SIAMZONE.COM

ก็ไม่ดูมาแล้วตอนแรกก็นึกว่าจะเป็นหนังแต่มารู้อีกทีเป็นแอนนิเมชั่นก็ดีนะ รู้สึกว่าภาพตัวละครสร้างได้ละเอียดดีดูสมจริงบางในบางตอน ถือได้ว่าใช้ได้แต่เนื้อหาในส่วนของตอนจบดูออกจะสับสนซะหน่อยน่าจะมีการพูดสรุปในตอนจบด้วยคนดูจะได้เข้าใจเพราะบางคนก็งงในตอนจบไม่เข้าใจบทสรุปของเรื่องว่าต้องการสื่อว่าอะไร...

รู้สึกชอบ ผมคิดว่าผู้สร้างเขาจงใจที่จะทำให้ออกมาเหมือนแบบแอนนิเมชั่นมากกว่าทั้งสีหน้าและแววตา หนังสนุกดี

ในส่วนนี้จะเป็นคำวิจารณ์ของผม ซึ่งอาจจะมีบางอย่างที่ทำให้ผู้ที่ยังไม่ได้ดูในเรื่องราวของหนัง ใครที่ไม่อยากรู้ก็มองข้ามในส่วนของผมไปได้เลยครับ

Beowulf : ขุนศึกโค่นอสูร

ผมมีความรู้สึกเหมือนกับหนัง 300 ตอนที่ได้ดูตัวอย่างนี้เพียงแต่ว่ามันเป็นภาพอนิเมชั่นซึ่งอยู่ในเรตที่ค่อนข้างจะไม่เหมาะกับลูกเล็กแดงหนู่น้อยนา ๆ เลย ในตัวอย่างจะมีดนตรีประกอบเป็นเพลงที่ทำให้นึกถึง 300 แต่ในหนังกลับไม่เป็นเช่นนั้น

ในส่วนของภาพนั้นผมยอมรับได้เลยว่าเทคโนโลยีได้ก้าวหน้าไปมากจริง ๆ ภาพแต่ละภาพที่ออกมานั้นสวยงามเกินที่ติ มีความสมจริงในแบบภาพกึ่งเกมส์ การจัดแสงและเงาของฉากต่าง ๆ ที่อยู่ในเรื่องนั้นดูเหมาะสมกับตัวละครในฉาก แต่ข้อเสียที่อาจจะรู้สึกไปเองหรือผู้ชมท่านอื่น ๆ อาจจะรู้สึกไปด้วยคือ การแสดงสีหน้าและอารมณของตัวละครดูไม่ค่อยจะสมจริงเท่าที่ควรโดยเฉพาะแววตาของตัวละครที่ดูค่อนข้างจะทื่อมากกว่าที่ควรจะเป็น ในส่วนของผิวตัวละครตัวเอกของเรื่องนั้นมีผิวที่ค่อนข้างละเอียดดูเป็นภาพที่สวยสุด แต่ตัวร้ายของเรื่องที่เป็นอสูร ป้าโจของผมนั่นแหละ รูปร่างเป็นแบบอาบทองแต่มันดูแวววาวเกินไปเมื่อเทียบกับตัวละครอื่น ๆ จนทำให้ภาพที่ได้ออกมานั้นดูเป็นภาพหลอกในฉากมากกว่าความกลมกลืน แต่ในโครงสร้างสรีระของตัวละครทุกตัวนั้นดูดีจนยกนิ้วให้ ยิ่งป้าโจนั้นหุ่นเธอดีจริง ๆ สวยครับ

ที่รู้สึกว่าแย่คือตรงเสียงประกอบต่าง ๆ ในหนัง อย่างเวลาที่ตัวละครสนทนากันนั้น มันดูเงียบเกินไป น่าจะมีเสียงอื่น ๆ เข้ามาแทรกบ้าง และเสียงที่เป็นเหมือนกองทัพที่เกิดขึ้นในหนังนั้นมีมากเกินไป (ไม่รู้ว่าทุ่มไปกับภาพมากเกินไปหรือเปล่าจึงทำให้เรื่องเสียงดูแย่ไป) สรุปว่าเสียงเงียบเกินไป แม้แต่เพื่อนผมยังดูแล้วง่วงนอนเลย

