วิจารณ์ The Dark Knight

วิจารณ์ภาพยนตร์
  • เมื่อ 6 ก.ย. 54 21:12

    สั้นๆง่ายๆ"เรื่องนี้คือที่1ในใจผม"

    10/10

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 16 ก.ค. 54 01:02

    โคตรเทพเลย ผมรักคุณ คริสโตเฟอ โนแลน...

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 22 พ.ค. 54 21:39

    ติดตาม ภาค3มาเป็นปี -.- จะคลั่งตายอยู่ละครับ

    ชอบมาก ซุปเปอร์ฮีโร่ ที่เป็นแบบนี้ ฝันอยากเจอ มาตลอด
    เป็นอะไรที่ คาดไม่ได้ เดาไม่ได้จริงๆ Dramaสุดๆ ชอบครับ

    ไม่ให้คะแนน แต่ขอยกเป็นหนังอันดับ1ในใจผมเลยละกัน

  • เมื่อ 29 ม.ค. 54 06:39

    ยอดเยี่ยม ไร้ที่ติ พอดูจบตาค้างตั้ง 5 วิ

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 19 ส.ค. 53 00:42

    หนังดีจริงค่ะ แต่ไม่มีความสนุก บทพูดเชือดเฉือน หนังนาน แต่ไม่ได้อรรถรส ออกมารู้สึกโล่ง

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 17 ส.ค. 53 23:20

    หนังดี ทุกอย่างทำออกมาดีครับ แต่ผมว่าดูจบแล้วไม่รู้สึกตรึงใจ หรืออยากดูอีก

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 27 ก.ค. 53 20:20

    ดูจบแล้วปลื้ม Joker อ่ะ

    โหด สยอง หลอน ป่วน ฯลฯ

    ดีอ่ะ เท่ห์โคตรๆ Batman อ่อนไปเลย

    555

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 17 ม.ค. 53 14:32

    ก็โอเคนะ แต่เซ็งตรงที่ action น่าจะทำให้เยอะีกว่านี้นะี้ อาจเป็นเำพราะ เราติดตากับหนัง superhero แบบ action เยอะๆ และ เนื้อเรื่องบางทีก็งงๆ ตัดไปตัดมา ไม่รู้เรื่อง และบางตอนก็เอื่อยมากๆ

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 13 ม.ค. 53 00:48

    เรื่องนี้ให้แง่คิดที่ดี คนจะทำชั่วก็ง่ายนิดเดียว แต่ทำดีมาตั้งนาน ถ้าเผลอไปทำชั่วนิดเดียว มลทินจะมีทันที สิ่งทีดีที่ทำไป จะสูญเปล่าไปเลยแฮะ หนังเรื่องนี้เยี่ยมมากๆ แต่สงสารแบทแมนแฮะ ทำดีแต่ไม่ค่อยมีคนเห็น

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 10 ก.ย. 52 03:05

    The Dark Knight : เส้นบางที่เชื่อมระหว่าง "คนดี" กับ "คนชั่ว"


    ชื่อเรื่อง : แบทแมน อัศวินรัตติกาบ
    ประเภท : แอคชั่น
    วันเข้าฉาย : 17 กรกฏาคม 2551
    นักแสดงนำ : บรูซ เวย์น , ฮีธ เลดเจอร์ , มอร์แกน ฟรีแมน

    ภาคต่อของภาพยนตร์แอ็คชั่นเรื่องฮิตตลอดกาล Batman Begins,The Dark Knight นำพาผู้กำกับฯ คริสโตเผอร์ โนแลน มาพบกับดาราหนุ่ม คริสโตเฟอร์ โนแลน ผู้กลับมารับบทแบทแมน/บรูซ เวย์น เพื่อสานต่อสงครามอาชญากรรมด้วยความช่วยเหลือของผู้หมวดจิม กอร์ดอน และอัยการเขตฮาร์วีย์ เดนท์ แบทแมนมุ่งมั่นที่จะทำลายล้างองค์กรอาชญากรในกอธแฮมให้สิ้นซาก การทำงานแบบสามทหารเสือดูเหมือนจะสัมฤทธิ์ผล แต่ไม่ช้าพวกเขากลับพบว่าตกเป็นเหยื่อของอาชญากรอย่าง โจ๊กเกอร์ ผู้ซึ่งทำให้กอธแธมต้องตกอยู่ในความสับสนและบีบบังคับให้อัศวินดำต้องเฉียด เข้าไปใกล้เส้นแบ่งระหว่างวีรบุรุษและวายร้ายมากยิ่งขึ้น...



