ กาสเซล แสดงนำออกฉาย ผู้อำนวยการสร้าง โตมาส์ ลองมานน์ ต่อติด แวงซองต์ ให้มารับบท ชากส์ เมส์รีน ซึ่ง แวงซองต์ ตกลงรับปากในคราวแรก แต่ขอถอนตัวออกไปภายหลัง เพราะไม่ชอบบทภาพยนตร์ เบนวาต์ มาจิเมล จึงเข้ามารับบทนี้แทน พร้อมกับผู้กำกับ ชอง-ฟรองซัวส์ ริเชต์ ก้าวเข้ามาร่วมงาน แต่แล้ว เบนวาต์ ก็ถอนตัวออกไป และ แวงซองต์ กลับเข้ามาร่วมงานใหม่อีกครั้ง เพราะพอใจบทภาพยนตร์ใหม่ที่เขียนโดย อับเดล ราอูฟ ดาฟรี
  • เดิม ชอง-ปิแอร์ กาสเซล ได้มารับบทเป็นพ่อของ ชากส์ เมส์รีน ที่รับบทโดย แวงซองต์ กาสเซล แต่แล้ว มิเชล ดูโชส์ซัวย์ ก็ได้เข้ามารับบทนี้แทน
  • โฮเวิร์ด ชอร์ เคยได้รับเลือกให้มาทำหน้าที่แต่งเพลงประกอบทั้ง 2 ภาค แต่สุดท้ายแล้ว มาร์โค เบลทรามี และ มาร์คัส ทรัมปป์ เข้ามาทำหน้าที่แทน
  • ซามูแอล เลอ บิห์ออง ที่รับบทเป็น มิเชล อาร์ดัวน์ ต้องรับบทหนักเช่นเดียวกับ แวงซองต์ กาสเซล ที่รับบทเป็น ชากส์ เมส์รีน นั่นคือภารกิจเพิ่มน้ำหนักตัวมากถึงประมาณ 20 กิโลกรัม หรือ 44 ปอนด์
  • เดิม กีโยม แคเนต์ ได้รับเลือกให้มาแสดงเป็น ฟรองซัวส์ เบสส์ แต่สุดท้ายแล้วบทนี้ตกเป็นของ แมตธิว อมัลริก
  • เดิม โคลวิส กอร์นิลแลก ได้รับเลือกให้มาแสดงเป็น ชาร์ลี บัวเออร์ แต่สุดท้ายแล้วบทนี้ตกเป็นของ เจราด์ แลนแวง

advertisement

วันนี้ในอดีต

  • เขาชนไก่เขาชนไก่เข้าฉายปี 2006 แสดง วศิษฎ์ ผ่องโสภา, ทวีรัตน์ จุลศิริ, อภิพล ตรีเทวะวงษา
  • เดอะเลตเตอร์ เขียนเป็นส่งตายเดอะเลตเตอร์ เขียนเป็นส่งตายเข้าฉายปี 2006 แสดง มหาสมุทร บุณยรักษ์, ชลลดา เมฆราตรี, แอนดี้ เขมภิมุก
  • Happy FeetHappy Feetเข้าฉายปี 2006 แสดง Robin Williams, Hugh Jackman, Elijah Wood

เกร็ดภาพยนตร์

  • Night at the Museum: Secret of the Tomb - เป็นผลงานการแสดงเรื่องสุดท้ายของ โรบิน วิลเลียมส์ นักแสดงบท ธีโอดอร์ รูสเวลต์ ส่วนใน Absolutely Anything (2015) โรบิน เพียงพากย์เสียงเท่านั้น อ่านต่อ»
  • The Tale of The Princess Kaguya - มีความยาว 137 นาที ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องที่ยาวที่สุดของสตูดิโอจิบลิ โดยยาวกว่า Princess Mononoke (1997) 3 นาที อ่านต่อ»

เปิดกรุภาพยนตร์

Hello, Love, Goodbye Hello, Love, Goodbye เรื่องราวหลากหลายมุมของความรัก ทั้งจากจุดเริ่มต้นอันแสนหวานไปสู่ตอนจบที่แสนปวดร้าว ทุกๆ ช่วงเวลาทำให้เห็นถึงคุณค่าของคว...อ่านต่อ»