เนื้อเรื่องนั้นถือว่าโอเค ดูไม่ซับซ้อนเท่าที่ควร เข้าใจง่าย แต่เร็วไปหน่อยและในบางอย่างยังเล่าไปมาแบบวกวน แต่ในเรื่องโดยหลักจะเน้นเรื่องกิเลศจริง ๆ อย่างที่คนอื่นพูดมาว่า วีรบุรุษทุกคนย่อมมีความเห็นแก่ตัวบ้างเป็นธรรมดา ซึ่งในตอนจบผมว่าจบอย่างดี มันชวนให้ขบคิดต่อไปว่าสรุปแล้วเราก็ไม่สามารถหนีกิเลศพ้นไปได้ ต่อให้เราเป็นพ่อพระขนาดไหนก็ตาม

สรุปคือหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ผมคาดหวังไว้ค่อนข้างสูง แต่ถ้าจะให้ความบันเทิงผมว่ายังน้อยเกินไป รวมถึงเนื้อเรื่องที่พยายามจะให้รู้ซึ้งแต่พอออกจากโรงหนังแล้วกลับรู้สึกเฉยเสียมากว่า อาจจะมีข้อคิดให้บ้างแต่สำหรับผมยังไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ เนื้อเรื่องอาจจะลืมไปในสองสามวัน แต่ในเรื่องภาพถ้ามองผ่าน ๆ ในส่วนของป้าโจไป สุด ๆแล้วครับ เด็ดจริง

ถ้าผมจะให้คะแนนเต็ม 10

7.5 ครับ

ชอบอะ ไม่รู้เนื้อเรื่องมาก่อน เลยติดตามตลอด ไม่หลับเลย หนุกมาก ตอนสู้กับมังกรลุ้นดี เอาไป 10 ขี้เกียจหวงคะแนน

คาดหวังไว้สูง ไปดูเลยรู้สึกผิดหวังนิดหน่อย

ไม่ค่อยชอบตอนจบ เนื้อหาก็เฉยๆ

แต่รูปสวยค่ะ

ก็สนุกดีนะ
ภาพสวยมากๆเลยอ่ะ
แต่ไม่อยากให้จบแบบนี้เลย

Beowulf : ขุนศึกโค่นอสูร

จากหน้าหนังทำให้ผมอดคิดถึง 300 หนังฮิตที่เพิ่งจะลงโรงไปเมื่อต้นปีนี้
ยิ่งตัวอย่างก็ยิ่งเหมือนเข้าไปใหญ่ ทั้งท่าทาง การพูดจาที่หนักแน่นข่มศัตรู และการต่อสู้ที่บ้าบิ่นหลุดโลก
และเมื่อเข้าไปชมแล้ว หลายๆคนถึงกับอาจจะอุทานหลังจบเลยว่า นี้มัน 300 เวอร์ชั่นการ์ตูนเลยนี้ว่า แถมบ้าบิ่นพอกัน


แต่ว่าหนังเรื่องนี้มีชื่อติดในการถูกพิจาณาเพื่อที่จะเป็น 1 ใน 3 เอนิเมชั่นที่จะได้ไปชิงออสการ์
ถ้าถามโดยส่วนตัวว่าควรจะติด 1 ใน 3 ไหม ผมว่าเห็นด้วยเพราะตัวหนังเองก็มาจาก
นิยายบทเรียนตามมัธยม
ถ้าเปรียบเทียบกับบ้านเราก็ประมาณสุนทรภู่นะครับ ศัพท์และการพูดต่างๆก็ออกแนวกวี บทประพันธ์
ซึ่งทางฝรั่งเองที่เรียนเขาก็หลับไม่แพ้กันเนื่องจากใช้ภาษายากและเนื้อเรื่องยืดยาว
แต่ผกก. Robert Zemeckis ก็ทำให้เรื่อง่นาเบื่อให้กลายเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นด้วยเทคนิค
Motion Capture ซึ่งยอมรับว่าดูสมจริงและสวยงามมากๆ และยิ่ง Angelina Jolie
ยิ่งขึ้นกล้องใหญ่ ทั้งสวยและน่าหลงใหลตามคอนเซปท์เรื่องด้วย