    ข้อความทั้งหมดเป็นข้อความบอกเล่าเนื้อเรื่องบางส่วนของภาพยนตร์
    ที่เห็นได้ทั่วไปตามแฮนบิลล์โปรโมทภาพยนตร์เรื่องนี้

    หนังฟอร์มยักษ์ที่ทำให้คุณไม่อยากจะลุกจากที่นั่งไปไหน
    แม้กระทั่งปวดฉี่จนแน่นท้องในเวลา 3 ชั่วโมงของการชมภาพยนตร์
    เพราะหนังทำให้เราไม่รู้ตัวว่าดูไปนานเท่าไหร่แล้ว
    หนัง3 ชั่วโมงยาวมาก
    แต่ดูแล้วเพลินเหมือนหนัง 2 ชั่วโมงทั่วไป
    หรือบางที อาจจะลืมไปเลยว่ากำลังนั่งดูหนังที่มีเวลาจำกัด
    กล่าวคือ



    ไม่มีเวลาที่จะทำให้คุณละสายตาจากจอภาพยนตร์
    เหลือบมองดูนาฬิกา
    ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว
    นั่งอยู่ในโรงนานแค่ไหนแล้ว
    และเมื่อไหร่จะจบ

    เพราะคุณไม่อยากให้หนังเรื่องนี้จบ
    นั้นคือความรู้สึกที่หลาย ๆ คนเป็นเช่นนั้น

    พูดถึงโดยรวมของหนัง
    เป็นหนังแนว แอ็คชั่น
    แต่
    ตัวเนื้อเรื่องของหนังเรื่องนี้
    ไม่ได้เป็นหนังแอ็คชั่นที่อาจจะไม่มีเหตุผลในการใส่ฉากแอ็คชั่นลงไป
    เพราะทุกฉากมีความหมายอยู่ในตัวเองหมด
    ทุกฉากของช่วงจังหวะการแสดงบทบาทแอ็คชั่นไม่ว่าจะอัศวินหรือเหล่าวายร้าย
    ล้วนมีปมและเหตุผลอยู่ในการกระทำนั้นเสมอ
    แต่ จะมีใครสัมผัสประเด็นตรงนั้นได้



    หนังแอ็คชั่น ขายที่ความตระการตาของฉากทำลายล้างที่ใช้งบประมาณมหาศาลในการทำลายข้าวของ
    ถือได้ว่าเป็นจุดแรกของการขายหนังแอ็คชั่น
    ส่วนรายละเอียดที่ตามมาที่ผู้ชมจะได้รับในภาพยนตร์
    คือ ผลพลอยได้ที่คนดูจะได้รับ และซึมซับตามแต่บุคคล


    The Dark Knight




    เปิดฉากมาที่ การเปิดตัวของโจ๊กเกอร์ ที่ ฮีธ เลดเจอร์ เล่นเอาไว้ได้ดีเหลือเกิน
    เรียกว่าเป็นบทบาทที่แทบจะชิงบทเด่นที่สุดมาจากแบทแมนเลยก็ว่าได้
    นั้นไม่ใช่เพราะเราให้เกียรติแก่ ฮีธ เลดเจอร์ ที่จากพวกเราไปอย่างสงบ
    แต่เพราะ นั้นคือความจริงที่ว่า
    ฮีธ เลดเจอร์ ทำให้เราเชื่อในบทบาทนั้น
    ชั่วได้ใจจริงๆ แต่ในความชั่วนั้น สิ่งที่เราได้เห็นจากเขาก็คือ
    ส่วนลึกของจิตใจคน
    การทำชั่วของเขา ไม่ใช่เพื่อตัวเขา
    แต่เพื่อโลก เพื่อที่จะให้ โลกประจักษ์กับคำว่า


    "ความดี ความชั่ว มันอยู่ใกล้กันมาก"
    คนที่ดีที่สุด อาจกลายเป็นคนที่ชั่วที่สุด เมื่อถึงจุดหนึ่งแห่งการพลิกพลันของส่วนลึกในจิตใจ"

    โจ๊กเกอร์ เป็นตัวดำเนินเรื่องที่ดีมากในภาคนี้
    เขาเป็นตัวทำลายล้างที่มีสมองมากกว่าตัวร้ายอื่นๆ ในหลายๆเรื่อง
    แม้ว่าตัวร้ายในเรื่องอื่นอาจจะเก่งกาญด้านเทคโนโลยี มีมันสมองด้านนี้เป็นเลิศ


    แต่โจ๊กเกอร์ต่างกันตรงที่
    ตัวของโจ๊กเกอร์เอง ซึบซับถึงจิตใจได้มากที่สุด
    เป็นวายร้ายที่เล่นกับจิตวิทยาได้อย่างโหดเหี้ยม สยดสยองที่สุด
    ในความเป็นวายร้ายของโจ๊กเกอร์ มีบางสิ่งที่ทำให้รู้สึกขัดแย้งอยู่ลึกๆว่า
    เขาเป็นคนดี เพียงแต่มีบางสิ่งที่ทำให้คนดีๆอย่างเขาต้องเปลี่ยนไป
    สภาพสังคม ครอบครัว การเลี้ยงดู พื้นฐาน ความทรงจำที่โหดร้าย ของสังคมที่ทำให้เขาเป็นอย่างทุกวันนี้
    เขาจึงอยากจะกลับมา เพื่อ บอกโลกว่า


    "ทุกสิ่งที่โลก ที่ชาวเมืองกอธแธม จิตใจที่โหดเหี้ยม
    เห็นแก่ตัวของชาวเมืองกอธแธม ได้ทำกับเขา เขาจะเอาคืนให้หมด"


    โจ๊กเกอร์ไม่ได้ฆ่าทีละคน เขาไม่ได้เป็นผู้ฆ่า แต่เป็นคนสั่งให้คนฆ่ากันเอง
    นิคือ จิตวิทยา ที่น่ากลัวที่สุด
    น่ากลัวกว่าการเอามือแทงกัน เอามือยิงกัน เพราะสิ่งที่โจ๊กเกอร์ทำ มัน "ทรมานมากกว่านั้น"

    ขนาดที่ทำให้แบทแมนแพ้ใจตัวเองหลายครั้ง
    สับสนจนทำอะไรไม่ถูกหลายหน

    จะว่าไปแล้ว
    ภาคนี้ โจ๊กเกอร์เด่นกว่า แบทแมน ซะอีก
    ทั้งการคิดแผนการที่แยบยล ป่วนหัวแบทแมนและชาวเมือง
    ให้ตกอยู่ในสภาวะของความตึงเครียด วุ่นวาย สับสน
    ด้วยอำนาจเหนือการควบคุม ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ "จิตใจ ของใครของมัน"

    ตัวหนังทำให้คนดูตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับชาวเมือง หรือตัวละครย่อย ๆ ภายในเรื่องได้อย่างร้ายกาจ
    ยิ่งอินกับบทภาพยนตร์มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเกลียดการกระทำของคนในเรื่องมากเท่านั้น
    แต่ลืมไปอย่างนึงรึป่าว ว่า คนดูอย่างเราๆ
    ก็เป็นเช่นเดียวกับ คนทั้งหลายในเรื่องเหมือนกัน
    ถ้าเป็นคุณ
    จะเลือกทำอย่างไร

    "ให้ตัวเองมีชีวิตรอด โดยแลกกับ การสูญเสียของคนจำนวนมาก

    "ยอมเสียชีวิตคนเลวๆ ในสายตาของหลายๆคน หรือ เคยเลว
    เพราะเห็นว่าไม่มีค่า ไม่สมควรมีชีวิตอยู่ แค่นั้นหรือที่คุณตัดสิน"

    "คนเลวๆ ที่สังคมรังเกียจ ทำไมถึงไม่ลงมือทำบางสิ่ง
    ทั้งที่ เคยทำมาแล้วครั้งหนึ่ง ทำไมเค้าถึงไม่เลือกที่จะทำ"

    อีกหลายข้อสงสัย
    ที่แน่นอนว่า นั้นเป็นบทพิสูจน์ความร้ายกาจที่พวกเราลืมไม่ลง



    คนที่ดีที่สุดสามารถกลายเป็นคนที่เลวที่สุดได้เช่นเดียวกัน

    ข้อนี้เองที่โจ๊กเกอร์พยายามจะทำให้พวกเราได้รับรู้ถึงความเป็นจริงข้อนี้ "คนดีก็เลวเป็น"
    มนุษย์เรามีสองด้านเสมอเพียงแต่ว่า พวกเราจะถูกด้านไหนครอบงำเพียงเท่านี้
    ตัวเอกอีกคนในเรื่องที่ซึ่งถึงแม้ว่าจะไม่เด่นเท่ากับโจ๊กเกอร์หรือตัวพระเอกตลอดกาล แบทแมน เองก็เหอะ
    แต่ตัวละครตัวนี้มีความสำคัญมาก ขาดไม่ได้ เพราะอะไร?