Ray Winstone รับบท Beowulf ได้หนักแน่นสมจริงและน่าเกรงขามอย่างมาก
ไม่น้อยหน้า Gerard Butler เลย
แถมตัวละครที่เขาได้รับยังดูมีมิติกว่า ช่วยทำให้การแสดงดูหม่นหมองตามเนื้อเรื่องไปด้วย
ชอบตรงที่ตัวละครตัวนี้ไม่ได้มีแต่ความแข็งแกร่งโหดร้ายดังภายนอก
แต่ภายในเขากับอ่อนแออย่างไม่น่าเชื่อ มีตัณหาที่ทำให้ลุ่มหลง จึงทำให้ตัวละครตัวนี้
ดูมีมิติและมีความเป็นมนุษย์มากๆ ทำให้เห็นเลยว่า
ถ้าคนเราหลงในอำนาจ ตัณหา ก็อาจทำให้มีแต่ความวุ่นวายและพินาศ
ใครประทับใจ 300 เรื่องนี้ก็ไม่น่าพลาดเช่นกันครับ แถมเรื่องนี้ลีลาเทคนิคต่างๆก็มีความคล้ายคลึงกับ เกมส์ God of War ด้วยครับ

ในด้านการดำเนินเรื่องรวดเร็วฉับไวไม่น่าเบื่อแม้แต่น้อย เพียงไม่เท่าไรก็เข้าสู่ประเด็นหลักแล้ว
แถมโดยตลอดทั้งเรื่องก็ยังดำเนินเรื่องเร็ว จะมีอืดช้าบ้างก็บางช่วงแต่ก็ยังน่าให้อภัย

ถ้าสมมุติว่า Beowulf ถูกตัดสินจริงๆในการเข้าร่วมชิงสาขาเอนิเมชั่นก็น่าเสียดายไม่ใช่น้อย
ซึ่งเรื่องก่อนหน้านี้ก็เป็น Lust,Caution ซึ่งน่าเสียดายมากๆ

เรื้อเรื่อง ดำเนินเรื่องและเล่าเรื่องได้รวดเร็ว ไม่อืดยืดเกินจำเป็น แต่เนื้อเรื่องก็ยังมีไม่มากนัก
เอฟเฟกต์ Motion Capture เรื่องนี้พัฒนาจาก The Polar Express ดีกว่ามากๆทั้งความสวยและสมจริง
การแสดง Ray Winstone และ Angelina Jolie เล่นได้น่าประทับใจ รายแรกเล่นได้หมองหม่นและดิบเถื่อนได้พอเหมาะ
ส่วนรายหลัง เย้ายวนและร้ายเยี่ยงนางมารยากแก่การลืมเลือน
ความบันเทิง 300 รวมกับ God of War ชอบฉากต่อสู้มาก พริ้วไหวและดิบเถื่อน
คุณภาพ จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าประทับใจอีกเรื่อง

มาดูคะแนนกันเลยครับ
เนื้อเรื่อง 7.5/10
เอฟเฟกต์ 10/10
การแสดง 8/10
ความบันเทิง 8/10
คุณภาพ 8/10
คะแนนรวม 41.5/50 ให้เกรด A- ครับ แต่ถ้าส่วนตัวผมให้ A- เช่นกันครับ
ถือว่าตัวหนังทำออกมาได้ตื่นเต้นตระกาลตา ถึงแม้ว่าต้นฉบับจะมาจากกวี บทประพันธ์ชวนง่วงนอน
ด้ายภาพและเอฟเฟกต์นี้สวยตามคาด ส่วนการแสดงของ Ray Winstone ที่รับบท Beowulf ตีบทแตกสุดๆ
อันนี้นับว่าเป็นเซอร์ไพรส์ของแถมจากเรื่องนี้ละกันครับ

ก็อย่างว่า C G ทำดีมากแต่หนังมันไม่สนุกเท่าที่ควร หลับไปก็หลายรอบ
รู้สึกไม่ผิดหวังที่เข้าไปดู เพราะกะแค่ค่าเวลารอเพื่อน

โดยรวมก็โอเคอ่ะครับ เกรนเดลน่ากลัวดี(แอบๆหลอน เหอๆๆๆ) แต่ตอนจบดูงงๆๆยังไม่รู้อ่ะครับ

คอมกราฟฟิก ดีครับ แต่ด้วยเนื้อเรื่อง ไม่สนุกครับ เรื่องก็ไม่ดีเท่าที่ควรครับ ตัวนักแสดงผู้หญิง ความสวยก็ไม่เท่าไหร่ครับ คือว่าพอดูจบก็ ผิดหวังอยู่ครับ ที่เราเห็นจากโฆษณา น่าดูกว่านี้ครับ