    เพราะว่า ตัวละครตัวนี้เหมือนเป็นจุดเริ่มต้นของผมปัญหาและบทสรุปของปัญหาที่สะท้อนออกมาจาก
    ความเป็นจริงของสังคมในแง่มุมอีกด้านหนึ่งของคนดีๆคนหนึ่ง
    ที่ เมื่อถึงจุดที่สูญเสียที่สุด หรือตกต่ำสุดในชีวิตไปแล้ว เขาก็สามารถที่จะทำอะไรก็ได้
    ซึ่งบางสิ่งนั้น พวกเราอาจไม่อยากจะให้เกิดขึ้นจริงเลย แต่ก็ไม่สามารถห้ามได้
    บางทีการตัดสินใจครั้งสุดท้ายของคนที่ไม่คาดคิด อาจจะน่ากลัวกว่าที่คิด
    นั้นคือสิ่งที่ถูกผูกเป็นปมให้กับตัวละครตัวนี้

    พูดถึงนางเอกของเรื่ง

    ไม่รุ้จะเรียกว่าอะไร สงสัยคงจะเป้นเพราะ นิแหละคือ ผู้หญิงของซุปเปอร์ฮีโร่หรือเปล่า?
    ลองย้อนกลับไปดูหลายๆ เรื่อง สไปเดอร์แมน ซุปเปอร์แมน หรืออะไรก็ตามที่เป้นหนังซุปเปอร์ฮีโร่
    นางเอกจะมีรูปร่าง ลักษณะ คล้ายๆกันโดยทั้งสิ้น

    บทบาทของที่ในภาคนี้ เราไม่อาจรุ้ได้เลยว่า ทำไมเธอถึงเลิกกับพระเอก
    เพราะในตอนจบของแบทแมน ภาคแรก ยังรักกันหวานซึ้งอยู่เลย
    แต่ตอนสุดท้ายตัวของเธอก็ได้เผยให้เราเห้นแล้วว่า เหตุผลที่แท้จริงของเธอคืออะไร?
    คำตอบอาจจะเป็นสิ่งที่เจ้บปวดสำหรับแบทแมน แต่มันอาจจะเป็นทางออกที่ถูกต้องและสมควร
    สำหรับคนอีกสองคนที่รักกัน ก็เป้นได้ ผุ้ชายคนปัจจุบันที่เธอคบอาจจะไม่ได้วิเศษเลิศเลอ มีพละกำลัง
    แต่เขารักเธอ และเขาเป็นคนดี บางครั้งเธอก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่า คนที่ดูแลเธอได้ อยู่กับเธอได้
    ซึ่งในข้อนี้ แบมแมนต้องยอมรับความจริงซะแล้ว
    จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมแบทแมนไม่พยายามแย่งเธอกลับมา

มีทั้งหมด 69 วิจารณ์ หน้าที่ 1 [ก่อนหน้า] 1 2 3 4 5 6 7 [ถัดไป]
เขียนวิจารณ์
จะต้องลงชื่อเข้าใช้ระบบก่อน จึงจะเขียนวิจารณ์ได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+

advertisement

วันนี้ในอดีต

เกร็ดภาพยนตร์

  • The Age of Adaline - แองเจลา แลนส์บูรี คือนักแสดงที่ถูกวางตัวให้รับบท เฟลมมิง เมื่อปี 2010 แต่ท้ายสุดแล้ว เอลเลน เบอร์สตีน คือผู้ที่ได้แสดงบทนี้ อ่านต่อ»
  • Skin Trade - ดอล์ฟ ลันด์เกรน ผู้รับบท นิก เขียนบทเรื่องนี้ในปี 2006-2007 โดยตั้งใจว่าจะกำกับเอง แต่ภายหลังตัดสินใจมอบหน้าที่กำกับให้แก่ เอกชัย เอื้อครองธรรม โดย ดอล์ฟ จะได้ทำหน้าที่ควบคุมงานสร้างได้อย่างเต็มที่ อ่านต่อ»

เปิดกรุภาพยนตร์

Dumbo Dumbo เรื่องราวของเจ้าของคณะละครสัตว์ แม็กซ์ เมดิซี (แดนนี เดอวีโต) ที่ขอให้อดีตนักแสดง โฮลต์ ฟาริเออร์ (โคลิน ฟาร์เรลล์) และ...อ่านต่อ»